อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เสวนาเรื่องอิบาดะฮฺมีบิดอะฮฮาซานะฮฺจริงหรือ (ตอนที่ 15)


Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์บิดอะฮ แปลว่า " โดยแก่นแท้ของมัน(บิดอะห์อันนั้น)คือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน." @@@ นี่คือ การบิดเบือน เพราะก่อนประโยคนี้ มีคำว่า "และแท้จริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คนบนมันและส่งเสริมมัน " คำว่า ส่งเสริมมัน ความจริงแปลว่า ส่งเสริมพวกเขาไปสู่มัน (وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَ) ฮา สรรพนามตัวนี้ คือสิ่งที่ท่านอุมัรสิ่งที่ท่านอุมัรรวบรวมคน และส่งเสริม ก็คือละหมาดตารอเวียะ ซึ่งท่านอุมัรใช้คำว่า"บิดอะฮที่ดี ซึ่งความจริง มันคือสุนนะฮ แล้วท่านอิบนุอะษีรได้ยกหลักฐาน ยืนยัน กล่าวคือ และหนึ่งจากประเภทนี้ (คือหนึ่งจากความหมายบิดอะฮ์ที่ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺอธิบายไปแล้ว) ก็คือคำพูดท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่ว่า نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ (บิดอะฮ์ที่ดี คือสิ่งนี้) .. ในเมื่อมัน (คือ การละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) เป็นส่วนหนึ่งจากการทำสิ่งดีและจัดเข้าอยู่ในกรอบแห่งการยกย่อง ท่านอุมัรฺจึงเรียกมันว่าบิดอะฮ์และยกย่องมัน .. เนื่องจากท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้นำแบบอย่างละหมาดนี้(ในลักษณะญะมาอะฮ์)แก่พวกเขา(อย่างสม่ำเสมอ) .. ท่านเพียงละหมาดมันบางคืนเท่านั้น หลังจากนั้น ท่านก็ละทิ้งมัน โดยมิได้ทำมันเป็นประจำ และประชาชน(หลังจากท่าน)ก็มิได้รวมตัวกระทำมัน และก็มิได้มีการกระทำกัน(อย่างนี้)ในสมัยท่านอบูบักรฺ ร.ฎ. .. ท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เพียงแต่(รื้อฟื้นมันด้วยการ)รวมและสนับสนุนประชาชนให้ทำละหมาดนี้ .. ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเรียกมันว่า บิดอะฮ์"และ .. ต่อไปนี้ คือคำพูด - จริงๆ - ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ ..

وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! لِقَوْلِهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِىْ وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ مِنْ بَعْدِىْ، .. وَقَوْلِهِ : إِقْتَدُوْا بِاللَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِىْ، أَبِىْ بَكْرٍ وَعُمَرَ.. وَعَلَى هَذَاالتَّأْوِيْلِ يُحْمَلُ الْحَدِيْثُ اْلآخَرُ : كُلُّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ .. إِنَّمَا يُرِيْدُ مَاخَالَفَ اُصُوْلَ الشَّرِيْعَةِ وَلَمْ يُوَافِقِ السُّنَّةَ .....
"และมัน (คือ ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) ที่จริงแล้วคือซุนนะฮ !(หมายถึงซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์) .. ทั้งนี้ เนื่องจากคำกล่าวของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า .. "จำเป็นสำหรับพวกท่านจะต้องตามซุนนะฮ์ของฉัน และ "ซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์" ผู้ปราดเปรื่องหลังจากฉัน" .. และคำกล่าวของท่านที่ว่า .. "พวกท่านจงปฏิบัติตาม 2 ท่านหลังจากฉัน คือ "อบูบักรฺ และอุมัรฺ" ... ซึ่ง(คำว่าบิดอะฮ์จาก)หะดีษอีกบทหนึ่งที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่ถูกริเริ่มขึ้นมาใหม่ เป็นบิดอะฮ์" .. ก็ให้ถือตามความหมายจากตามคำอธิบายนี้ .. (นั่นคือ) ท่านศาสดามิได้ประสงค์อื่นใด(จากคำว่าบิดอะฮ์ในหะดีษบทนี้) นอกจาก (หมายถึง) .. "สิ่งที่ขัดแย้งกับพื้นฐานของบทบัญญัติ และไม่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ....."
ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ กล่าวว่า وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! (โดยใช้สรรพนามว่า هِىَ ) ซึ่งมีความหมายว่า "ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์นั้น - ตามความเป็นจริงแล้ว - คือซุนนะฮ์ ! "...
แต่พวกบิดเบือนหรืออะลุลบิดอะฮ บิดเบือนว่า 
และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ในความเป็นจริงแล้วคือซุนนะฮ์
............ผมได้อธิบายไม่รู้กี่รอบแล้ว นายตัาชั่ง พิทักษ์บิดอะฮ ซื้อเวลานำย้อนมาใหม่ เพื่อเดินต่อ ทั้งๆที่หมดทางไปแล้ว แล้วมโนไปเองว่าตนถูกคนอื่นบิดเบือน ถ้านายตาชั่งอ่านภาษามาเลยได้ มาดูสำเนาข้างล่าง

Asan Binabdullah อนึ่ง นายตาชั่ง พยายามเล่นเกมซื้อเวลา หลังจากตนเองได้สรุปแล้ว แต่เมื่อไม่มีหลักฐานอื่น ที่จะเล่นต่อ ก็เลยนำคำอธิบายของอิบนุอัลอะษีรมาเล่นต่อ โดยมโนว่าตนถูก ผมคงไม่เดินตามเกมของนายตาชั่ง เพราะ นักวิชาการอื่นๆมีมากมากมาย โดยเฉพาะหลักฐานจากสะลัฟว่า ไม่มีบิดอะฮที่ดี ดังที่ท่านอิบนุอุมัร (ร.ฎ) กล่าวว่า

كل بدعة ضلالة وإن رآها الناس حسنة
ทุกบิดอะฮคือการหลงผิด และแม้ว่ามนุษย์จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม –ดูที่มาข้างล่าง

رواه اللالكائي (رقم126)،وابن بطة (205)،والبيهقي في "المدخل إلى السنن"(191)،وابن نصر في "السنة" (رقم70) بسند صحيح كما في "علم أصول البدع" لعلي الحلبي (ص92
Asan Binabdullah นายตาชั่งสรุปแล้ว แต่ต้องการเดินเกมเล่นต่อ เพราะหมดทางไป
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อัสสลามุอาลัยกุ้ม ตื่นเช้าก้อลุยเลยนะครับบังฮาสัน...
Asan Binabdullah ผมคงไม่ย้อนไปที่เดิมให้เสียเวลา และวันนี้ผมไม่ว่างเดินทางไปบรรยาย สามแห่งกลับดึก อย่างไรฝากให้กรรมการดูแลด้วย
Asan Binabdullah ผมจะเดินทางไปหาดใหญ่ และบางกล่ำ ไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ และขอรับสล่ามอย่างเดียว ว่า วะอะลัยกุมุสสลามครับ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ประเด็นอื่น ผมว่าเราค่อยมาตอบโต้กัน. เอาประเด็นที่ท่านกล่าวหาว่าผมบิดเบือนทรรศนะอิบนุอาซีรและผมก้อหาว่าท่านบิดเบือนทรรศนะอีบนุอาซีร. เรามาพิสูจน์ก่อนว่า ใครบิดเบือนกันแน่
Asan Binabdullah ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«وَشَرُّ الأُمُوْرِ مُحْدَثَاتُهَا ، وَكُلُّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ ، وَكُلُّ بِدْعَةٍ ضَلَالَةٌ ، وَكُلُّ ضَلاَلَةٍ فِي النَّارِ» [سنن النسائي ص186 برقم 1578]


ความว่า "และสิ่งที่ชั่วช้าที่สุดคือสิ่งที่ประดิษฐขึ้นมาใหม่ในศาสนา และทุกๆ สิ่งที่ประดิษฐขึ้นมาใหม่นั้นถือเป็นอุตริกรรมทั้งสิ้น และทุกๆสิ่งที่เป็นอุตริกรรมถือเป็นความหลงผิด และแน่นอนทุกๆความหลงผิดย่อมได้รับโทษในนรก” (สุนันอันนะสาอีย์ หน้า 186 หะดีษเลขที่ 1578)
อัลมุบาเราะกะฟูรีย์กล่าวว่า

فقوله صلى الله عليه وسلم كل بدعة ضلالة من جوامع الكلم لا يخرج عنه شيء وهو أصل عظيم من أصول الدين وأما ما وقع في كلام السلف من استحسان بعض البدع فإنما ذلك في البدع اللغوية لا الشرعية فمن ذلك قول عمر رضي الله عنه في التراويح نعمت البدعة .

ดังนั้น คำพูดของท่านนบี ศอ็ลฯ ที่ว่า “ทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด เป็นส่วนหนึ่งจากคำพูดโดยรวม ซึ่งไม่มีสิ่งใดออกจากความหมายของมัน และมันคือ รากฐานสำคัญ จากบรรดารากฐานของศาสนา และสำหรับ สิ่งที่ปรากฏในคำพูดสะลัฟ จากการนับว่าดีบ่างส่วนของบิดอะฮนั้น ความจริง ดังกล่าวนั้น อยู่ในประเภทบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ดังนั้นส่วนหนึ่งจากดังกล่าว (จากตัวอย่างบิดอะฮในทางภาษา)คือ คำพูดของอุมัร(ร.ฎ) ในเรื่องละหมาดตะรอเวียะว่า “เนียะมะตุลบิดอะฮ(บิดอะฮที่ดี) – ดู ตะฟะตุลอะวะซีย์ เล่ม 5 หน้า 366 สำนักพิมพ์ ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ
..........
จะเห็นได้ว่า ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนานั้น ทุกบิดอะฮเป็นสิ่งที่หลงผิด ไม่มีบิดอะฮที่ดี
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เมื่อบังฮาสันกล่าวหาว่าผมบิดเบือนงั้นช่วยตอบหน่อยสิว่า

คำว่า وهي على الحقيقة سنة บังAsan Binabdullah ว่า วาว ตรงนี้ เอี้ยะร้อบเป็นอะไร... هي ตรงนี้คือดอเมรอะไร. #เชิญครับ...
Asan Binabdullah อัศศอ็นอานีย์กล่าวว่า
ليس في البدعة ما يمدح بل كل بدعة ضلالة


ในเรื่องบิดอะฮนั้น ไม่มีสิ่งที่ได้รับการชมเชย แต่ในทางกลับกัน ทุกบิดอะฮนั้น คือ การหลงผิด – ดู สุบุลุสสลาม เล่ม 2 หน้า 10
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า

كل بدعة ضلالة ) محمل عند العلماء على عمومه لا يستثنى منه شيء البتة

คำว่า(ทุกบิดอะฮคือการหลงผิด) ในทัศนะของบรรดาอุลามาอฺ มันได้ถูกให้ความหมายโดยรวม ไม่มีสิ่งใดถูกยกเว้นจากมันเลย - ดู ฟาตาวา อิหม่ามอัชชาฏิบีย์ หน้า 181
คือ คำว่าทุกบิดอะฮคือ การหลงผิด นั้น ไม่มีข้อยกเว้น
Asan Binabdullah อัลหาฟิซอิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า

فالبدعة في عرف الشرع مذمومة ، بخلاف اللغة ، فإن كل شيء أُحدث على غير مثال يسمى بدعة سواء كان محموداً ، أو مذموماً


บิดอะฮในนิยามของศาสนบัญญัตินั้น คือ สิ่งที่ถูกตำหนิ ต่างกับบิดอะฮในทางภาษา เพราะทุกสิ่ง ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนนั้น ถูกเรียกว่า บิดอะฮ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกชมเชยและถูกตำหนิก็ตาม - ดูฟัตหุลบารีย์ 13/253
......
กล่าวคือ บิดอะฮในทางศาสนบัญญัตินั้นเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ..........................เพราะฉะนั้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะอ้างว่าในอิสลามมีบิดอะฮที่ดีตามความเห็นแล้วบิดเบือนคำพูดของท่านอุมัรเพื่ออนุรักษ์บิดอะฮ
Asan Binabdullah อิหม่ามอัชชาฏิบีย(ร.ฮ)กล่าวว่า

قول النبيِّ صلى الله عليه وسلم: ((كل بدعة ضلالة)) محمولٌ عند العلماء على عمومه، لا يُستثنى منه شيء ألبتة، وليس فيها ما هو حسنٌ أصلاً؛ إذ لا حسن إلا ما حسَّنه الشرع، ولا قبيح إلا ما قبَّحه الشرع، فالعقل لا يحسِّن ولا يقبّ
ِح؛ وإنما يقول بتحسين العقل وتقبيحه أهلُ الضلال.
คำพูดของนบี ศอ็ลฯ ที่ว่า (ทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด) ในทัศนะบรรดาอุลามาอฺ ได้ถูกถือตามความหมายกว้างๆของมัน ไม่มีสิ่งใดยกเว้นเลย และในบิดอะฮนั้นร ไม่มีสิ่งที่ดีในมัน มาแต่เดิม ยกเว้น สิ่งที่ศาสนบัญญัติได้ระบุว่ามันดี และไม่มีสิ่งใดเลว นอกจากสิ่งที่ศาสนบัญญัติระบุว่ามันเลว ดังนั้น สติปัญญา (เหตุผลทางปัญญา) จะไม่ตัดสินว่าดีหรือเลว ความจริง ผู้ที่กล่าวด้วยการเห็นว่าดีและเห็นว่าเลวของสติปัญญา (หมายถึงด้วยเหตุผลทางปัญญา) นั้นคือ ผู้ที่หลงผิด
-ฟะตาวาอิหม่ามอัชชาฏิบีย์ 180-181
จากรายละเอียดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า ในศาสนบัญญัติ ไม่มีบิดอะฮที่ดี และ ผู้ที่ตัดสินว่าดีและเลวในเรื่องศาสนาด้วยเหตุผลทางปัญญา นั้น คือชาวบิดอะฮที่หลงผิด
والله أعلم بالصواب

ขอจบเพียงแค่นี้ อินาชาอัลลอฮ พบกัน ห้าทุ่มถ้ากลับท่าน ผมเดินทางไปบอกพี่น้องให้ยึดสุนนะฮและทิ้งบิดอะฮ ที่ปู่ย่าตายายสร้างไว้แล้วพวกละแบใช้หากินกับคนอาวาม จนเสพติด เลิกไม่ได้ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด วัลอิยาซุบิลละฮ ศาสนาสอนให้ปกป้องสุนนะฮ แต่มีคนบางกลุ่มปกป้องบิดอะฮ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บังฮาสันเป็นคนที่แถที่สุดในสามโลกเลยนะครับ คุณเอาแต่ก้อปวางทรรศนะอุลามะ ไม่ยอมตอบคำถาม ไม่แย้งคำถามให้ตรงประเด็น แล้วไม่สรุปในการสนทนา... เห้อ
Asan Binabdullah https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=387724181566392&id=100009864396555
Asan Binabdullah ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 ภาพ
วาทกรรมบิดเบือนวิชาการเพื่อรับรองบิดอะฮ
Sulaiman Ma
وهي على الحقيقة سُنَّة، لقوله صلى اللّه عليه وسلم: عليكم بسُنَّتي وسنَّة الخلفاء الراشِدين من بعْدي، وقوله: اقتدُوا باللذين من بعدي أبي بكر وعمر،
.และ (بدعة هدى)หรือ (هذه البدعة) บิดอะของท่านอูมาร ก็คือคือสุนนะฮนั้นเอง เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน....และท่านนบีกล่าวว่า พวกท่านจงปฏิบัติตาม บรรดาผู้ที่อยู่หลังจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร .
وعَلَى هذا التأويل يُحمل الحديث الآخر: كل مُحْدَثة بدعةٌ، إنما يريد ما خالف أصول الشريعة ولم يوافق السُّنَّة
และให้อธิบายตามนัยนี้ หะดิษที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์" โดยหมายถึง สิ่งที่ขัดกับหลักพื้นฐานของศาสนา และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ
แปลโดย อัลจูนัยดี อัซซาฟีอี เด็กปอเนาะ...ที่ไม่มีอะไรเลย.
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นการบิดเบือน โดยใส่วงเล็บคำว่า
และ (بدعة هدى)หรือ (هذه البدعة) บิดอะของท่านอูมาร ก็คือคือสุนนะฮ
ขอชี้แจงว่า
ความจริง ท่านอิบนุอัลอะษีร หมายถึง สิ่งที่ท่านเคาะลิฟะฮอุมัรรวมผู้คน ให้ปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงละหมาดตะรอเวียะ มาดูเต็มๆ
มาดูอิบนุอัลอะษีร กล่าวไว้
. وَمِنْ هَذَا النَّوْعِ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ : نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ . لَمَّا كَانَتْ مِنْ أَفْعَالِ الْخَيْرِ وَدَاخِلَةً فِي حَيِّزِ الْمَدْحِ سَمَّاهَا بِدْعَةً وَمَدَحَهَا ; لِأَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَسُنَّهَا لَهُمْ ، وَإِنَّمَا صَلَّاهَا لَيَالِيَ ثُمَّ تَرَكَهَا وَلَمْ يُحَافِظْ عَلَيْهَا ، وَلَا جَمَعَ النَّاسَ لَهَا ، وَلَا كَانَتْ فِي زَمَنِ أَبِي بَكْرٍ ، وَإِنَّمَا عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا ، فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ ، لِقَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِينَ مِنْ بَعْدِي وَقَوْلِهِ : اقْتَدُوا بِاللَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِي أَبِي بَكْرٍ وَعُمَرَ
และส่วนหนึ่งจากชนิดนี้ คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)ที่ว่านี้คือ บิดอะฮที่ดี เมื่อมัน (หมายถึงละหมาดตะรอเวียะในรูปญะมาอะฮที่อุมัรส่งเสริมให้ทำ)เป็นส่วนหนึ่งจาก บรรดาการกระทำที่ และมันเข้าอยู่ภายใต้ ขอบเขตของการสรรเสริญ เขาจึงเรียกมันว่าว่า “บิดอะฮ” และยกย่องมัน เพราะแท้จริงนบี สอ็ลฯ ไม่ได้กำหนดมันให้เป็นแนวทางเอาไว้ และความจริงท่านนบีได้ละหมาด มันหลายคืน ต่อมาท่านได้ทิ้งมัน และท่านไม่ได้ดูแลรักษามัน ,ท่านไม่ได้รวบรวมผู้คน สำหรับมัน และมันไม่ปรากฏในสมัยอบีบักร์ และความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมัน และส่งเสริมพวกเขาไปสู่มัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกว่าบิดอะฮ และในความเป็นจริงมันคือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน....และท่านนบีกล่าวว่า พวกท่านจงปฏิบัติตาม บรรดาผู้ที่อยู่หลังจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร
النهاية في غريب الحديث لابن الأثير 1 / 106- 107
มาดูประโยคนี้
وَإِنَّمَا عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا ، فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ ، لِقَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِينَ
และความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมัน และส่งเสริมมัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกมันว่าบิดอะฮ และในความเป็นจริงมันคือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน.
.........
คำว่า ความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมันและกระตุ้นหรือส่งเสริมพวกเขาไปสู่มัน หมายถึง สิ่งที่ท่านได้รวบรวมคน ให้ปฏิบัติ คือการละหมายตะรอเวียะ ไม่ใช่แทนคำว่า "บิดอะฮอุดา" อย่างที่ใส่วงเล็บ
คำว่า
سَمَّاهَا بِدْعَةً
เขาเรียกมันว่า บิดอะฮ
สรรพนาม ฮา ตัวนี้ หมายถึงละหมาดตะรอเวียะที่ท่านอุมัรรวบรวมคน ไม่ใช่หมายถึง บิดอะฮอุดา
มันตลกสิ้นดี ถ้าแปลว่า เขาเรียก บิดอะฮอุดา ว่า บิดอะฮ คนโง่เท่านนั้นให้ความหมายแบบนี้
แล้วต่อจากนั้น คือคำว่า
وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ
โดยที่ ความจริงมันคือ สุนนะฮ
คำว่า هي ตัวนี้แทนคำว่า ละหมาดที่อุมัร รวบรวมคน ก็คือละหมาดตะรอเวียะ อักษรวาว เป็น วาววุลหาล อธิบายสภาพ ของสิ่งที่ท่านอุมัรรวบรวมคนให้ปฏิบัติ ไม่ใช่ แทนคำว่า บิดอะฮอุดา อย่างที่ท่านครูบิดเบือน
 เพราะอุิบนุอัลอะษีร ได้อธิบายสิ่งที่ท่านอุมัรรวบรวมคนให้ปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงละหมาดตะรอเวียะญะมาอะฮ
@@@
ส่วน นุรไคซาน สัสดีพันธ์ คนนี้บิดเบือนโดยการเพิ่มข้อความเข้าไป
โดยอ้างว่า อิบนุอะษีร กล่าวยืนยันไว้ว่า
والبدعة الحسنة وهي في الحقيقة سنة
โดย แปลว่า ในความเป็นจริงแล้ว บิดอะฮหะสะนะฮคือ สุนนะฮนั้นเอง ......โดยอ้างว่า อยู่ในอัลนิฮายะฮ เล่ม 1 หน้า 80
ผมไปดูหน้า 80 ไม่มี แต่ปรากฏในหน้า 107 ฉบับตรวจท่านโดย ฏอฮีร อะหมัด อัซซาวีย์ คือ
فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ
ดังนั้นด้วยเหตุนี้เขาเรียกมันว่า บิดอะฮ โดยที่ความจริงมันคือสุนนะฮ
ไม่มีคำว่า "บิดอะฮหะสะนะฮ(ดูสำเนาที่แนบมา)
แล้วคำว่า "والبدعة الحسنة อยู่ตรงใหน จึงเรียกร้องคุณ นุรไคซาน สัสดีพันธ์ และ ทีมงานอนุรักษ์บิดอะฮ นำสำเนาหนังสือ คำพูดอิบนุอัลอะษีร ที่ท่านเพิ่มคำว่า "บิดอะฮหะสะนะฮ โดยเร็ววัน หากพวกท่านอยู่บนความจริง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
31/12/59
ปล. ขอย้ำว่า ไม่มีบิดอะฮที่ดีในศาสนบัญญัติ การกระทำของท่านอุมัรคือสุนนะฮ ไม่มีความเห็นนักปราชญคนใหนมาหักล้างได้
Asan Binabdullah วัสสลาม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น