อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ผู้ที่ถูกผู้นำชั่วสังหาร


                 ผู้ที่อิมาม(ผู้นำ) ชั่วได้สังหารผู้หนึ่ง เพราะว่าผู้นั้นได้ลุกขึ้นไปหา แล้วได้ตักเตือนอิมาม ถือว่าผู้นั้นเป็นนายของของบรรดาผู้ตายชะฮีด

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"นายของบรรดาผู้ตายในสงครามนั้น คือ ฮัมซะฮฺ อิบนุ อับดิลมุฏฏอ่อลิบ และชายคนหนึ่งที่ลุกขึ้นไปหาอิมาม (ผู้นำ)ชั่ว แล้วเขาได้ใช้เขา และเขาได้ห้ามเขา แล้วเขาได้สังหารเขา" (บันทึกหะดิษโดยอัลฮากิม อัลค่อฏี้บกล่าวว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ)
การยืนหยัดของท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุฮัมบัลปฏิเสธความเห็นของผู้นำแห่งราชวงศ์อัลอับบาสิยะฮฺ 

               ท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุฮัมบัล เป็นอุละมาอฺหนึ่งในมัซฮับ โดยรู้จักในนาม มัซฮับฮัมบาลีย์" ท่านอิมามอะหฺมัดอยู่ในยุคของเฆาะลีฟะฮฺอัลมะมูม แห่งราชวงศ์อัลอับบาสิยะฮฺ ซึ่งยึดมั่นในมัซฮับมุอฺตะซิละฮฺ โดยเขามีความคิดว่า อัลกุรอานคือมัคลูกฺ (สิ่งที่ถุกสร้าง) แล้วเขาก็นำเสนอแนวคิดข้างต้นให้กับประชาชน และส่งสาน์นไปยังบรรดาอุละมาอฺในยุคนั้น ซึ่งทั้งหมดก็ต่างก็พากันก้มหัวและยอมรับความคิดเห็นของของเฆาะลีฟะฮฺท่านนั้น ด้วยความเกลงกลัวอำนาจ และอิทธิพล รวมทั้งเกลงว่าจะถูกทรมานถ้าหากแสดงความเห็นใดๆออกมาในเชิงคัดค้าน

               แต่สำหรับอิมามอะหฺมัดกลับปฏิบัติตรงกันข้าม กล่าวคือท่านปฏิเสธไม่ยอมน้อมรับความเห็นเช่นนั้่น โดยยืนหยัดอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรงและถูกต้องโดยไม่หวาดเกลงต่ออำนาจอิทธิพลใดๆ ของเฆาะลีฟะฮฺท่านนั้น ท่านอิมามอะหฺมัดยังยืนยันว่า อัลกุรอานนั้นคือ กะลามุลลอฮฺ (คำดำรัสของอัลลอฮฺ) กล่าวว่า คัมภีร์อัลกุรอานคือคำดำรัสของอัลลอฮฺ ศุบอานะฮูวะตะอาลา ซึ่งไม่ใช่สิ่งถูกสร้างของอัลลอฮฺ หากบุคคลใดเข้าใจเช่นนั้น ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดไปจากอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง

               เมื่อเฆาะลีฟะฮิทราบเรื่องก็สั่งให้จับกุมท่านอิมามอะหฺมัด แต่ระหว่างจับกุมตัวท่านอิมามอะหฺมัดนั้น เฆาะลีฟะฮฺมะมูมก็สิ้นชีวิตเสียก่อน ลูกชายของเขาคือมะอฺตะซิมเป็นผู้ตัดสินอิมามอะหฺมัดแทนพ่อของเขา ซึ่งพ่อของเขาได้สั่งเสียไว้เช่นนั้น ครั้นเมื่อเฆาะลีฟะฮฺมะอฺตะซิมสอบถามอิมามอะหฺมัดถึงอัลกุรอานว่าเป็นอะไร? ท่านอิมามอะหฺมัดก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเป็นคำดำรัสของอัลลอฮฺ เมื่อเฆาะลีฟะฮฺรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจอิมามอะหฺมัดได้เลย เขาจึงสั่งให้เฆี่ยนอิมามอะหฺมัด จนสลบหมดสติ กระทำเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง แล้วยังคุมขังอิมามอะหฺมัดเป็นเวลานาน 2 ปี 6 เดือน จากนั้นจึงปล่อยอิมามอะหฺมัดเป็นอิสระ (หนังสือ สี่อิหม่าม หน้า 134-144)



والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


2 ความคิดเห็น: