อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมื่อโรเบิร์ตกล่าวว่าเยซูคริสต์เป็นมุสลิม



ศาสตราจารย์ด้านศาสนา โรเบิร์ต เอฟ. เชดินเจอร์ เขียนแสดงความคิดเห็นในหนังสือเล่มใหม่ของเขาว่า พระเยซูเป็นมุสลิม (รอยเตอร์)


โรเบิร์ต เอฟ. เชดินเจอร์ ศาสตราจารย์ด้านศาสนาที่วิทยาลัยลูเธอร์ ในรัฐไอโอวา ได้กล่าวอ้างเชิงโต้แย้งในหนังสือเล่มใหม่ของเขา โดยแสดงความคิดเห็นว่า พระเยซูคริสต์เป็นมุสลิม

ในตอนต้นของหนังสือที่จะเปิดตัวในปีนี้ เชดินเจอร์ตั้งคำถามว่า “พระเยซูเป็นมุสลิมใช่ไหม?”

“ผมจะตอบว่าใช่อย่างยิ่ง” เขาเขียน

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2001 ขณะที่เชดินเจอร์กำลังสอนวิชาวิธีวิทยาคำสอนของอิสลาม เขาถูกตั้งคำถามจากนักศึกษาคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวมุสลิม

นักศึกษาคนนั้นเป็นนักศึกษาหญิง เธอบอกกับศาสตราจารย์ว่า วิธีที่เขานำเสนอศาสนาอิสลามต่อนักศึกษาของเขานั้นไม่เหมือนกับวิธีที่เธอถูกสอนเรื่องศาสนาของเธอเองมาเลย

เชดินเจอร์กล่าวในการสัมภาษณ์ว่า คำถามเกี่ยวกับทัศนคติของเขาต่ออิสลามทำให้เขาคิดทบทวนแนวคิดทั้งหมดเกี่ยวกับศาสนาใหม่อีกครั้ง และวิธีที่เขาใช้ในการสอนของเขา

เชดินเจอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าภาควิชาศึกษาศาสนาที่วิทยาลัยลูเธอร์ในไอโอว่ายังได้แสดงความคิดเห็นอีกด้วยว่า อิสลามเหมาะสมกับพระเยซูมากกว่าเพราะมันไม่ใช่ศาสนา แต่เป็น “ขบวนการสร้างความยุติธรรมในสังคม”

“ผมต้องคิดใหม่ว่าอิสลามคืออะไร... ผมได้ข้อสรุปว่ามันคือขบวนการสร้างความยุติธรรมในสังคม และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่พระเยซูเป็นในศตวรรษแรก ผมจึงสรุปว่าพระเยซูน่าจะเป็นมุสลิมมากกว่า” เขากล่าว

ศาสดามุฮัมมัดของศาสนาอิสลามได้รับการวิวรณ์ที่ถูกรวบรวมเป็นคัมภีร์กุรอานเมื่อประมาณ ค.ศ.622 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ มุสลิม และคริสเตียนในปัจจุบันเชื่อว่าเป็นปีที่อิสลามถือกำเนิด พระเยซูมีชีวิตอยู่ก่อนหน้านั้นกว่า 600 ปี

หนังสือของเชดินเจอร์ยังระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม และวิธีที่พวกเขาจะสามารถ “ร่วมงานกันเพื่อส่งเสริมความยุติธรรมในสังคมบนโลกนี้”

จาก http://www.fatonionline.com/index.php/news/detail/1000

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น