อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

การละหมาดญานะซะฮฺกรณีผู้ที่ตายไม่ได้อยู่ด้วย



ผู้ที่ตายในเมืองที่ไม่มีผู้ที่จะละหมาดให้แก่ผู้ตายที่อยู่ด้วย(ฮาฎิร) ให้แก่เขา อันนี้ก็ให้กลุ่มหนึ่งจากบรรดามุสลิมละหมาดให้แก่ผู้ตายที่มิได้อยู่ด้วย(ฆออิบ) ให้แก่เขา เนื่องจากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)ได้ละหมาดให้แก่นะญาชีย์

รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุม) เล่าว่า
“แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้แจ้งข่าวการตายของนะญาชีย์อัศหะมะฮฺผู้ครองเมืองหะบะชะฮฺแก่พวกผู้คนในขณะที่ท่านอยู่ที่นครมะดีนะฮฺ ในวันที่นะญาชีย์ได้ตาย ท่านกล่าวว่า : แท้จริงพี่น้องคนหนึ่งของท่านทั้งหลายได้ตาย นอกพื้นแผ่นดินของท่านทั้งหลายท่านทั้งหลายก็จงลุกขึ้นมา แล้วละหมาดให้แก่เขา พวกเขากล่าวว่า : เขาเป็นใคร ท่านกล่าวว่า : อันนะญาซีย์ และท่านก็กล่าวว่า : ท่านทั้งหลายจงขออภัยโทษให้แก่พี่น้องของท่านทั้งหลาย เขากล่าวว่า : แล้วท่านได้พาพวกเขาไปยังที่ละหมาด(อัลบะเกี้ยอฺ) หลังจากนั้น ท่านได้กล่าวขึ้นไปข้างหน้า แล้วพวกเขาได้ได้ตั้งแถว 2 แถวด้วยกัน เขากล่าวว่า : แล้วเราได้จัดแถวด้านหลังของท่านเหมือนกับที่จัดแถวให้แก่ผู้ตาย แล้วเราได้ละหมาดให้แก่เขาเหมือนกับที่ละหมาดให้แก่ผู้ตาย แล้วเรามิได้คิดอะไรกับศพ นอกจากเหมือนกับว่า เขาถูกวางอยู่ข้างหน้าของท่าน...”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น