เมื่อทราบข่าว ว่าเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตอนมัธยม เขาได้ไปเลื่อมใสในลัทธิชีอะฮฺร่อฟีเฎาะฮฺอีกคน มันรู้สึกหดหู่ นอนไม่หลับทั้งคืน ความเจ็บปวดรวดร้าวที่มันได้ประสบกับการได้รับข่าวอันเลวร้ายเหล่านี้ เราในฐานะมุสลิมผู้ศรัทธา และต่อต้านมันอย่างเข้มแข็งกับพวกกลับกรอกเหล่านี้ มันไม่มีอะไรไปมากกว่าความเสียใจ ความเจ็บปวด และเสียดายเพื่อนๆเหล่านั้น
ในท่ามกลางความวุ่นวายและการแตกแยกกันในสังคมมุสลิมในบ้านเรา กลับมีพวกหนึ่งที่ฉกฉวยโอกาส เข้ามาแทรกซึม บ่อนทำลาย และฉุดกระชากพี่น้องมุสลิมบางคนไปจากลู่ทางอัล-อิสลาม และกลายเป็นพวกสมุนของพวกมันอย่างไม่มีวันกลับ และพวกเขายังกลับมาทะลุทะลวงทิ่มแทงป้ายสีให้ร้ายต่างๆนานากับอัล-อิสลามซึ่งในอดีตที่ผ่านมาได้ชุบเลี้ยงจิตใจ ให้เขาดำรงอยู่บนพื้นฐานอิสลามตลอดมา
การคืบคลานของเหล่าศัตรูอย่างรอฟีเฎาะฮฺ ที่แอบอ้างตนว่าเป็นมุสลิม มันเข้ามาแอบแฝงตัวคลุกคลีกับพี่น้องมุสลิม ด้วยการกอดคอเคียงบ่าเคียงไหล่ทำเหมือนให้การช่วยเหลือ จนได้ทีเผลอตัวและให้ความไว้วางใจ แล้วมันก็ค่อยๆพูดโน้มน้าวใจ ปลูกฝังความเชื้อ ให้เขาลังเลใจต่อการศรัทธาที่เขามีอยู่ แล้วให้โน้มเอียงไปตามแผนการความเชื่อของพวกมัน จนในที่สุด เขาก็ตกหลุมพรางที่พวกมันกับดักไว้ และกลายเป็นสมุนของพวกมันในที่สุด
เพื่อนร่วมห้องของข้าพเจ้ากี่คนแล้วที่ติดกับดักและกลายเป็นสมุนของพวกมัน ที่รู้ๆอยู่รวมถึงเพื่อนคนล่าสุด ก็ปาไป 5 คนแล้ว เพื่อนๆเหล่านี้เราเคยร่วมหัวจมปลักมาด้วยกัน วันเสาร์-อาทิตย์เราพากันไปศึกษาศาสนาชั้นตะดีกา คุณครูพร่ำสอนเรียนรู้หลักศรัทธาที่ถูกต้อง ปฏิบัติศาสนกิจที่อิสลามบัญญัติไว้ ให้ตามกิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮฺตามความเข้าใจของคนยุคชาวสลัฟ (สามร้อยปีแรก) ให้รักนบี(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ) รักอะฮฺลุลบัยตฺเครือญาติของท่านนบี (บรรดาภรรยา, ลูกๆ, พ่อแม่, ปู่ย่าตายาย และลุงป้าน้าอา) รักบรรดาเศาะหาบะฮฺหรือบรรดาสาวกของท่านนบี ซึ่งท่านบีได้รับรองสวรรค์ไว้แล้วสำหรับพวกเขา แต่เพื่อนเหล่านี้กลับลืมมัน และไปเป็นพวกสมุนเหล่าบริวารศัตรูอิสลาม ซึ่งพวกมันชอบใส่ร้ายป้ายสีบรรดาภรรยาอันเป็นที่รักของท่านนบี ดูถูกเกลียดชังเหล่าบรรดาเศาะหาบะฮฺ กล่าวหาว่าหลังที่ท่านนบีเสียชีวิตบรรดาเศาะหาบะฮฺตกมุรตัดทั้งหมด เหลือเพียง 3 คน และตกนรก ทั้งที่ท่านนบีได้รับรองสวรรค์ให้พวกเขา หลักศรัทธาก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง การละหมาดก็ไม่เหมือนกัน และอีกมายมากที่ไม่ใช่อิสลามตามที่พระองค์อัลลอฮฺตะอาลาประทานลงมา เมื่อเพื่อนๆเหล่านั้นได้ไปเป็นสมุนและเดินรอยตามแนวทางพวกรอฟีเฎาะฮฺ ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ละทิ้งและเดินหันหลังออกจากอิสลามอันบริสุทธิ์ไปแล้วนั้นเอง
พวกรอฟีเฎาะฮฺมันยังไม่อิ่มหนำสำราญ ที่ได้หลอกล่อเพื่อนๆจนกลายเป็นสมุนของพวกมัน พวกมันยังหิวกระหายไม่รู้จบ ยังมาปั่นป่วนชักนำญาติๆพี่น้องเพื่อนบ้านไปเป็นพวกมันอีกหลายคน หนำซ้ำมันยังบังอาจมาเยียบย่ำถึงใต้ถุนบ้านจะมาชักนำแม่อันเป็นที่รักของข้าพเจ้าไปเป็นพวกมันอีกคน แม่ของข้าพเจ้ามีโรคประจำตัว มีคนข้างบ้านแนะนำให้ไปรักษาตัวในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งแท้จริงคนข้างบ้านคนนี้ก็ได้กลายเป็นสมุนรอฟีเฎาะฮฺไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แม่ของข้าพเจ้าก็เชื่อใจ จึงยอมไปรักษา พอไปถึง หมอที่ทำการรักษาได้ทำการรักษาแม่ด้วยคาถาอะไรไม่ทราบ พร้อมกับกล่าวกับแม่ว่าถ้าแม่เข้ามาอยู่กับพวกเขา โรคนี้จะหาย พอแม่รู้แล้วว่าพวกมันคือรอฟีเฎาะฮฺ และเคยได้ยินข้าพเจ้าเคยกล่าวเตือนให้ท่านได้ระวังให้มากกับพวกนี้ เมื่อท่านตั้งสติได้ ท่านก็รีบสะบัดตัวแล้ววิ่งหนีออกมาจากพวกมันทันที และได้เล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าทราบ
นี้คือแผนการร้ายของพวกมัน มันทำทุกวิธีการที่จะทำการเปลี่ยนชาวมุสลิมไปเป็นพวกสมุนบริวารของพวกมันให้จงได้ โดยเฉพาะกับมุสลิมที่อ่อนแอในหลักการอิสลาม หากเป็นหัวหน้าครอบครัว มันย่อมเป็นการดีสำหรับพวกมัน เพราะพวกมันจะได้กินรวบทั้งครอบครัว พวกมันสร้างมัสยิดของพวกมันอย่างใหญ่โต และชักชวนผู้คนที่รอบๆมัสยิด ให้ละทิ้งอิสลาม แล้วไปอยู่ร่วมกับลัทธิของพวกมัน ข้าพเจ้าเคยได้สอบถามผู้คนในรอบมัสยิดนั้น ก็ได้ทราบว่ามีพวกรอฟีเฎาะฮฺจากอิหร่านมาชักชวนพวกเขา โดยื่นข้อเสนอว่าหากพวกเขาเข้ารับนับถือลัทธิรอฟีเฎาะฮฺอิมามสิบสองแล้ว พวกมันจะปลดหนี้ให้กับพวกเขาทั้งหมด พวกมันทำได้แม้วิธีการที่ต่ำช้า ขอให้ชาวมุสลิมตกหลุมพรางของพวกมันก่อน แล้วพวกมันค่อยๆพร่ำสอนความคิดอันชั่วช้าที่พวกมันมีต่ออิสลามมาลบล้างสมองของพวกเขา มันคือศัตรูอิสลามหมายเลขหนึ่ง มันชั่วช้าและร้ายกาจยิ่งกว่ากลุ่มชนชาวยิวอีกร้อยเท่า ผู้ที่เสนอตัวชัดเจนว่าเป็นศัตรู มันจะร้ายกาจเท่าพวกที่บอกว่าศรัทธาแต่เบื้องหลังนั้นมีแต่ขยี่ทำลายได้อย่างไร? ซึ่งพระองค์อัลลอฮฺตะอาลาได้ตรัสเอาไว้ว่า พวกกลับกลอกหรือมุนาฟิกจะอยู่ในก่นเหวนรกต่ำสุด
ตอนนี้พวกมันกำลังเหิมเกริมได้ทำการบุกขยี้ในทุกพื้นที่ตารางนิ้วของชุมชนมุสลิม เพื่อให้เป็นไปตามแผนการที่คุมัยนีย์วางหมากเอาไว้ ตามวาทกรรมที่ว่า “เปลี่ยนชาวสุนนีย์ เป็นรอฟีเฎาะฮฺ” นั้นเอง จนพวกสมุนรอฟีเฎาะฮฺในประเทศไทยกล้าพูดอย่างทะนงตัวและสุดจะภาคภูมิที่ว่า “พวกเราได้ยึดพื้นที่และเปลี่ยนพวกสุนนีย์มาเป็นพวกเราเกือบหมดแล้ว”
เมื่อได้เห็นความร้ายกาจของเหล่าลัทธิรอฟีเฎาะฮฺที่เข้ามาขยี้ความเชื้อของชาวมุสลิมให้เป็นพรรคพวกของมัน ก็ไม่ต่างอะไรที่พวกมันได้ร่วมกับเหล่าชีอะฮฺนุศ็อยรีย์ทำการเข่นฆ่าพี่น้องของเราในซีเรีย ทุกๆวัน พวกมันไม่ได้เข่นฆ่าพี่น้องบ้านเราอย่างพี่น้องชาวซีเรีย แต่การที่พวกมันได้ชักจูงพี่น้องของเราไปเป็นสมุนบริวารของพวกมัน ก็เท่ากับว่าพวกมันได้เข่นฆ่าพี่น้องของเราไปจากอิสลามอย่างไม่มีวันกลับนั้นเอง
แล้วพี่น้องผู้ศรัทธายังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ หรือ? ยังไม่เห็นภัยอันตรายของพวกมันอีกหรือ? คงปล่อยให้พวกมันทำการทะนงตน ฉุดกระชากพี่น้องของเราไปต่อหน้าต่อตา อย่างนี้ต่อไปอีกกระนั้นหรือ?
เราพร้อมหรือยัง? ที่จะร่วมกันปกป้องพี่น้องของเรา และต่อสู้และขับไล่พวกรอฟีเฎาะฮฺ ให้หมดสิ้นไปในแผ่นดินแห่งอิสลาม และช่วยกันชักนำให้พี่น้องของเราที่ได้กลายไปเป็นพรรคพวกของรอฟีเฎาะฮฺ ให้กลับมาในอ้อมกอดอิสลามอีกครั้ง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น