อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เสวนาเรื่องอิบาดะฮฺมีบิดอะฮฮาซานะฮฺจริงหรือ (ตอนที่ 10)


Asan Binabdullah ตกลงหมดหลักฐานแล้วใช่ไหมครับ จึงซื้อเวลาตั้งตรรกถาม หลักฐานต้องแก้ด้วยหลักฐานครับ ไม่ใช่แถและไม่ใช่การบิดเบือนอย่างตัวอย่างข้างล่าง
Asan Binabdullah ตกลงโพสต์เสร็จหรือยังครับบาบอฮัมดี
Asan Binabdullah ผมรอจาก 6 โมง ถึง 9 โมง เป็นไงในเว็บสะติวเด้นหมดคลังแล้วหรือ ตอบด้วยผมจะได้ชี้แจงต่อ
Asan Binabdullah แบบวิชาการครับไม่จะมานั่งออกคำถาม
Asan Binabdullah ตอบเร็วๆครับบาบอฮัมดี
Asan Binabdullah เอาอย่างนี้ไหมจะได้ตายเร็วๆ มุบาฮะละฮว่าใครบิดเบือนให้ตายในสามวันเจ็ดวันดีไหม ตอบด่วน
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เมาข้อความหรือครับ ถึงมองไม่เห็นผมให้สัญญานแล้ว
Asan Binabdullah ตกลงหมดวิชาแล้วใช่ไหมตอบด่วน ผมจะได้โพสต์ต่อ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม คุณจะตอบหรือไม่ก้อช่างคุณ ผู้อ่านเขาพิจารณาเอง. จะชี้แจงก้อชี้แจงมา เด่วเสร็จคุณให้สัญญานด้วย จะได้ถึงทีผมต่อ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม #ขอนุญาติตอบคำถามบังฮาสันนิดนึง

1.ท่านนบีเคยทำ

2.การกระทำของเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน ท่านนบีสั่งเสียให้ปฏิบัติตาม และท่านนบีเรียกว่า สุนนะฮเคาะลิฟะฮ แต่อะฮลุลบิดอะฮมาบิดเบือนว่าเป็นบิดอะฮ
3. เป็นมติของเศาะหาบะฮ สิ่งที่เป็นมติของเศาะหาบะฮหรือ อัลอิจญมาอฺ ไม่มีนักวิชาการคนใดเรียกว่าบิดอะฮหะสะนะฮ ยกเว้นข้ออ้างพวกอนุรักษ์บิดอะฮ
######
#ตอบ 1.ท่านนบีได้ละทิ้งละหมาดตารอแวฮ. และไม่ได้เจาะจงรูปแบบการกระทำ #ฉะนั้น ท่านอุมัรมาฟื้นฟูและกำหนดรูปแบบเป็นการละหมาดญามาอะห์ 20 รอกาอัต แถมเจ้าตัวกล่าวเองว่า #นี่คือบิดอะห์ที่ดี...

2.การกระทำของคอลีฟะห์ จะเรียกว่าบิดอะห์ฮาสานะห์หรือสุนนะห์คอลีฟะห์ ในทางภาษา มันไม่ได้ผิดแต่อย่างใด...#แต่ประเด็นคือ. บังฮาสันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่า เป็นสุนนะห์คอลีฟะห์ในด้านอิสตีลาฮ ทั้งที่ สุนนะห์ในด้านอิสตีลาฮนั้น คือ การพูด การกระทำ การยอมรับ ส่วนสุนนะห์คอลีฟะห์ไม่ใช่สุนนะห์ด้านอิสตีลาฮ.

3.มติของซอฮาบัตไม่มีใครที่เป็นอุมัตอิสลามปฏิเสธหรอกครับ. แต่บังฮาสันนั้นแหละที่เป็นปฏิเสธ เพราะไปบอกว่า ตารอแวฮ 20 รอกาอัตคือสุนนะห์คอลีฟะห์ 8 รอกาอัตคือสุนนะห์นบี. พยายามแยกการอิสตีมบาตฮุกมของซอฮาบัต เป็นการขัดแย้งระหว่างซอฮาบัตกับท่านนบี... แถมอุลามะวะหบีเองที่ชื่อเชค อัลบานีย์ ฮุกมละหมาดตารอแวฮของซอฮาบัตคือบิดอะห์..
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บังฮาสันครับ. ตามเงื่อนไขการสนทนา 4 ข้อ มิทราบว่ามีข้อไหนหรือครับที่ห้ามใช้ตรรกะในการถาม คุณถึงงอแงมาว่าผมไม่มีหลักฐานแล้ว...
อีกอย่างที่คุณบอกว่าผมบิดเบือนทรรศนะอิบนุอาซีร มิทราบว่าผมบิดเบือนยังไงมิทราบครับ สิ่งที่คุณยกทรรศน
ะท่านอิบนุอาซีรมันก้ออยู่ในความหมายเดิม คือ บิดอะห์ฮาสานะห์ก้อคือสุนนะห์. และมีท่อนไหนหรือที่เขาบอกว่า หากเอาทรรศนะของเขาไปใช้ในเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ได้...
@@@@@@@
ชี้แจง
นี่คือข้ออ้างนายตาชั่ง
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
เพราะฉะนั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็คือ ซุนนะฮ์ นั่นเอง ซึ่งท่าน อิบนุ อะษีร ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า

" كل محدث بدعة" على ما خالف أصول الشريعة، وما لم يخالف السنة

"และในความเป็นจริงแล้วบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็คือซุนนะฮ์นั่นเอง และให้อธิบายตามนัยนี้ หะดิษที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์" โดยหมายถึง สิ่งที่ขัดกับหลักพื้นฐานของศาสนา และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ " ดู หนังสือ อันนิฮายะฮ์ เล่ม 1 หน้า 80 (ถ่ายทอดจากหนังสือ อัลบะยาน ลิมา ยัชฆ่อลุ อัลอัซฮาน หน้า 206 ฟัตวาที่ 50)
..............
ข้างต้นคือกาบิดเบือนเพราะ
จากความหมายบิดอะฮ์ที่ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺอธิบายไปแล้ว) ก็คือคำพูดท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่ว่า نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ (บิดอะฮ์ที่ดี คือสิ่งนี้) .. ในเมื่อมัน (คือ การละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) เป็นส่วนหนึ่งจากการทำสิ่งดีและจัดเข้าอยู่ในกรอบแห่งการยกย่อง ท่านอุมัรฺจึงเรียกมันว่าบิดอะฮ์และยกย่องมัน .. เนื่องจากท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้นำแบบอย่างละหมาดนี้(ในลักษณะญะมาอะฮ์)แก่พวกเขา(อย่างสม่ำเสมอ) .. ท่านเพียงละหมาดมันบางคืนเท่านั้น หลังจากนั้น ท่านก็ละทิ้งมัน โดยมิได้ทำมันเป็นประจำ และประชาชน(หลังจากท่าน)ก็มิได้รวมตัวกระทำมัน และก็มิได้มีการกระทำกัน(อย่างนี้)ในสมัยท่านอบูบักรฺ ร.ฎ. .. ท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เพียงแต่(รื้อฟื้นมันด้วยการ)รวมและสนับสนุนประชาชนให้ทำละหมาดนี้ .. ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเรียกมันว่า บิดอะฮ์"
Asan Binabdullah และ .. ต่อไปนี้ คือคำพูด - จริงๆ - ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ ..

وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! لِقَوْلِهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِىْ وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ مِنْ بَعْدِىْ، .. وَقَوْلِهِ : إِقْتَدُوْا بِاللّ
َذَيْنِ مِنْ بَعْدِىْ، أَبِىْ بَكْرٍ وَعُمَرَ.. وَعَلَى هَذَاالتَّأْوِيْلِ يُحْمَلُ الْحَدِيْثُ اْلآخَرُ : كُلُّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ .. إِنَّمَا يُرِيْدُ مَاخَالَفَ اُصُوْلَ الشَّرِيْعَةِ وَلَمْ يُوَافِقِ السُّنَّةَ .....

"และมัน (คือ ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) ที่จริงแล้วคือซุนนะฮ !(หมายถึงซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์) .. ทั้งนี้ เนื่องจากคำกล่าวของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า .. "จำเป็นสำหรับพวกท่านจะต้องตามซุนนะฮ์ของฉัน และ "ซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์" ผู้ปราดเปรื่องหลังจากฉัน" .. และคำกล่าวของท่านที่ว่า .. "พวกท่านจงปฏิบัติตาม 2 ท่านหลังจากฉัน คือ "อบูบักรฺ และอุมัรฺ" ... ซึ่ง(คำว่าบิดอะฮ์จาก)หะดีษอีกบทหนึ่งที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่ถูกริเริ่มขึ้นมาใหม่ เป็นบิดอะฮ์" .. ก็ให้ถือตามความหมายจากตามคำอธิบายนี้ .. (นั่นคือ) ท่านศาสดามิได้ประสงค์อื่นใด(จากคำว่าบิดอะฮ์ในหะดีษบทนี้) นอกจาก (หมายถึง) .. "สิ่งที่ขัดแย้งกับพื้นฐานของบทบัญญัติ และไม่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ....."
ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ กล่าวว่า وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! (โดยใช้สรรพนามว่า هِىَ ) ซึ่งมีความหมายว่า "ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์นั้น - ตามความเป็นจริงแล้ว - คือซุนนะฮ์ ! "...
แต่พวกบิดเบือนหรืออะลุลบิดอะฮ อย่างนายตาชั่ง บิดเบือนว่า .....เพราะฉะนั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็คือ ซุนนะฮ์ นั่นเอง....นี่คือบิดเบือนไม่ปนผัก
Asan Binabdullah ต่อครับ ห้ามโพสต์ ผมขอใช้เวลา 3 ชั๋วโมงเท่ากัน
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม #ขอนุญาติตอบคำถามบังฮาสันนิดนึง

######

#ตอบ 1.ท่านนบีได้ละทิ้งละหมาดตารอแวฮ. และไม่ได้เจาะจงรูปแบบการกระทำ #ฉะนั้น ท่านอุมัรมาฟื้นฟูและกำหนดรูปแบบเป็นการละหมาดญามาอะห์ 20 รอกาอัต แถมเจ้าตัวกล่าวเองว่า #นี่คือบิดอะห์ที่ดี...
....................

ข้างต้น ผู้อ่านจะเห็นว่า คูสนทนา ดังทุรัง คิดเอง ไม่สนใจหลักฐาน
นักวิชาการเช่น อิบนุเราะญับ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

وأما ما وقع في كلام السلف من استحسان بعض البدع فإنما ذلك في البدع اللغوية لا الشرعية فمن ذلك قول عمر رضي الله عنه لما جمع الناس في قيام رمضان على إمام واحد في المسجد وخرج ورآهم يصلون كذلك فقال نعمت البدعة

สำหรับสิ่งที่ปรากฏในคำพูดของชาวสะลัฟ จากการเห็นดีบิดฮะฮบางส่วน ความจริง ดังกล่าวนั้น อยู่ในความหมายบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนา แล้ส่วนหนึ่งจากดังกล่าวนั้น คือคำพูดของอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ขณะที่เขาได้รวบรวมผู้คน ในการละหมาดกิยามุเราะมะฏอน(ละหมาดตะรอเวียะ) โดยตามอิหม่ามคนเดียวกันในมัสญิด และเขาได้ออกมาได้เห็นพวกนั้นละหมาด ดังเช่นดังกล่าว แล้วเขากล่าวว่า “ช่างเป็นบิดอะฮที่ดี”
ส่วนเรื่อง 11 กับ 20 ยังขัดแย้งกันอยู่ เช่น
عن السّائب بن يزيد أنه قال: أمر عمر بن الخطاب أبيَّ بن كعب وتميماً الدّاريَّ أن يقوما للنّاس بإحدى عشرة ركعة. قال: وقد كان القارئُ يقرأ بالمئين، حتّى كُنّا نعتمد على العصِيّ من طول القيام،

จากอัสสาอิบ บิน เซด ว่า เขากล่าวว่า “ ท่านอุมัร บิน อัลคอฏฏอบ สั่งให้อุบัยบิน กะอับ และตะมีม อัดดารีย์ นำประชาชนละหมาด 11 เราะกะอัต และเขากล่าวว่า “ ผู้อ่าน(หมายถึงอิหม่าม อ่านสองร้อยอายะฮ จนกระทั่งพวกเราต้องยันกับไม้เท้า เนื่องจากยืนนาน .... ดู อัลมุวัฏฏออฺ ของอิหม่ามมาลิก เล่ม 1 หน้า 115
.........
เพราะฉะนั้น ข้างต้นไม่ใช่ประเด็นเลย ประเด็นคือ การกระทำของเคาละฟะฮอัรรอชิดีนเป็นสิ่งที่รซูลุลลอฮ สั่งเสียให้ปฏิบัติตาม ท่านใช้คำว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين
พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและสุนนะฮเคาละฟะฮรอชิดีน
ข้างต้นนบีรับรอง
แต่ปัญหาคือ อะลุลบิดอะฮที่หากินกับศพ ที่อุตริพิธีกรรมต่างๆขึ้นมา แล้วเอาสุนนะฮเคาละฟะฮไปรับรอง ตั้งชื่อใหม่ว่า ที่อุมัรทำเป็นบิดอะฮหะสะนะฮ ผมไม่ตั้งคำถาม แต่ขอให้นายฮัมดี สุหลง กล้าสบานด้วยนามอัลลอฮ ไหมว่า การกระทำของอุมัรคือบิดอะฮในศาสนา เหมือนกับทำบุญสาม วัน เจ็ดวัน ถ้าไม่เหมือนขอให้อัลลอฮบันดาลให้ตายภายในสามวันเจ็ดวัน
Asan Binabdullah มีต่อ ยังไม่เสร็จ
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม #ขออนุญาติเพิ่มคำถามครับ..

2.บังฮาสันไปเอามาจากไหนว่า การกระทำของท่านอุมัร คือสุนนะห์คอลีฟะห์ในด้านอิสตีลาฮ 


ตอบ

ความจริงถ้าผมมานั่งคิดคำถามให้คู่เสวนาตอบ ผมไม่ต้องเนื่อยนั่งรอคำตอบคนอื่น อย่างที่นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรมทำ เพราะเป็นวิธีของคนไม่ยอมเสียหน้าเลยปิดตาตั้งคำถามแล้วนอนดู ผมรู้ว่าหลักฐานจากคลังสะติวเด้น ไม่ทันเหตุการณ์แกจึงเจอทางตันแล้วใช้วิธีถาม เพื่อจะได้ไม่ต้องหาหลักฐานเพราะคุณตาชั่งแปลอาหรับไม่ได้
แต่เอาเถอะผมจะตอบให้แกดังนั้
การละหมาดญะมาอะฮตตารอเวียะ ในรูปญะมาอะฮ มันเป็นสุนนะฮ ที่ท่านอุมัรเรียกว่าบิดอะฮ ท่านหมายถึง ท่านเริ่มขึ้นใหม่หลังจากที่นบี ศอ็ลฯได้หยุดไปเพราะเกรงจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรดู และในยุคท่านอบูบักร์ก้ไม่ปรากฏการจัดให้มีการญะมาอะฮ แต่ในยุคท่านอุมัร ท่านได้เริ่มใหม่ นี่คือสาเหตุ ซึ่งนักวิชาการหลายท่าน รวมถึงอิบนุอัลอะษีร ที่นายตาชั่งบิดเบือนด้วย และต่อไปนี้นักวิชาการได้ชี้แจงอีกคือ
ท่านอิบนุเราะฮญับกล่าวอีกตอนหนึ่งว่า

... ومراده أن هذا الفعل لم يكن على هذا الوجه قبل هذا الوقت ولكن له أصل في الشريعة يرجع إليها فمنها أن النبي صلى الله عليه وسلم كان يحث على قيام رمضان ويرغب فيه وكان الناس في زمنه يقومون في المسجد جماعات متفرقة ووحدانا وهو صلى الله عليه وسلم صلى بأصحابه في رمضان ليلة ثم امتنع من ذلك معللا بأنه خشي أن يكتب عليهم فيعجزوا عن القيام به وهذا قد أمن بعده صلى الله عليه وسلم .

ความหมายของมันคือ การกระทำแบบนี้ ไม่ปรากฏก่อนหน้านี้ แต่ว่า มันมีรากฐานในศาสนบัญญัติ ที่กลับไปหามันได้ แล้วส่วนหนึ่งจากมันคือ แท้จริงท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ส่งเสริมให้ละหมาดในค่ำคืนเราะมะฎอนและกระตุ้นให้ปฏิบัติมัน และปรากฏว่าประชาชนในสมัยของท่านนบี ได้ละหมาดในมัสญิด เป็นหมู่คณะ แยกเป็นกลุ่มๆ และละหมาดคนเดียว โดยที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กับบรรดาเหล่าเศาะหาบะฮ ของท่านได้ละหมาด ตอนกลางคืนในเดือนเราะมะฎอน ต่อมาท่านนบีได้หยุดจากการกระทำดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เกรงว่ามันจะถูกบัญญัติให้เป็นข้อบังคับแก่พวกเขาแล้วพวกเขาไม่สามารถที่จะดำรงการปฏิบัติมันได้ และกรณีนี้ (กรณีเกรงจะถูกบัญญัติ) มันปลอดภัย หลังจากนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสียชีวิต –ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม เล่ม 1 หน้า 266-267
...............

เพราะฉะนั้น การอ้างว่า ท่านอุมัร ทำบิดอะฮหะสะนะฮ ถือว่าตกไป แต่แน่นอน พวกหากินกับบิดอะฮย่อมต้องปิดตาชนกำแพงดันทุรังต่อไป
Asan Binabdullah มาต่อได้ เลยฮัมดี ผมมีกิจธุระ ว่างจะมาต่อ เพราะมานั่งรอ 3 ข.ม กว่า
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บังฮาสันต้องรับผิดชอบที่กล่าวหาผมบิดเบือน. แต่บังฮาสันเองที่บิดเบือน จากข้อความนี้จะเห็นได้ว่า บังฮาสันได้ตัดเอาเพียง ตรงคำว่า وهي على الحقيقة سنة. เท่านั้น...

แล้วมาบิดเบือนว่า وهي หมายถึงละหมาดตารอแวฮ ทั้งที่มันหมายถึง บิดอะห์ฮาสานะห์....
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ผมจะยังไม่ชี้แจง จนกว่าบังฮาสันจะทำการยอมรับและเตาบัตตัวต่อหน้าตรงนี้ สิ่งที่บังฮาสันบิดเบือนคือ 

1.ตัดทรรศนะอิบนุอาซีรเหลือเพียง ตรงคำว่า وهي على الحقيقة سنة เป็นคำเริ่มต้น แล้วบังฮาสันพาดว่า มาดูคำพูดจริงๆของอิบนุอาซีร ทั้งที่มีคำพูดก่อนหน้านั้นของ
...ดูเพิ่มเติม
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม นี่ครับ หลักฐานบังฮาสันบิดเบือนความหมาย
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ส่วนอันนี้คือคำพูดของท่านอิบนุอาซีรก่อนหน้านั้น
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อันนี้คือคำพูดท่านอิบนุอาซีรที่บังฮาซันตัดต่อ เพื่อบิดเบือนความหมาย
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม Ibnu Sorlaeh ผมขอให้กรรมการเป็นพยานในการตัวบัตตัวของ Asan Binabdullah ครั้งนี้ด้วย เพื่อที่เขาจะได้ไม่หลอกลวงคนอื่นอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น