ศาสนาอิสลามมีองค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างหลัก 3 ประการ
กล่าวคือ
1.หลักความเชื่อ หรือที่เรียกว่า หลักอีหม่าน (รุกนอีหม่าน)
2.หลักการปฏิบัติ หรือที่เรียกว่า หลักอิสลาม (รุกนอิสลาม)
3.ความบริสุทธิ์ใจ หรือที่เรียกว่า หลักคุณธรรม (อัลเอียะฮ์ซาน)
หลัก 3 ประการนี้ได้มาจากคำสอนของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม จากรายงานหะดิษที่มีบันทึกอยู่ในศอเฮียะฮ์มุสลิม ดังนี้
"ขณะที่พวกเราอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในวันหนึ่ง ก็มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเรา เขาสวมเสื้อผ้าที่ขาวสะอาด, มีผมสีดำสนิท, ไม่มีร่องรอยการเดินทางปรากฏให้เห็น และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเราที่รู้จักเขา จนกระทั่งเขาได้เข้ามานั่งเอาเข่าเกยกับเข่าของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และเอามือทั้งสองวางบนหน้าตักของเขา แล้วกล่าวว่า
โอ้มูฮัมหมัด โปรดบอกฉันเกี่ยวกับอิสลาม ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้ตอบว่า อัลอิสลาม คือ การที่ท่านปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์อัลลอฮ์ และมูฮัมหมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮ์ และการที่ท่านจะต้องดำรงละหมาด, จ่ายซะกาต,ถือศีลอดเดือนรอมฏอน และทำฮัจญ์ ณ.บัยตุ้ลลอฮ์ หากมีความสามารถกระทำได้
เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกต้องแล้ว เขา (อุมัร) กล่าวว่า พวกเราแปลกใจในตัวเขาที่เขาถามและก็ยืนยันในคำตอบเสียเอง เขาถามต่อไปว่า ได้โปรดบอกฉันเกี่ยวกับ อัลอีหม่าน ท่านตอบว่า คือการที่ท่านศรัทธาต่ออัลลอฮ์, บรรดามะลาอิกะห์ของพระองค์, บรรดาคัมภีร์ของพระองค์, บรรดาศาสนทูตของพระองค์, ศรัทธาต่อวันพิพากษา, และศรัทธาต่อการกำหนดความดีและความชั่วของพระองค์ เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกต้องแล้ว
เขาถามต่อไปว่า โปรดบอกฉันเกี่ยวกับ อัลเอียะห์ซาน ท่านตอบว่า คือการที่ท่านต้องสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์ประหนึ่งว่าท่านเห็นพระองค์ หากแต่ท่านมิได้เห็นพระองค์ แต่พระองค์ทรงเห็นท่าน เขาถามต่อไปว่า ได้โปรดบอกฉันเกี่ยวกับกาลอวสาน ท่านตอบว่า ไม่ใช่ว่าผู้ถูกถามถึงเรื่องนี้จะรู้ดีไปกว่าผู้ถาม
เขาถามว่า โปรดบอกฉันเกี่ยวกับสัญญาณต่างๆ ของมัน ท่านตอบว่า คือการที่นางทาสจะคลอดผู้เป็นนายของนาง, และการที่ท่านจะได้เห็นผู้ที่มีแต่เท้าเปล่า,ผู้ไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่, ชาวชนบทผู้ขัดสนที่ต้อนฝูงแกะ พวกเขาจะแข่งขันกันสร้างอาคารสูง เขา (อุมัร) กล่าวว่า หลังจากนั้นผู้ถามก็กลับไป โดยที่ฉันยังสงสัยอีกนาน
แล้วท่าน (นบี) ก็กล่าวแก่ฉันว่า โอ้อุมัร เจ้ารู้ไหมว่า ผู้ถามเป็นใคร ฉัน (อุมัร) ตอบว่า พระองค์อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์รู้ดีที่สุด ท่านกล่าวว่า เขาคือญีบรีล (มะลาอิกะห์) เขามาเพื่อบอกเรื่อง (สำคัญ) ในศาสนาของพวกเจ้า"
(บันทึกอยู่ในศอเฮียะฮ์มุสลิม กิตาบุ้ลอีหม่าน/หมวดที่1/บทที่1/ฮะดีษเลขที่0001)
^^^^หลักทั้ง 3 ประการ ดังกล่าวมาจะต้องอยู่ควบคู่กัน จะขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ เช่น คนที่ปฏิบัติศาสนาได้อย่างครบถ้วนแต่ความเชื่อของเขาไม่ถูกต้อง ฉะนั้นการการปฏิบัติของเขาก็ไร้ผล หรือคนที่เชื่อถูกต้องแต่ปฏิบัติไม่ถูก ก็ไร้ผลเช่นเดียวกัน หรือคนที่เชื่อถูก ปฏิบัติก็ถูก แต่ไม่มีความบริสุทธฺิ์ใจในความเชื่อหรือในการปฏิบัตินั้น งานของเขาก็ไร้ผล"""
กรณีความเชื่อเขาไม่ถูกต้อง
จากกล่าวหะดิษที่ยกมาข้าง
ระบุว่า"..ขอสาบานต่อผู้ซึ่งที่อับดุลลอฮ์ บุตรของอุมัร ยืนกรานสาบานต่อพระองค์ว่า หากพวกเขามีทองดั่งภูเขาอุฮุด แล้วนำมันไปบริจาค พระองค์อัลลอฮ์ก็จะมิทรงรับการบริจาคนั้น จนกว่าพวกเขาจะศรัทธาต่อเรื่องการกำหนดสภาวการณ์อย่างถูกต้องเสียก่อน..."
กรณีความเชื่อถูกต้องแต่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง งานของเขาก็ไม่ถูกตอบรับ<<
ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า ฉันเคยได้ยินท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า "การละหมาดโดยไม่มีน้ำละหมาดนั้น จะไม่ถูกตอบรับ และการบริจาคทรัพย์ที่ยักยอกมาจะไม่ถูกตอบรับเช่นเดียวกัน"
(หะดิษเศาะเฮียะฮ์...บันทึกโโยมุสลิม กิตาบุตตอฮาเราะฮ์ บทที่ 2)
กรณีมีความบริสุทธฺิ์ใจในความเชื่อหรือในการปฏิบัตินั้น
" และพวกเขามิได้ถูกบัญชาให้กระทำอื่นใดนอกจากเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการภักดีต่อพระองค์ เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงและดำรงการละหมาด และจ่ายซะกาต และนั่นแหละคือศาสนาอันเที่ยงธรรม "
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลบัยยินะฮฺ 98:5)
والله أعلم
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น