อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เสวนาเรื่องอิบาดะฮฺมีบิดอะฮฮาซานะฮฺจริงหรือ (ตอนที่ 11)


ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม Ibnu Sorlaeh ท่านกรรมการต้องลบข้อความของคนอื่นออกให้หมด หาดมีการเมนท์อีกให้ทำการบล้อกซะ ไม่ว่าฝ่ายใด. ถ้าท่านไม่กระทำ ถือว่าท่านละเลยหน้าที่..
Asan Binabdullah พีน้องผู้อ่านครับ พวกที่บิดเบือนคำพูดอิบนุอะษีร คือ อะฮลุลบิดอะฮครับ พอไม่มีหลักฐานจะตอบโต้ ก็หาวิธีการโกหก ว่า ผมบิดเบือนคำพูด อิบนุอะษีร นี่คือวิธีสกปรกของนายตาชัง พิทักษ์บิด เรื่องนี้อะฮลุลบิดอะฮ ได้บิดเบือน ท่าน อ.ปราโมทย์ได้ชี้แจงแล้ว ในข้อเขียนของท่านชื่อ บรรทัดฐานระหว่างบิดอะฮ์กับมะศอลิห์ มุรฺสะละฮ์ (ตอนที่ 3)
Asan Binabdullah ผมขออนุญาตครูของผม อ.ปราโมทย์ลงบทความที่ท่านเขียนไว้ ดังนี้ โดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย ...

หลังจากนำบทความเรื่องนี้ตอนที่ 2 ลงในเฟสเรียบร้อยแล้ว ก็บังเอิญไปอ่านเจอข้อเขียนของพี่น้องมุสลิมที่นิยมแนวอะชาอิเราะฮ์ท่านหนึ่งในเฟส ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องคำกล่
าวของท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร.ฎ. ที่ว่า...

نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ

.. ที่ผมเพิ่งอธิบายผ่านมา ...

ข้อเขียนในเฟสของพี่น้องมุสลิมแนวอะชาอิเราะฮ์ท่านนั้น มีดังนี้ ..

ท่านอิบนุ อะษีรฺได้กล่าวยืนยันไว้ว่า ..

والبدعة الحسنة فى الحقيقة سنة، وعلى هذاالتأويل يحمل الحديث .. كل محدثة بدعة .. على ما خالف اصول الشريعة، وما لم يخالف السنة

"และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ในความเป็นจริงแล้วคือซุนนะฮ์ และบนการอธิบายตามนัยนี้ ก็ถูกตีความหะดิษที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นเป็นบิดอะฮ์" นั้น บนสิ่งที่ขัดกับหลักพื้นฐานของศาสนา และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์" ดูหนังสือ อันนิฮายะฮ์ เล่ม 1 หน้า 80 (ถ่ายทอดจากหนังสือ "อัลบะยาน" หน้า 206 ฟัตวาที่ 50

แล้วพี่น้องมุสลิมแนวอะชาอิเราะฮ์ท่านนั้นก็กล่าวตบท้ายว่า ...

"ช่วยหักล้างหลักฐานคำกล่าวของท่านอิบนุอะษีรฺตรงนี้ก่อนครับ .. อย่าเพิ่งหนีไปประเด็นอื่น " ...

จะเห็นได้ว่า ข้อเขียนข้างต้นนี้ เจ้าของเฟสอ้างแหล่งข้อมูลมาจากหนังสือ "อัลบะยาน" หน้า 206 ฟัตวาที่ 50 ...

ขอเรียนว่า ...

ผมไม่มีความประสงค์จะเข้าไปก้าวก่ายและร่วมวงเสวนากับข้อเขียนของพี่น้องอะชาอิเราะฮ์ท่านนั้น และผมก็ไม่ทราบว่าเจ้าของหนังสือ "อัลบะยาน" คือใคร? ...

แต่ผมพูดได้เต็มปากว่า ข้อมูลที่เจ้าของหนังสืออัลบะยานอ้างถึงท่านอิบนุ้ลอะษีรฺในหนังสือ "อัน-นิฮายะฮ์ ฟีเฆาะรีบิ้ลหะดีษ" ดังข้างต้นนั้น เป็นข้อมูลที่ "ถูกบิดเบือน" - บิดเบือนทั้งถ้อยคำและเจตนารมณ์ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ - เพื่อลากเข้าสู่เป้าหมายตัวเองอย่างน่าเกลียดที่สุด ..

ก่อนอื่นก็อยากจะให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบข้อเขียนของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺในหนังสือ "อัน-นิฮายะฮ์ ฟีเฆาะรีบิ้ลหะดีษ" เล่มที่ 1 (ที่อ้างมาเป็นหน้า 80 แต่ฉบับในมือของผมเป็นหน้าที่ 107) ก่อนหน้าข้อความที่เจ้าของหนังสือ "อัลบะยาน" อ้างมา - ซึ่งผมขอแปลเป็นภาษาไทยเพื่อประหยัดเวลา - ดังนี้ ...

(หมายเหตุ สิ่งที่อยู่ในวงเล็บ เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมของผม) ...

"และหนึ่งจากประเภทนี้ (คือหนึ่งจากความหมายบิดอะฮ์ที่ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺอธิบายไปแล้ว) ก็คือคำพูดท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่ว่า نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ (บิดอะฮ์ที่ดี คือสิ่งนี้) .. ในเมื่อมัน (คือ การละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) เป็นส่วนหนึ่งจากการทำสิ่งดีและจัดเข้าอยู่ในกรอบแห่งการยกย่อง ท่านอุมัรฺจึงเรียกมันว่าบิดอะฮ์และยกย่องมัน .. เนื่องจากท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้นำแบบอย่างละหมาดนี้(ในลักษณะญะมาอะฮ์)แก่พวกเขา(อย่างสม่ำเสมอ) .. ท่านเพียงละหมาดมันบางคืนเท่านั้น หลังจากนั้น ท่านก็ละทิ้งมัน โดยมิได้ทำมันเป็นประจำ และประชาชน(หลังจากท่าน)ก็มิได้รวมตัวกระทำมัน และก็มิได้มีการกระทำกัน(อย่างนี้)ในสมัยท่านอบูบักรฺ ร.ฎ. .. ท่านอุมัรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เพียงแต่(รื้อฟื้นมันด้วยการ)รวมและสนับสนุนประชาชนให้ทำละหมาดนี้ .. ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเรียกมันว่า บิดอะฮ์"
Asan Binabdullah และ .. ต่อไปนี้ คือคำพูด - จริงๆ - ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ ..

وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! لِقَوْلِهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِىْ وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ مِنْ بَعْدِىْ، .. وَقَوْلِهِ : إِقْتَدُوْا بِاللّ
َذَيْنِ مِنْ بَعْدِىْ، أَبِىْ بَكْرٍ وَعُمَرَ.. وَعَلَى هَذَاالتَّأْوِيْلِ يُحْمَلُ الْحَدِيْثُ اْلآخَرُ : كُلُّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ .. إِنَّمَا يُرِيْدُ مَاخَالَفَ اُصُوْلَ الشَّرِيْعَةِ وَلَمْ يُوَافِقِ السُّنَّةَ .....

"และมัน (คือ ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์) ที่จริงแล้วคือซุนนะฮ !(หมายถึงซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์) .. ทั้งนี้ เนื่องจากคำกล่าวของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า .. "จำเป็นสำหรับพวกท่านจะต้องตามซุนนะฮ์ของฉัน และ "ซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์" ผู้ปราดเปรื่องหลังจากฉัน" .. และคำกล่าวของท่านที่ว่า .. "พวกท่านจงปฏิบัติตาม 2 ท่านหลังจากฉัน คือ "อบูบักรฺ และอุมัรฺ" ... ซึ่ง(คำว่าบิดอะฮ์จาก)หะดีษอีกบทหนึ่งที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่ถูกริเริ่มขึ้นมาใหม่ เป็นบิดอะฮ์" .. ก็ให้ถือตามความหมายจากตามคำอธิบายนี้ .. (นั่นคือ) ท่านศาสดามิได้ประสงค์อื่นใด(จากคำว่าบิดอะฮ์ในหะดีษบทนี้) นอกจาก (หมายถึง) .. "สิ่งที่ขัดแย้งกับพื้นฐานของบทบัญญัติ และไม่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ....."

จะเห็นได้ว่า "ข้อมูลเท็จ" ในหนังสือ "อัลบะยาน" ข้างต้น กับ "ข้อมูลจริง" ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ มีความแตกต่างกันดังนี้ ...

(1). บิดเบือนถ้อยคำ .. ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ กล่าวว่า وَهِىَ عَلَى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ ! (โดยใช้สรรพนามว่า هِىَ ) ซึ่งมีความหมายว่า "ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์นั้น - ตามความเป็นจริงแล้ว - คือซุนนะฮ์ ! "...

แต่เจ้าของหนังสืออัลบะยานมาแก้ใหม่เป็น وَالْبِدْعَةُ الْحَسَنَةُ فِى الْحَقِيْقَةِ سُنَّةٌ (และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ในความเป็นจริงแล้วคือซุนนะฮ์) ดังที่เห็น เพื่อหลอกลวงให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺกล่าวว่า บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้นคือซุนนะฮ์ . . ซึ่งทั้งสองประโยคนี้มีความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ...

พฤติการณ์ข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์และไม่มีอมานะฮ์ในเรื่องวิชาการของเจ้าของหนังสืออัลบะยานนั้น ...

(2). ตัดทอนถ้อยคำและบิดเบือนเจตนารมณ์ .. ผู้เขียนหนังสืออัลบะยาน มีเจตนา "ตัด" หะดีษ 2 บทที่ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺนำมาเป็นหลักฐานเรื่องให้ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์ เพื่อยืนยันมุมมองของท่านว่า การรื้อฟื้นละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์ขึ้นมาใหม่ของท่านอุมัรฺ - ตามความเป็นจริงแล้ว - เป็น "ซุนนะฮ์ของคอลีฟะฮ์" .. มิใช่เป็น "บิดอะฮ์" ตามนัยคำกล่าวของท่านศาสดา แม้ท่านอุมัรฺจะใช้สำนวนกล่าวว่า เป็น "บิดอะฮ์ดี" ก็ตาม ..

แต่เจ้าของหนังสืออัลบะยานได้บิดเบือนเจตนารมณ์ข้อนี้ของท่านอิบนุ้ลอะษีรฺ ทั้งด้วยการตัดข้อความสำคัญออกและเปลี่ยนแปลงคำพูดบางคำ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่า .. ท่านอิบนุ้ลอะษีรฺถือว่า ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ในลักษณะญะมาอะฮ์ที่ท่านอุมัรฺรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์หะสะนะฮ์หรือบิดอะฮ์ดีในศาสนา ....

พฤติการณ์อย่างนี้ นักวิชาการจริงๆจะไม่มีใครทำกัน ...
ก็อยากจะขอแนะนำท่านเจ้าของโพสน์ว่า ต่อไปก่อนที่จะพูดจาในทำนองท้าทายใครอีก ก็ขอให้ท่านตรวจสอบข้อมูลที่ท่านคัดลอกมาอ้างอิงให้ดีเสียก่อน เพราะมิฉะนั้น ท่านจะหน้าแตก ..
Asan Binabdullah สี่เหลือคือ จุดมุ่งหมายของ อิบนุอัลอะษีร ส่วนสีแดง คือที่อะฮลุดบิดอะฮบิดเบือน
Asan Binabdullah นาบฮัมดีสุหลง หรือนายตาชั่งพิทักบิดะฮ ไม่มีความสามารถที่จะนำเสนอหลักฐานวิชาการแล้วสร้างเรื่องโกหกว่าผมบิดเบือน เพื่อสูจน์ว่า ใครกันแน่บิดเบื่อน มาสาบานมุบาฮะละฮกันไหมว่า ใครบิดเบือนคนนั้นขอให้ตายภายในเจ็ดวัน
Asan Binabdullah นี่คือการโกหกหาว่าผมตัดตอน
Asan Binabdullah และนี้คือ ความจริงที่ผมได้เสนอไปก่อนหน้านั้นแล้ว ผมยกคำพูดของอิบนุอัลอะษีรที่นายตาชั่งตัดตอน แต่นายฮัมดีหรือตาชั่งพิทักบิดอะฮ คงคิดจะหนีความจริงได้
Asan Binabdullah ท่านประธานครับ ต่อไปให้โพสต์แค่คนละสองโพสต์ แต่ละโพสต์ต้องอ้างหลักฐาน และให้สาบานอีกรอบว่าใครโกหกบิดเบือนขอให้ตายภายในเจ็ดวัน และข้างล่างคือสำเนาหนังสือ ของอิบนุอัลอะษีร คำว่า هي หมายถึงละหมาดที่ท่านอุมัรส่งเสริม คือละหมาดตะรอเวียะในรูปญะมาอะฮ และสรรพนาม ها ก่อนหน้านั้นก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น การบิดเบือนว่า هي หมายถึงบิดอะฮสะนะฮ คือการโกหกบิดเบือนของนายตาชั่ง
Asan Binabdullah การตอบโต้คนที่บิดเบือน คำพูดอิบนุอัลอะษีร ได้เกิดก่อนหน้านั้นแล้วครับ นายตาชัง ผมเป็นศิษย์มีอาจารย์ ครับและไม่ใช่อาจารย์กระจอกแบบอนุรักษ์บิดอะฮครับ http://pramote-sriutai.blogspot.com/
Asan Binabdullah เชิญเลยครับนายตาถั่ว ..เอ้ยตาชั่ง และผมเอาบทความมาลง ถ้าจะด่าให้ด่าผม ห้ามพาดพิง อ.ปราโมทย
Asan Binabdullah เนื่องจากตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บอกว่า “ผมจะยังไม่ชี้แจง จนกว่าบังฮาสันจะทำการยอมรับและเตาบัตตัวต่อหน้าตรงนี้ สิ่งที่บังฮาสันบิดเบือน “
เพราะฉะนั้น เมื่อผมไม่เตาบะฮ เพราะผมไม่ได้บิดเบือน แต่ผู้บิดเบือนคือ นายตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ผมก็มีสิทธ์เล
่นต่อ เพราะนายตาชั่งหาทางลงด้วยวิธีสกปรก และลูกผู้ชายคำใหนคำนั้น ผมจึงโพสต์ได้ เพราะในเมื่อผมไม่เตาบัต แก่จะไม่โพสต์ มาดูคำพูดอิบนุอัลอะษีร นะครับพี่น้อง
มาดูอิบนุอัลอะษีร กล่าวไว้
. وَمِنْ هَذَا النَّوْعِ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ : نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ . لَمَّا كَانَتْ مِنْ أَفْعَالِ الْخَيْرِ وَدَاخِلَةً فِي حَيِّزِ الْمَدْحِ سَمَّاهَا بِدْعَةً وَمَدَحَهَا ; لِأَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَسُنَّهَا لَهُمْ ، وَإِنَّمَا صَلَّاهَا لَيَالِيَ ثُمَّ تَرَكَهَا وَلَمْ يُحَافِظْ عَلَيْهَا ، وَلَا جَمَعَ النَّاسَ لَهَا ، وَلَا كَانَتْ فِي زَمَنِ أَبِي بَكْرٍ ، وَإِنَّمَا عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا ، فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ ، لِقَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِينَ مِنْ بَعْدِي وَقَوْلِهِ : اقْتَدُوا بِاللَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِي أَبِي بَكْرٍ وَعُمَرَ 
และส่วนหนึ่งจากชนิดนี้ คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)ที่ว่านี้คือ บิดอะฮที่ดี เมื่อมัน (หมายถึงละหมาดตะรอเวียะในรูปญะมาอะฮที่อุมัรส่งเสริมให้ทำ)เป็นส่วนหนึ่งจาก บรรดาการกระทำที่ และมันเข้าอยู่ภายใต้ ขอบเขตของการสรรเสริญ เขาจึงเรียกมันว่าว่า “บิดอะฮ” และยกย่องมัน เพราะแท้จริงนบี สอ็ลฯ ไม่ได้กำหนดมันให้เป็นแนวทางเอาไว้ และความจริงท่านนบีได้ละหมาด มันหลายคืน ต่อมาท่านได้ทิ้งมัน และไม่มีการเอาใจใส่มัน ,ไม่มีการรวบรวมผู้คน สำหรับมัน และมันไม่ปรากฏในสมัยอบีบักร์ และความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมัน และส่งเสริมมัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกว่าบิดอะฮ และในความเป็นจริงมันคือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน....และท่านนบีกล่าวว่า พวกท่านจงปฏิบัติตาม บรรดาผู้ที่อยู่หลังจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร 
النهاية في غريب الحديث لابن الأثير 1 / 106- 107 .
Asan Binabdullah สรุปที่ท่านอิบนุอัลอะษีรอธิบาย
1.คำว่า “คำว่าบิดอะฮที่ดี ท่านอุมัรชื่นชม หมายถึงละหมาดตะรอเวียะในรูปแบบญะมาอะฮที่ท่านจัดขึ้น
2.การละหมาดตะรอวียะ เป็นส่วนหนึ่งจากการกรทำดี อยู่ภาตใต้ของเขตของการสรรเสริญ

3. เพราะละหมาดตะรอเวียะท่านนบีเคยปฏิบัติหลายคืนและหยุดไป แต่ไม่มีการสานต่อ
4.ในสมัยอบูบักร์ไม่ปรากฏมีการละหมาดตะรอเวียะในรูปญะมาอะฮ
5.ต่อมาในยุคท่านอุมัร ท่านได้รวบรวมคนให้ละหมาดตะรอเวียะและส่งเสริมมัน ดู สรรพนาม “ฮา” ทั้งสองประโยคข้างล่าง
جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا
และคำว่า 
فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً
คำสรรพนาม “ฮา” หมายถึง ละหมาดที่ท่านอุมัรจัดขึ่น หมายถึงละหมาดตะรอเวียะ คำว่าได้รวบรวมผู้คนบนมัน หมายถึงรวบรวมผู้คนให้ละหมาดตะรอเวียะ ในรูปญะมาอะฮ และส่งเสริมมันก็คือ เสริมละหมาดตารอเวียะในรูปญะมาอะฮ และเรียกมัน ว่า บิดอะฮ
คงไม่มีใครที่ปัญญาอ่อนแบบอะฮลุลบิดอะฮ อย่างนายตาชั่ง ที่บอกว่า สรรพนาม ในที่นี้หมายถึงบิดอะฮหะสะนะฮ 
6.และคำว่า
وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ
และตามความเป็นจริง มันคือสุนนะฮ
ท่านอิบนุอัลอะษีร กล่าวถึง ละหมาดที่ท่านอุมัร จัดรวมคนและส่งเสริม ซึ่งหมายถึง ละหมาดตารอเวียะ ไม่ใช่ เป็นสรรพนาม แทนคำว่า “บิดอะฮหะสะนะฮ” อย่างที่นายตาชั่งบิดเบือนแล้ว มากล่าวหาว่าคนอื่นบิดเบือน
แบบนี้ ตามศัฟท์เขาเรียกญะฮีลมุรอ็กกับ คือ ไม่รู้ที่ทำเป็นรู้ทำป็นอวดเก่งว่ารู้ พอจนด้วยหลักฐานจึงหาทางลงแบบสกปรกใส่ร้ายคนอื่นแก้เกี้ยว
Asan Binabdullah นี่เว็บมาเลย์ เขาหมายถึงละหมาดตอรอเวียะเช่นกัน http://www.aswj-rg.com/.../kritikan-ilmiah-terhadap-buku...
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง. แต่ไม่นานเกินรอบังฮาสันจะได้รับผลกรรมที่ตัวเองได้ก่อแน่นอน. ถ้าไม่รีบเตาบัตตัว
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง. แต่ไม่นานเกินรอบังฮาสันจะได้รับผลกรรมที่ตัวเองได้ก่อแน่นอน. ถ้าไม่รีบเตาบัตตัว............................จะเสวนาวิชาการหรือจะทำสงครามครับ
Asan Binabdullah รักบิดอะฮถึงขนาดอาฆาตมาดร้าย นี่หรือมุสลิม
Asan Binabdullah แทนที่จะเอาวิชาการมาเสวนากัน กลับเล่นสกปรก
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เรามาดูครับว่า ใครกันแน่ที่อาฆาตมาดร้ายต่อพี่น้องมุสลิม. 

นี่คือคำพูดผม จะเห็นว่าผมไม่เคยสาปแช่ง. แต่ให้โอกาสในการเตาบัตตัว
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ส่วนนี่คือคำพูดบังฮาสันที่อาฆาตต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกัน. จนขนาดไปยืมคำสาปแช่งของศาสนาอื่นมาใช้ให้พี่น้องมุสลิมตายภายในสามวันเจ็ดวัน..

พี่น้องโปรดพิจารณาเถอะว่าใครกันที่อาฆาตต่อพี่น้องมุสลิม
Asan Binabdullah ตกลงจะเสวนาวิชาการไหมนี่ ผมจำได้ว่า ไม่รู้ว่าใคร คุยโม้ว่า 99 เปอณเซ็นเมื่อดีเบทกับผมเขาคว่ำผมได้
Asan Binabdullah แม้แต่ปราชญ์ มัวฮับชาฟิอีย์ เช่น อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า

فَإِن الْبِدْعَة الشَّرْعِيَّة ضَلَالَة كَمَا قَالَ – صلى الله عليه وسلم – وَمن قسمهَا من الْعلمَاء إِلَى حسن وَغير حسن فَإِنَّمَا قسم الْبِدْعَة اللُّغَوِيَّة وَمن قَالَ كل بِدعَة ضَلَ
الَة فَمَعْنَاه الْبِدْعَة الشَّرْعِيَّة

แท้จริง บิดอะฮเกี่ยวกับศาสนบัญญัตินั้น คือ การหลงผิด ดังสิ่งที่นบี ศอ็ลฯ ได้กล่าวเอาไว้ และผู้ใดก็ตามจากบรรดาอุลามาอฺ ได้แบ่งมัน เป็นบิดอะฮที่ดี และบิดอะฮที่ไม่ดี ความจริง เขาได้แบ่ง บิดอะฮเกียวกับภาษา และผู้ใด กล่าวว่า "ทุกบิดอะฮ คือ การหลงผิด ความหมายของมันคือ บิดอะฮที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ - ฟะตาวา อัลหะดีษียะฮ หน้า 655
...........

เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่มีบิดอะฮที่ดี ในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะกีดะฮ หรืออิบาดะฮ และข้างต้น เป็นทัศนะปราชญมัซฮับชาฟิอี ระบุว่า บิดอะฮในทางศาสนาบัญญัติหลงผืด แต่มีคนดันทุรัง บอกว่า ในศาสนามีบิดอะฮหะสะนะฮ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เด่วอย่าเพิ่งต่อครับ. Asan Binabdullah เราจะคุยทรรศนะอิบนุอาซีรให้จบ...
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม นี่คือตำรานีฮายะห์.ฟีเฆาะรีบิ้ลฮาดิษ. ของท่านอิบนุอาซีร...

قال ابن الأثير فى "النهاية فى غريب الحديث"(1/106- 107): وفي حديث عمر رضي اللَه عنه في قيام رمضان: نِعْمَت البِدْعة هذه، البدعة بِدْعَتَان: بدعة هُدًى، وبدعة ضلال، فما كان في خلاف ما أمَر اللّه
 به ورسوله صلى اللّه عليه وسلم فهو في حَيّز الذّم والإنكار، وما كان واقعا تحت عُموم  ما نَدب اللّه إليه وحَضَّ عليه اللّه أو رسوله فهو في حيز المدح، وما لم يكن له مثال موجود كنَوْع من الجُود والسخاء وفعْل المعروف فهو من الأفعال المحمودة، ولا يجوز أن يكون ذلك في خلاف ما وَردَ الشرع به؛ لأن النبي صلى اللّه عليه وسلم قد جَعل له في ذلك ثوابا فقال:" من سَنّ سُنة حسَنة كان له أجْرها وأجرُ من عَمِل بها "، وقال في ضِدّه:" ومن سنّ سُنة سيّئة كان عليه وزْرُها وَوِزْرُ من عَمِل بها"، وذلك إذا كان في خلاف ما أمر اللّه به ورسوله صلى اللّه عليه وسلم. ومن هذا النوع قولُ عمر رضي اللّه عنه: نِعْمَت البدعة هذه. لـمـَّــا كانت من أفعال الخير وداخلة في حيز المدح سماها بدعة ومدَحها؛ لأن النبي صلى اللّه عليه وسلم لم يَسَنَّها لهم، وإنما صلاّها لَياليَ ثم تَركَها ولم يحافظ عليها، ولا جَمع الناسَ لها، ولا كانت في زمن أبي بكر، وإنما عمر رضي اللّه عنه جمع الناس عليها ونَدَبـهم إليها، فبهذا سمّاها بدعة، وهي على الحقيقة سُنَّة، لقوله صلى اللّه عليه وسلم: عليكم بسُنَّتي وسنَّة الخلفاء الراشِدين من بعْدي، وقوله: اقتدُوا باللذين من بعدي أبي بكر وعمر، وعَلَى هذا التأويل يُحمل الحديث الآخر: كل مُحْدَثة بدعةٌ، إنما يريد ما خالف أصول الشريعة ولم يوافق السُّنَّة.اهـ
ดูคำแปล
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เนื่องจากบังฮาสันได้บอกว่าผมเป็นนักก้อปไม่เข้าใจภาษาอาหรับ และบังฮาสันเขามั่นใจว่าเขาเก่งภาษาอาหรับ. งั้นเรามาพิสูจน์ข้อความอิบนุอาซีรกัน. เรามาปอกเปลือกด้วยกัน.....

1.เริ่มต้นของคำพูดอิบนุอาซีรได้กล่าวถึงอะไร..


2.คำว่า وهي على الحقيقة سنة ขอถามบังAsan Binabdullah ว่า วาว ตรงนี้ เอี้ยะร้อบเป็นอะไร... هي ตรงนี้คือดอเมรอะไร. #เชิญครับ...
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม คุณมีสิทธิ์ที่จะถามเพื่อให้ผมเอี้ยะร้อบได้เช่นกัน
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม เนื่องจากบังฮาสันได้บอกว่าผมเป็นนักก้อปไม่เข้าใจภาษาอาหรับ และบังฮาสันเขามั่นใจว่าเขาเก่งภาษาอาหรับ. งั้นเรามาพิสูจน์ข้อความอิบนุอาซีรกัน. เรามาปอกเปลือกด้วยกัน.....

1.เริ่มต้นของคำพูดอิบนุอาซีรได้กล่าวถึงอะไร..


2.คำว่า وهي على الحقيقة سنة ขอถามบังAsan Binabdullah ว่า วาว ตรงนี้ เอี้ยะร้อบเป็นอะไร... هي ตรงนี้คือดอเมรอะไร. #เชิญครับ.
........................
ยกมาทำไมไม่แปลครับ แปลไม่เป็นแล้ว ใช้กลยุทธให้คนอื่นแปล แปลให้หมดสิครับนาย ตาชั่ง นี่ที่คุณยกมา

แปลภาษาไทยเลยครับ ตามกติกา.

قال ابن الأثير فى "النهاية فى غريب الحديث"(1/106- 107): وفي حديث عمر رضي اللَه عنه في قيام رمضان: نِعْمَت البِدْعة هذه، البدعة بِدْعَتَان: بدعة هُدًى، وبدعة ضلال، فما كان في خلاف ما أمَر اللّه به ورسوله صلى اللّه عليه وسلم فهو في حَيّز الذّم والإنكار، وما كان واقعا تحت عُموم ما نَدب اللّه إليه وحَضَّ عليه اللّه أو رسوله فهو في حيز المدح، وما لم يكن له مثال موجود كنَوْع من الجُود والسخاء وفعْل المعروف فهو من الأفعال المحمودة، ولا يجوز أن يكون ذلك في خلاف ما وَردَ الشرع به؛ لأن النبي صلى اللّه عليه وسلم قد جَعل له في ذلك ثوابا فقال:" من سَنّ سُنة حسَنة كان له أجْرها وأجرُ من عَمِل بها "، وقال في ضِدّه:" ومن سنّ سُنة سيّئة كان عليه وزْرُها وَوِزْرُ من عَمِل بها"، وذلك إذا كان في خلاف ما أمر اللّه به ورسوله صلى اللّه عليه وسلم. ومن هذا النوع قولُ عمر رضي اللّه عنه: نِعْمَت البدعة هذه. لـمـَّــا كانت من أفعال الخير وداخلة في حيز المدح سماها بدعة ومدَحها؛ لأن النبي صلى اللّه عليه وسلم لم يَسَنَّها لهم، وإنما صلاّها لَياليَ ثم تَركَها ولم يحافظ عليها، ولا جَمع الناسَ لها، ولا كانت في زمن أبي بكر، وإنما عمر رضي اللّه عنه جمع الناس عليها ونَدَبـهم إليها، فبهذا سمّاها بدعة، وهي على الحقيقة سُنَّة، لقوله صلى اللّه عليه وسلم: عليكم بسُنَّتي وسنَّة الخلفاء الراشِدين من بعْدي، وقوله: اقتدُوا باللذين من بعدي أبي بكر وعمر، وعَلَى هذا التأويل يُحمل الحديث الآخر: كل مُحْدَثة بدعةٌ، إنما يريد ما خالف أصول الشريعة ولم يوافق السُّنَّة.اهـ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น