อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ข้อควรปฏิบัติสำหรับบุคคลทั่วไปเมื่อเยี่ยมผู้ป่วยใกล้สิ้นใจ


โดย อ.อับดุลลอฮฺ สุไลหมัด


1 - แนะนำให้ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้สิ้นใจนอนท่าตะแคงขวาหันหน้าไปทิศกิบละฮ์เท่าที่สามารถจะทำได้
หากไม่สามารถก็ให้อยู่ในท่าหรืออิริยาบถที่ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้สิ้นใจรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด แต่สมควรพยายามให้อวัยวะส่วนมากในร่างกายได้หันไปทิศกิบละฮ์ เพราะทิศกิบละฮ์คือทิศที่ประเสริฐที่สุด เป็น ทิศสำหรับมุสลิมทุกคน ทั้งคนเป็นและคนตาย ดังปรากฏรายงานจากท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) ว่า

قِبْلَتُكُمْ أَحْيَاءًا وَأَمْوَاتًا

ความหมาย “ กะอฺบะฮ์ คือกิบละฮ์ของทั้งคนเป็นและคนตาย ” บันทึกโดยอาบูดาวูด และมีรายงานจากท่านอาบีกอตาดะฮ์ (ร.ด) ว่า เมื่อครั้งที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) เดินทางมาถึงเมืองมะดีนะฮ์ ท่านได้ถามหาสหายคนหนึ่งของท่านที่ชื่ออัลบะรออฺอิบนุมะอฺรู้ร (ร.ด) จากนั้นมีผู้รายงานให้ท่านรอซูล (ซ.ล) ทราบ ว่าบะรออฺ (ร.ด) ได้เสียชีวิตแล้วและมีคำสั่งเสียไว้ 2 ประการ คือ
(1)ยกทรัพย์สินจำนวน 1 ใน 3 ของทรัพย์สินทั้งหมดให้ท่านรอซูล และ
(2)ให้จัดท่านอนหันหน้าสู่ทิศกิบละฮ์ให้ขณะใกล้จะสิ้นใจท่านรอซูล (ซ.ล) จึงกล่าวตอบว่า أَصَابَ الْفِطْرَةَ “ บะรอฮ์ทำถูกต้องแล้ว (คือตรงตามซุนนะฮ์) และข้าพเจ้าขอยกทรัพย์สินจำนวนนั้นทั้งหมดคืน...!!!ให้แก่ทายาทของเขา ” .................. .บันทึกโดย..อัลบัยหะกีย์และท่านอัลหากิมระบุว่าเป็นหะดีษซอเหียะห์ได้มาตรฐาน

ท่านอิหม่ามอะหมัด ..ได้รายงานไว้อีกว่า เมื่อครั้งที่ท่านหญิงฟาติมะฮ์บุตรีของท่านรอซูล (ซ.ล) จะเสียชีวิต นางได้นอนหันหน้าไปทางทิศกิบละฮ์และใช้มือด้านขวาหนุนศีรษะไว้ ท่านหุซัยฟะฮ์ (ร.ด) ก็เคยสั่งกำชับแก่ญาติและบุคคลทั่วไปไว้ว่า “ เมื่อฉันใกล้สิ้นใจ พวกท่านจงให้ฉันหันหน้าไปทิศกิบละฮ์ด้วย ” นักวิชาการในยุคสะลัฟหลายท่านได้อธิบายเสริมว่า ท่านอนตะแคงขวาหันหน้าสู่ทิศกิบละฮ์นี้เฉพาะผู้ที่มีความสามารถจะทำได้ หากไม่สามารถทำได้ก็ให้นอนหงายตามสะดวก แต่ให้ ยืดปลายเท้าไปทางทิศกิบละฮ์ และหนุนศีรษะให้สูงเล็กน้อยเพื่อให้สายตาได้มองไปทางทิศกิบละฮ์

2 - ให้พูดแต่สิ่งที่ดีเป็นบะรอกะฮ์มงคลและวิงวอนขอดุอาอ์แก่ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้สิ้นใจ

ท่านรอซูล (ซ.ล)ได้กล่าวแนะนำไว้ว่า

إِذَا حَضَرْتُمْ الْمَرِيضَ أَوْ الْمَيِّتَ فَقُولُوا خَيْرًا فَإِنَّ الْمَلاَئِكَةَ يُؤَمِّنُونَ عَلَى مَا تَقُولُون

ความหมาย “ เมื่อพวกท่านไปเยี่ยมคนป่วยหรือคนตาย พวกท่านจงพูดแต่เฉพาะสิ่งที่ดี เพราะแท้จริง แล้วบรรดามะลาอิกะฮ์จะกล่าวอามีนตามสิ่งที่พวกท่านพูด ” บันทึกโดยมุสลิม

3 - เตือนให้ผู้ป่วยและผู้ใกล้สิ้นใจมีสติและอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดให้มากที่สุด
 ให้เต็มใจและพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้นึกถึงการกำหนด (ตักดีร) และความประสงค์ของอัลลอฮ์ไว้เป็นสำคัญ ขออิสติฆฟารและเตาบะฮ์ให้มากๆ และให้พยายามนึกคิดแต่เฉพาะสิ่งที่ดี นึกถึงความดีและผลบุญของการซอบัรอดทน พยายามอย่าโวยวายและโอดครวญอย่างไม่เหมาะสม
 ท่านอับดุลลอฮ์อิบนุอับบาส (ร.ด) รายงานว่า ในอดีตมีสตรีนางหนึ่งเจ็บป่วยมาก เมื่อนางมีโอกาสได้พบกับท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) นางจึงเล่าอาการของนางให้ท่านรอซูล (ซ.ล) ฟังและขอร้องให้ช่วยขอดุอาอฺจากอัลลอฮ์ให้นางหายป่วย ท่าน รอซูล (ซ.ล) จึงกล่าวกับนางว่า

إِنْ شِئْتِ دَعَوْتُ اللهَ فَشَفَاكِ وَإِنْ شِئْتِ فَاصْبِرِي ْوَلاَ حِسَابُ عَلَيْكِ
ความหมาย “ ได้สิ หากเธออยากหายป่วยเราจะวิงวอนขอจากอัลลอฮ์ให้เธอหายป่วย แต่ถ้าเธออดทนและยอมเจ็บป่วยตามเดิม เธอจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกสอบสวนถึงความสุขสบายที่เธอเคยได้รับ ” นางตอบกับท่านรอซูลว่า ดิฉันยินดีเจ็บป่วยต่อไปเช่นนี้ ดิฉันจะอดทนให้ถึงที่สุด ดิฉันจะได้ไม่ต้องถูกสอบสวนอะไรมากมาย และมี
รายงานจากท่านญาบีร (ร.ด) ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า

لاَ يَمُوْتَنَّ أَحَدُكُمْ إِلاَّ وَهُوَ يُحْسِنُ الظَّنَّ بِاللهِ
ความหมาย “ ผู้หนึ่งผู้ใดอย่าได้เสียชีวิต จนกว่าเขาจะมีความนึกคิดที่ดีต่ออัลลอฮ์เสียก่อน ..
“ บันทึกโดยมุสลิม ...
ในกรณีที่ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงมาก สามารถพูดจาและช่วยตัวเองได้บ้างตามสมควร หากกังวลใจและวิตกมาก และไม่อาจทราบได้ว่าจะมีโอกาสหายป่วยหรือจะเสียชีวิตให้มอบหมายต่ออัลลอฮ์กล่าวอิสติฆฟารขออภัยโทษจากอัลลอฮ์ เพราะถือว่ายังไม่สายเกินไปที่จะสารภาพผิดและกลับเนื้อกลับตัว ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า
إِنَّ اللهَ يَقْبَلُ تَوْبَةَ الْعَبْدِ مَا لَمْ يُغَرْغِرْ
และให้อ่านดุอาอฺบทที่ท่านรอซูล (ซ.ล) ได้แนะนำไว้ดังนี้
اَللَّهُمَّ أَحْيِنِيْ مَا كَانَتِ الْحَيَاةُ خَيْرًا لِيْ ، وَتَوَفَّنِيْ مَا كَانَتِ الْحَيَاةُ خَيْرًا لِيْ
ความหมาย “ โอ้อัลลอฮ์ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีชีวิตต่อไป หากการมีชีวิตเป็นสิ่งที่ดีมีคุณแก่ตัวข้าฯ และโปรดให้ข้าฯเสียชีวิตเถิด หากการเสียชีวิตเป็นสิ่งที่ดีมีคุณกับตัวข้าฯ “ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ และมุสลิม

4 - เมื่อมีผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่หมดโอกาสหายและอยู่ในวาระสุดท้ายใกล้จะหมดลมหรือสิ้นใจแล้ว สมควรให้คนหนึ่งคนใดในที่นั้นทำการตัลกีน ( تَلْقِـيْن )
 คือ นำกล่าวหรือสอนผู้ใกล้จะสิ้นใจให้กล่าวกะลิมะฮ์เตาฮีดตามว่า ( لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ ) โดยไม่ต้องนำกล่าวคำว่า ( مُحَمَّدٌ رَسُوْلُ اللهِ ) ดังมีรายงานจากอาบีสะอีดอัลคุดรีย์ (ร.ด) ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า
لَقِّنُوْامَوْتَاكُمْ قَوْلَ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ
ความหมาย “ พวกท่านจงนำคนใกล้สิ้นใจกล่าวคำปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ ” บันทึกโดยมุสลิม
และเมื่อผู้ใกล้สิ้นใจกล่าวกะลิมะฮ์ตามเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องนำกล่าวหรือบอกซ้ำอีก และห้ามนำกล่าวอย่างเซ้าซี้หรือจู้จี้กับผู้ป่วย เพราะเกรงว่าอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหงุดหงิดและไม้เต็มใจกล่าวตาม แต่ถ้ายังไม่กล่าวตามก็ให้บอกและนำกล่าวคำกะลิมะฮ์นั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงที่ดังชัด เจนพอประมาณเพื่อจะได้ยินและกล่าวตามได้ง่ายขึ้น และไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำอีกหลายๆครั้ง
นอกจากว่าผู้ใกล้สิ้นใจนั้นได้กล่าวหรือพูดคำพูดอื่นๆออกมา ทั้งนี่เพราะจุดประสงค์ก็คือเพื่อต้องการให้ประโยคคำพูดสุดท้ายคือการกล่าวกะลีมะฮ์เตาฮีด เพราะผู้ที่เสียชีวิตโดยมีคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนสิ้นใจว่า ( لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ ) เขามีโอกาสได้รับการอภัยโทษและความกรุณาจากอัลลอฮ์ และจะได้เข้าสวรรค์ของพระองค์ ดังปรากฏในรายงานของท่านอิบนิอับบาส (ร.ด) ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า
لَقِّنُوْامَوْتَاكُمْ شَهَادَةَ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ فَمَنْ قَالَهَا عِنْدَ مَوْتِهِ وَجَبَتْ لَهُ الْجَنَّةُ
ความหมาย “ พวกท่านจงนำคนใกล้สิ้นใจกล่าวคำปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ ทั้งนี้เพราะว่าใครก็ตามที่กล่าวคำปฏิญาณนี้ขณะสิ้นใจ สวรรค์ย่อมได้แก่เขาอย่างแน่นอน ” บันทึกโดยอัดฏ็อบรอนีย์ และท่านมุอาซอิบนุญะบัล (ร.ด) รายงานจากท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) ว่า
مَنْ كَانَ آَخِرُ قَوْلِهِ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ دَخَلَ الْجَنَّةَ
ความหมาย “ ผู้ใดที่คำพูดสุดท้ายของเขา -ก่อนสิ้นใจ- คือ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ เขาจะได้เข้าสวรรค์ ”
บันทึกโดย..อะหมัดและอาบูดาวูด
ส่วนการอ่านซูเราะฮ์ “ ยาซีน ” นั้น โดยอาศัยตัวบทหะดีษจากรายงานของท่านมะอฺกิลบิน ยะซาร (ร.ด) ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ.ล) กล่าวว่า
“ยาซีน คือห้วใจของอัลกุรอาน ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่อ่านยาซีนด้วยความมุ่งหวังต่ออัลลอฮ์และโลกอาคิเราะฮ์ เขาจักต้องได้รับการอภัยโทษ และพวกท่านจงอ่านยาซีนให้แก่ผ็ใกล้ตายของพวกท่าน ” บันทึกโดยอะหมัด,อาบูดาวูดและอันนะซาอีย์
นักวิชาการผู้ชำนาญศาสตร์หะดีษตั้งแต่ยุคสะลัฟมีความเห็นและคำอธิบายเป็น 2 ส่วน กล่าว คือ นักวิชาการส่วนมากระบุว่าหะดีษบทนี้เป็นหะดีษฏออีฟ(อ่อน) ไม่ได้มาตรฐานตามเงื่อนไขของการพิจารณาหะดีษ จึงไม่สามารถนำมาเป็นตัวบทในการอ่านซูเราะห์ยาซีนให้แก่ทั้งผู้ใกล้ตายและคนตายได้ ท่านอิหม่ามนะวะวีย์ได้ระบุในหนังสือ “อัลอัซการ” ไว้อย่างชัดเจนว่าหะดีษบทดังกล่าวนี้เป็นหะดีษฏออีฟ ในขณะที่นักวิชาการส่วนน้อย เช่น
ท่านอิบนุหิบบานและอัลหากิมมีความเข้าใจว่าหะดีษบทนี้เป็นหะดีษซอเหียะห์ ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ แต่คำว่า مَوْتَاكُمْ (เมาตา) นั้นมิได้หมายถึงคนตาย แต่หมายถึงเฉพาะคนใกล้ตายหรือใกล้สิ้นใจเท่านั้น ดังนั้นคนที่ตายไปแล้วจึงไม่สามารถอ่านซูเราะฮ์ยาซีนให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยคำอธิบายและความเข้าใจของนักวิชาการกลุ่มใดก็ตาม ท่านอิหม่ามอัชเชากานีย์กล่าวว่า ชาวสะลัฟบางท่านเห็นควรให้อ่านซูเราะฮ์ ” อัรเราะอฺดุ ” ( الرَّعْدُ ) ให้ผู้ใกล้สิ้นใจฟัง เพราะจะช่วยให้ผู้ใกล้สิ้นใจหมดลมโดยไม่ทุกข์ทรมานและเจ็บปวดแต่อย่างใด ทั้งนี้อาศัยรายงานของอิหม่ามอาบีชัยบะฮ์และอัลมัรวะซีย์จากท่านญาบิรอิบนิเซด (ตาบีอีน) ว่าท่านญาบิรสนับสนุนให้อ่าน ซูเราะฮฺ ” อัรเราะอฺดุ ” ให้แก่ผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ เพราะจะช่วยให้การถอดวิญญาณนั้นง่ายดาย ไม่เจ็บ ปวดทรมาน อีกทั้งยังเป็นคุณและผลดีต่อผู้ใกล้ตายอีกด้วย ( ตัฟซีรฟัตหุลก้อดีรรฺ 3/90) ...

..###ทุกชีวิต..ต้องลิ้มรสการตาย....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น