อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมื่ออิมามอ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺเสียงดัง


                      การอ่านสูเราะฮฺฟะติหะฮฺในขณะละหมาดนั้น จำเป็นแก่ผู้ทำละหมาดในทุกร็อกอะฮฺ ไม่ว่ากรณีละหมาดคนเดียว หรือเป็นญามะอะฮฺ หรือละหมาดที่ให้อ่านเสียงดังใน 2 ร็อกอะฮฺแรก หรือที่อ่านเสียงค่อยก็ตาม

รายงานจากท่านอุบาดะฮฺ อิบนุซ ซอมิต ร่อฎียัลลอฮฺอันฮุม เล่าว่า ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ไม่นับเป็นการละหมาด สำหรับผู้ที่ไม่อ่านฟะติหะฮฺ" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ และมุสลิม)

แต่มีความขัดแย้งของบรรดาอุละมาอฺ กรณีเมื่ออิมามอ่านเสียงดังมะมูมจำเป็นต้องอ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺหรือไม่

บรรดานักวิชาการมีความเห็นแบ่งออกเป็น 3 ทัศนะ คือ

ทัศนะแรก มะมูมไม่ต้องอ่านฟาติหะฮฺในทุกกรณี เป็นทัศนะของอิมามอบูหะนีฟะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ (ขออัลลอฮฺทรงเอ็นดูเมตตาท่าน)

ทัศนะที่สอง จะต้องอ่านฟาติหะฮฺในทุกกรณี เป็นทัศนะของอิมามชาฟิอีฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ 

ทัสนะที่สาม เมื่อมะมูมได้ยินการอ่านของอิมามให้เขานิ่งฟัง โดยไม่อ่านฟาติหะฮฺ ซึ่งการฟังการอ่านของอิมามดีกว่าการอ่านของเขา เป็นทัศนะของอิมามมาลิก ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ  อิมามอะหฺมัด บิน หันบัล ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ   กลุ่มหนึ่งจากลูกศิษย์ของอิมามชาฟิอีย์ และอิมามอบูหะนีฟะฮฺ คำฟัตวาครั้งแรกของอิมามชาฟิอีย์ และท่านมุหัมมัด บุตรของอัลหะสัน 

หลักฐานของทั้งสามทัศนะ

-ทัศนะที่ว่ามะมูมไม่ต้องอ่านฟาติหะฮฺในทุกกรณี 

...ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ นั้นเห็นว่า จะอ่านอะไรก็ได้ในละหมาด ไม่จะเป็นต้องอ่านฟาติหะฮฺ ถึงแม้ว่าผู้ที่ละหมาดจะมีความสามรถอ่านฟาติหะฮฺได้เป็นอย่างดีก็ตาม

โดยอาศัยหลักฐานดังนี้

  فَاقْرَءُوا مَا تَيَسَّرَ مِنَ
 "...ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านอัลกุรอานตามแต่สะดวกเถิด..."(อัลกุรอาน สุเราะฮฺอัลมุซซัมมิล 73:20)

จากหะดิษ "ต่อจากนั้นก็อ่านสิ่งที่สะดวก สำหรับท่านจากอัลกุรอาน" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์)

 ญุมฮูรุ้ลอุลามาอฺได้โต้แย้งทัศนะข้างต้นว่า

คำว่า "สิ่งที่สะดวกสำหรับท่าน "หะดิษของท่านอิมามอบูดาวูด ได้อธิบายว่า หมายถึง "การอ่านฟาติหะฮฺ"
ดังหะดิษที่ว่า "ต่อจากนั้นจงอ่านจากอุมมุลกุรอาน (ฟาติหะฮฺ) และตามที่อัลลอฮฺประสงค์"(บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด)


-ทัศนะที่ว่ามะมูมต้องอ่านฟาติหะฮฺในทุกกรณีของทุกร็อกอะฮฺ
            ไม่ว่าละหมาดคนเดียว ทั้งที่อ่านเสียงดัง อ่านเสียงค่อย  ละหมาดญามะอะฮฺ ทั้งที่อิมามอ่านเสียงเบา อ่านเสียงดัง

โดยอาศัยหลักฐานดังนี้

รายงานจากท่านอุบาดะฮฺ อิบนุซอมิต ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ผู้ใดไม่อ่านฟาติหะฮฺ ก็เท่ากับว่าผู้นั้นไม่ได้ละหมาด" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)

รายงานจากท่านอบีอุร็อยเราะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ผู้ใดกระทำละหมาดใดๆ โดยที่เขาไม่อ่านอุมมุลกิตาบ(อัลฟาติหะฮฺ) ในละหมาดนั้นๆ ถือว่าดารละหมาดนั้นบกพร่อง(3 ครั้ง) ไม่สมบูรณ์"
มีผู้กล่าวกับท่านอบีฮุร็อยเราะฮิว่า "ก็พวกเราอยู่หลังอิมามนี่! ท่านอบูฮุร้อยเราะฮฺ กล่าวว่า "จงอ่านฟาติหะฮฺในใจ(อ่านเสียงค่อย)ของท่านซิ! ...." (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซีย์ นะซาอีย์ อิบนิมาญะฮฺ และมาลิก)

รายงานจากท่่านอุบาดะฮฺ บิน อัซซอมิต ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ครั้นเมื่อท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำละหมาดศุบฮฺ การอ่านเป็นที่ลำบาก(ไม่ค่อยสะดวก) แก่ท่าน เมื่อละหมาดเสร็จแล้ว ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ฉันเห็นว่า พวกท่านอ่านขณะที่อยู่หลังอิมาม ใช่หรือไม่ ? ท่านอุบาดะฮฺกล่าวว่า "ใช่แล้วครับ พวกเราทำเช่นนั้นจริงๆ โอ้ท่านรสูล ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "พวกท่านอย่าทำเช่นนี้ เว้นแต่ให้อ่านฟาติหะฮฺได้เท่านั้น  เพราะที่จริงไม่นับว่าเป้นละหมาดสำหรับผู้ที่ไม่อ่าน "อัลฟาติหะฮฺ" (บันทึกหะดิษโดยอัติรมีซีย์(2/116) อบุดาวูด (1/217) อันนะซะอีย์(2/141))


รายงานจากท่านยะซี๊ด อิบนิ ชะริ๊ก เล่าว่า เมื่อท่านได้ถามท่านอุมัร อิบนิล ค็อฏฏอบ  ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ  ถึงเรื่องการอ่านขระละหมาดอยู่กับอิมาม ท่านอุมัร กล่าวว่า "จงอ่านฟาติหะฮฺ" ชะริีก กล่าวว่า ทั้งๆที่ท่านกำลังเป็นอิมามนำละหมาดอยู่นะหรือ? ท่านอุมัรกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าฉันเป็นอิมามอยู่ก็ตาม" ชะริ๊กกล่าวว่า "แม้ว่าขณะนั้นท่านกำลังอ่านเสียงดังอยู่นะหรือ? ท่านอุมัรกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าขณะนั้นฉันกำลังอ่านเสียงดังอยู่ก็ตาม" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ อัลบัยฮะกียื ท่านอัดดาร่อกุฎนีย์ และท่านอัฏฏอฮาวีย์ )

รายงานจากท่านอบิลมุหีเราะฮฺ จากท่าน จากท่านอุบัย อิบนิ กีะอ์บฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า 
"แท้จริงท่านอุบัย อิบนิ ก๊ะอืบฺ นั้น อ่านฟะติหะฮฺขระอยู่หลังอิมาม" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรียื ท่านอัลบัยฮะกียื และอัฎฎาร่อกุฏนีย์)
รายงานจากท่านมุญาฮิด เล่าว่า 
"ฉันได้ยินยินท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อัมรฺ อิบนิล อ๊าศ  ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ อ่านฟะติหะฮฺขณะอยู่หลังอิมาม" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ ด้วยสายสืบที่เศาะเฮียะฮฺ)

-ทัศนะที่ว่าเมื่อมะมูมได้ยินการอ่านของอิมามให้เขานิ่งฟัง โดยไม่อ่านฟาติหะฮฺ 

           เมื่อมะมูมได้ยินการอ่านของอิมามให้เขานิ่งฟัง โดยไม่อ่านฟาติหะฮฺ ซึ่งการฟังการอ่านของอิมามดีกว่าการอ่านของเขา และเมื่อเขาไม่ได้ยินการอ่านของอิมาม เช่นนั้นให้เขาอ่านในใจของเขา กรณีนี้การอ่านของเขาดีกว่าการนิ่งฟัง

โดยอาศัยหลักฐานดังนี้

พระองค์อัลลอฮ์ ศุบอานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
وَإِذَا قُرِئَ الْقُرْآنُ فَاسْتَمِعُوا لَهُ وَأَنصِتُوا لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ ( 204 ) 
“และเมื่ออัล-กุรอานถูกอ่านขึ้น ก็จงสดับฟังอัล-กุรอานนั้นเถิด และจงนิ่งเงียบ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับการเอ็นดูเมตตา" (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 7:204)

รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
"ด้วยอายะที่ว่า  وَإِذَا قُرِئَ الْقُرْآنُ :วะอิซากุริอัลกุรฺอาน:(เมื่ออัลกุรอานถูกอ่าน) เขากล่าวว่าอายะฮฺข้างต้นถูกประทานลงมาขระบรรดาเศาะหาบะฮฺอ่านเสียงดังข้างหลังท่านรสูลในขณะละหมาด" (หนังสือ อัสบาบุนุซูลิลกุรฺอาน หน้า 233)

รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ  ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เล่าว่า
"แท้จริงอิมามถุกแต่งตั้งเพื่อให้ปฏิบัติตาม ดังนั้นเมื่อิมามตักบีรฺ พวกท่านจงตักบีรฺตาม (โดยไม่อ้อยอิ่ง) และเมื่ออิมามอ่าน(อัลกุรอาน) พวกท่านจงนิ่งฟัง"(บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 612 อะหฺมัด หะดิษเลขที่ 9069 นะซาอีย์ หะดิษเลขที่ 912 และอิบนุมาญะฮฺ หะดิษเลขที่ 837)
รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ  ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า 
"เมื่อท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เสร็จสิ้นจากการละหมาดซึ่งเป็นละหมาดอ่านเสียงดัง ท่านรสูลก็กล่าววขึ้นว่า เมื่อครู่นี้มีบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านอ่านพร้อมกับแันหรือไม่? ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า "ใช่ครับท่านรสูลุลลอฮฺ ท่านรสูลจึงกล่าวขึ้นว่า (แันถึงว่า) ฉันถูกแข่งขันด้วยอัลกุรอาน ท่านอบุอุร้อยเราะฮฺ กล่าวว่า จากนั้นผู้คนทั้งหลาย จึงยุติการอ่าน ขณะท่านรสูลุลลอฮฺอ่านเสียงดังในขณะละหมาด" (หะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยติรมีซีย์ หะดิษเลขที่ 287 นะซาอีย์ หะดิษเลขที่ 910 อะหฺัด หะดิษเลขที่ 7485 และมาลิก หะดิษเลขที่ 179)
รายงานจากท่านญาบีรฺ บุตรอับดุลลอฮฺ กล่าวว่า
"บุคคลใดที่ละหมาดหนึ่งร้อกอะฮฺโดยไม่อ่านฟาติหะฮฺในร้อกอะฮฺนั้น เช่นนั้นถือว่าเขายังมิได้ละหมาด เว้นแต่เขายืน(เป็นมะมูม หลังอิมาม"(หะดิษเศาะเอียะฮฺ บันทึกโดยมาลิก หะดิษเลขที่ 173)

รายงานจากท่านอะฏออ์ บุตรของยะสาริ เล่าว่า
"เขาเคยถามท่านวัยดฺ บุตรของษาบิตเกี่ยวกับการอ่านขณะยืนละหมาดพร้อมอิมาม เขาตอบว่า ไม่มีการอ่านใดๆ ขระยืนร่วมกับอิมาม"(หะดิษเศาะเฮียะฮ์ บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 903 และนาซาอียื หะดิษเลขที่ 951)
รายงานจากท่านนาฟิอฺ เมื่อท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของอุมัรฺถุกถามว่า
"บุคคลหนึ่งยืนหลังอิมามจะต้องอ่าน(ฟาติหะฮฺ)หรือไม่ เขาตอบว่า "เมื่อบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านยืนละหมาดหลังอิมาม เช่นนั้นการอ่านของอิมามพอเพีบงแล้วสำหรับเขา และเมื่อเขาละหมาดเพียงลำพัง เช่นนี้เขาจงอ่าน(ฟะติหะฮฺ)เถิด ท่านนาฟิอฺเล่าต่อว่า ปรากฏว่าท่านอับดุลลอฮฺ บุตรอุมัริไม่อ่าน(ฟาติหะฮฺ) ขณะยืนละหมาดหลังอิมาม" (บันทึกหะดิษโดยมาลิก หะดิษเลขที่ 178)

والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น