อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

อย่าเชื่อ และอย่าส่งต่อ ข้อความ เครื่องหมายก่อนสิ้นลมหายใจ







ได้มีการส่งข้อความต่อไปนี้ต่อๆกันไป โดยไม่คิดตริตรองว่าข้อความดังกล่าวมีหลักฐานรองรับหรือไม่ ทั้งมีการโพสต์อยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ sunnahstudent.com, เว็บไซต์ Muslim Mai Project และเว็บไซต์ Islam Miracle เป็นต้น ซึ่งบทความเหล่านี้อาจถูกแปลมาจากภาษามลายู หรือภาษารูมี เพราะจะมีบทความเป็นภาษาดังกล่าวกำกับอยู่ด้วย ดังข้อความต่อไปนี้


"เครื่องหมายก่อนสิ้นลมหายใจ

เครื่องหมายแรก 100 วัน

เครื่องหมายนี้เป็นเครื่องหมายแรกจากอัลลอห์ (ซบ.)ที่ประทานให้บ่าวพระองค์และเครื่องหมายนี้ไม่ไช่ทุกคนจะรู้สึกแต่เป็นเพราะความประสงค์ของอัลลอหแต่เพียงผู้เดียว มุสลิมทุกคนจะได้รับเครืองหมายนี้เว้นแต่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง เครื่องหมายนี้จะเกิดขึ้นหลังจากฟํรฏูอัสรี ทุกส่วนของร่างกายนั้นจากปลายเส้นผมจรดเท้าจะมีความรู้สึกสั่นทั่วร่างกายเหมือนกับว่าเนื้อวัวที่เพิ่งถูกเชือดถ้าดูดีๆแล้วเนื้อนั้นจะสั่นและเครื่องหมายนี้ก้อเช่นเดียวกัน  เครื่องหมายนี้จะมีความหมายอย่างมากสำหรับผู้ที่ได้รับและจะมีความรู้สึกว่านี้แหละคือความหมายของความตายที่จะเยือนในไม่ช้า และเครื่องหมายนี้จะหยุดในเมื่อ  เรารู้สึกตัวแล้ว (มาชาอัลลอห) สำหรับผู่ที่ไม่ได้ฮีดายะห์หรือผู้ที่หลงไหลในเนียตมัตของดุนยาโดยไม่เคยคิดถึงความตายเครื่อหมายนี้จะหยุดโดยไร้ประโยชน์ สำหรับผู้ที่รุ้สึกตัวแล้วเครื่องหมายนี้แหละเป็นประโยชน์มากที่สุดเพราะจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเดินทางไปในโลกหน้าหลังจากความตาย

เครื่องหมาย 40 วัน

เครื่องหมายนี่จะเกิดขึ้นหลังจากอัสรีเช่นเดียวกัน โดยที่ส่วนของสะดือนั้นจะสั่น และเวลานี้ไบไม้ที่ถูกเขียนชื่อเราจะผลิออกจากต้นไม้ที่อยู่บนอารัช หลังจากนั้นมาลีกิลเมาต์  จะนำใบนี้เพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับเราและเริ่มที่จะติดตามเราตลอด และบางครั้งมาลีกิลเมาต์จะให้เห็นเรืองร่างของเขาให้เราได้เห็นสำหรับผู่ที่ถูกเลือกแล้วเขาจะมี  ความรู้สึกมึนสับสนในชั่วขณะ

เครื่องหมาย 7 วัน

สำหรับเครื่องหมายนี้พระองค์จะให้แต่บ่าวที่เจ็ยไข้ได้ป่วย จะสังเกตเห็นได้ว่าผู้ป่วยที่ไม่ค่อยกินอาหารจะเริ่มมีความอร่อยในการกิน เครื่องหมายนี้จะสังเกตเห็นได้ง่าย

เครื่องหมาย 3 วัน

ในเวลานี้จะรู้สึกสั่นในบริเวณหน้าผากขวาและซ้าย เมื่อรู้สึกเครื่องหมายนี้ก้อจงถือศีลอดเพราะหลังจากนี้ท้องเราจะไม่มีนายิสมากนักและจะเปนการง่ายสำหรับ  คนที่จะมาจัดการกับศพยานาสะห์เรา  และในช่วงนี้เหมือนกันตาดำของเราจะไม่มีแสงประกายออกจากดวงตาอีกแล้วและสำหรับผู้ป่วยจมูกจะเริ่มหย่อนลงถ้าเราสังเกตเคียงข้างแล้ว หูจะเริ่มเหี่ยว ปลายหูจะเริ่มหด  เข้าข้างใน ฝ่าเท้าจะเริ่มหคลงมาและยากที่จะตั้งตรงใหม่

เครื่องหมาย 1 วัน

จะเกิดขึ้นหลังจากเวลาอัสรีจะมีความรู้สึกสั่นเหมือนกับชีพจรเต้นบริเวณด้านหลังคือศรีษะ และเครื่องมหายนี้เองจะบ่งบอกแก่เราว่าอัสรีครั้งต่อไปจะไม่มีวันพบอีกต่อไป

และเครื่องหมายสุดท้าย

จะเกิดขึ้นโดยที่ตัวเราจะรู้สึกเย็นที่บริเวณสะดือแลงมาถึงเอวและจะขึ้นถึงลูกกระเดือก และเวลานี้ให้เรานั้นกล่าวกาลีมะห์ชาหาดะห์และให้เราเงียบจนถึงการมาของ  มาลีกิลเมาต์เพื่อที่จะนำเรานั้นไปพบผู้ที่สร้างเรามาและสุดท้ายจะดับชีวิตเราอีกครั้ง"


ข้อความหรือบทความดังกล่าวไม่มีหลักฐานอัลกุรอาน หรือหะดิษรองรับ แม้แต่หะดิษฎออิฟ ความเชื่อใดๆจะต้องมีหลักฐานศาสนารองรับ จะเชื่อกันไปอย่างสะเปะสะปะไม่ได้  มิฉะนั้นพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา จะส่งท่านนบีมุหัมหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) มาทำไม


และเป็นไปไม่ได้ที่คนตายจะมาบอกความรู้สึกของตนก่อนตาย เพราะเรื่องความตายเป็นหน้าที่ของอัลลอฮ์ มันเป็นหลักความเชื่อที่งมงาย


จึงขอให้พี่น้องร่วมศรัทธาหยุดโพสต์หรือส่งต่อบทความนี้อีก


ส่วน“สัญลักษณ์แห่งการตายดี” ที่ปรากฎตามหลักฐานมีหลายประการ ได้แก่

(1.) مَنْ نَطَقَ بِالشَّهَادَتَيْنِ عِنْدَاْلمَوْتِ : ผู้ซึ่งกล่าวปฏิญาณ (ชะฮาดะฮ์) ตอนจะตาย ,
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ....
لقِّنُوْامَوْتَاكُمْ لاَإلَـهَ إلاَّاللًّـهُ، (مَنْ كَانَ اخِرُكَلاَمِهِ لاَإلَـهَ إلاَّاللَّـهُ عِنْدَالْمَوْتِ دَخَلَ الْجَـنَّةَيَوْمًامِنَ الدَّهْـرِ، وَاِنْ أصَابَهُ قَبْلَ ذَلِكَ مَاأصَابَهُ)......
“จงสอนผู้ที่ใกล้จะตายจากพวกท่านให้เขากล่าว ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ !
(เพราะผู้ใดก็ตามที่คำพูดสุดท้ายของเขาก่อนตายคือ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ เขาก็ต้องได้เข้าสวรรค์แน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง,... แม้ว่าเขาจะต้องประสบกับสิ่งซึ่งเขาจำเป็นต้องประสบก่อนหน้านั้นก็ตาม)” ... (หมายถึงเขาอาจจะต้องผ่านการลงนรกก่อนเพราะทำบาปมากเกินไป แต่สุดท้าย ก็จะได้เข้าสวรรค์) ...
(บันทึกโดย ท่านอิบนุ หิบบาน ในหนังสือ “มะวาริด อัศ-ศ็อมอาน” หะดีษที่ 719 โดยรายงานมาจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.) ...

(2.) اَلْمَوْتُ بِرَشْحِ الْجَبِيْنِ : การตายโดยมีเหงื่อหยดซึมที่หน้าผาก
มีรายงานมาจากท่านบุร็อยดะฮ์ บิน อัล-คุศ็อยบ์ ร.ฎ. ว่า .....
( أنَّهُ كَانَ بِخُرَاسَـانَ، فَعَادَ أخـًالَهُ وَهُوَ مَرِيْضٌ، فَوَجَدَهُ بِالْمَوْتِ،. وَإذَا هُوَ بِعَرَقِ جَبِيْـنِهِ، فَقَالَ : اَللَّـهُ أكْبَرُ! سَمِعْتُ رَسُوْلَ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُوْلُ : مَوْتُ المْـُؤْمِنِ بِعَرَقِ الْجَبِيْـنِ )..
“ท่าน(บุร็อยดะฮ์) เคยอยู่ที่เมืองคูรอซาน, แล้วท่านก็ได้ไปเยี่ยมพี่น้องของท่านคนหนึ่งซึ่งกำลังป่วยอยู่ และพบว่าเขากำลังจะสิ้นใจ, แล้วจู่ๆก็ปรากฏมีเหงื่อไหลซึมที่หน้าผากของเขา .. ท่านจึงอุทานว่า .. “อัลลอฮุ อักบัร ! ฉันเคยได้ยินท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ... “ การตายของผู้ศรัทธานั้น ด้วยการมีเหงื่อที่หน้าผาก” ....
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอิบนุ
มาญะฮ์และท่านอื่นๆ)

(3.) اَلْمَوْتُ لَيْلَةَ الْجُمْعَةِِ اَوْنَهَارَهَـا : การตายในคืนศุกร์หรือวันศุกร์
ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( مَامِنْ مُسْلِمٍ يَمُوْتُ يَوْمَ الْجُمْعَةِ أوْلَيْلَةَ الْجُمْعَةِ إلاَّ وَقَاهُ اللَّـهُ فِتْنَـةَ اْلقَبْرِ )
“ไม่มีมุสลิมคนใดที่ตายในวันศุกร์หรือคืนศุกร์ เว้นแต่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. จะทรงปกป้องเขาจากการทดสอบในกุบูรฺ”
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด และท่านอัต-ติรฺมีซีย์ โดยรายงานมาจากท่านอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ ร.ฎ.)

(4.) ألاِ سْتِشْهًادُفِىْ سَـاحَةِ الْقِتَالِ : การตายชะฮีดในสนามรบ
ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า .....
( لِلشَّهِيْدِ عِنْدَاللَّـهِ سِتُّ خِصَالٍ : يُغْفَرُلَـهُ فِىْ أوَّلِ دَفْعَةٍ مِنْ َدِمِه، وَيُرَى مَقْعَدَهُ مِنَ الْجَنَّةِ، وَيُجَارُمِنْ عَذَابِ اْلَقْبِر، وَيَأمَنُ مِنْ اْلفَزَعِ اْلأكْبَرِ، وَيُحَلَّى حِلْيَةَ اْلإيْمَانِ، وَيُزَوَّجُ مِنَ الْحُوْرِ اْلعَيْنِ، وَيُشَفَّعُ فِيْ سَبْعِيْنَ إنْسَانًا مِنْ أقَارِبِـهِ )
“ สำหรับผู้ที่ตายชะฮีดนั้น ..... เขาจะได้รับณที่อัลลอฮ์ 6 ประการด้วยกันคือ จะได้รับการอภัยโทษตั้งแต่เลือดหยดแรกที่หลั่งออกมา, จะถูกให้เห็นที่พำนักของเขาในสวรรค์, จะถูกปกป้องจากโทษทัณฑ์ในหลุมฝังศพ, จะปลอดภัยจากความตระหนกตกใจครั้งใหญ่ที่สุด (หมายถึงเหตุการณ์แห่งวันกิยามะฮ์), จะถูกประดับประดาด้วยอาภรณ์แห่งความศรัทธา, จะถูกให้แต่งงานกับสาวสวรรค์, และจะมีสิทธิ์ชะฟาอะฮ์ (ให้ความสงเคราะห์) ญาติใกล้ชิดของเขาอีก 70 คน” ....
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ และท่านอิบนุมาญะฮ์ โดยรายงานมาจากท่านอัล-มิกดาม บิน มะอฺดีย์กะริบ ร.ฎ.) ...

(5.) ألْمَوْتُ غَازِيًا فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ : การตายขณะเคลื่อนทัพเพื่อมุ่งหน้าจะไปทำสงครามตามวิถีทางแห่งอัลลอฮ์
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( مَنْ فَصَلَ (أىْ خَرَجَ) فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ فَمَاتَ أوْقُتِلَ فَهُوَ شَهِيْدٌ، أوْوَقَصَهُ فَرَسُهُ أوْبَعِيْرُهُ، أوْ لَدَغَتْـهُ هَـامَّةٌ، أوْمَاتَ عَلَى فِرَاشِـهَ بِأيِّ حَتْفٍ شَـاءَاللَّـهُ فَإنَّهُ شَهِيْدٌ، وَإنَّ لَهُ الْجَنَّةَ )
“ผู้ใดที่ออกไป(เพื่อทำสงคราม)ในวิถีแห่งอัลลอฮ์ แล้วเขาเกิดตาย(ในระหว่างทาง) หรือถูกสังหาร เขาก็คือชะฮีด, ... หรือ(เขาตายเพราะถูก)ม้าหรืออูฐของเขาเหยียบ หรือถูกอสรพิษฉกกัด, ...หรือตายบนที่นอนของเขาในสภาพใดก็ตามที่อัลลอฮ์ประสงค์ เขาก็คือชะฮีด,.... และแน่นอน สำหรับเขาก็คือสรวงสวรรค์” ...
(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด, ท่านอัล-หากิม และท่านอัล-บัยฮะกีย์ โดยรายงานมาจากท่าน อบูมาลิก อัล-อัชอะรีย์ ร.ฎ.)

(6.) اَلْمَوْتُ بِالطَّاعُوْنِ : การตายเพราะโรคระบาด เช่น อหิวาต์ หรือ กาฬโรค
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยกล่าวตอบท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. เมื่อนางได้ถามท่านถึงโรคระบาดว่า ...
( إنَّهُ كَانَ عَذَابًا يَبْعَثُهُ اللَّـهُ عَلَى مَنْ يَشَـاءُ، فَجَعَلَهُ اللَّـهُ رَحْمَـةً لِلْمُؤْمِنِيْنَ، فَلَيْسَ مِنْ عَبْدٍ يَقَعُ الطَّاعُوْنُ فَيَمْكُثُ فِيْ بَلَدِهِ صَابِرًا يَعْلَمُ أنَّهُ لَنْ يُصِيْبَهُ إلاَّ مَاكَتَبَ اللَّـهُ لَهُ، إلاَّ كَانَ لَهُ مِثْلُ أجْرِالشَّهِيْدِ) ....
“แท้จริงมันคือการลงโทษที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงให้บังเกิดแก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์, แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงทำให้มันกลับเป็นความเมตตาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา,.... ดังนั้น จะไม่มีบ่าวคนใดที่เผชิญกับโรคระบาด แล้วเขาก็ยังคงพำนักอยู่ในเมืองนั้นต่อไปด้วยความอดทน (โดย)รู้ดีว่า จะไม่มีสิ่งใดประสบต่อผู้ใดนอกจากเป็นการกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ต่อเขาผู้นั้น ... เว้นแต่เขาจะได้รับผลบุญเสมือนผลบุญของคนตายชะฮีด” ...
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์, ท่านอะห์มัด และท่านอัล-บัยฮะกีย์) ....
ท่านอนัส อิบนุ มาลิก ร.ฎ. ได้เคยถามท่านหัฟเศาะฮ์ บินติ ซีรีนถึงสาเหตุการเสียชีวิตของท่านยะห์ยา บิน อบีย์อัมเราะฮ์ ? ... เมื่อนางตอบว่า ท่านยะห์ยาสิ้นชีวิตเพราะโรคระบาด ท่านอนัสจึงกล่าวว่า ....
( قَالَ رَسُوْلُ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسلَّمَ : اَلطَّاعُوْنُ شَهَادَةٌ لِكُلِّ مُسْلِمٍ )
“ท่านรอซู้ลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เคยกล่าวว่า : โรคระบาดนั้น (เปรียบเสมือน) เป็นชะฮีดสำหรับมุสลิมทุกคน” ....
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านอะห์มัด และท่านอบูดาวูด อัฏ-เฏาะยาลิซีย์)

(7.) اَلْمَوْتُ بِدَاءِ الْبَطْنِ : การตายเพราะโรคในช่องท้อง เช่น โรคบิด หรือโรคท้องบวม เป็นต้น
ท่านอับดุลลอฮ์ บิน ยะซารฺ ได้กล่าวว่า ....
( كُنْتُ جَالِسًا، وَسُلَيْمَانَ بْنَ صَرْدٍ وَخَاِلدَ بْنَ عَرْفَطَةَ، فَذَكَرُوْا أنَّ رَجُلاً تُوُفِّيَ، مَاتَ بِبَطْنِهِ، فَإذَا هُمَا يَشْتَهِيَانِ أنْ يَكُوْنَا شُهَدَاءَ جَنَازَتِهِ، فَقَالَ أحَدُهُمَا لِلأ خَرِ : ألَمْ يَقُلْ رَسُوْلُ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ .. " مَنْ يَقْتُلْهُ بَطْنُهُ فَلَنْ يُعَذَّبَ فِيْ قَبْرِهِ ؟ " فَقَالَ اْلأ خَرُ : بَلَى ! )
“ฉันได้นั่งอยู่พร้อมกับท่านสุลัยมาน บิน ศ็อรฺด์ และท่านคอลิด บิน อัรฺฟะเฏาะฮ์ และพวกเขาก็ได้กล่าวถึงชายผู้หนึ่งซึ่งสิ้นชีวิตเพราะโรคในช่องท้อง, แล้วอยู่ๆทั้งสองก็แสดงท่าทีอยากจะไปร่วมในงานศพของชายผู้นั้นด้วย,..... ทว่า หนึ่งจากสองคนนั้นได้กล่าวแก่อีกคนหนึ่งว่า “เอ๊ะ, ดูเหมือนท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมจะได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่า ผู้ใดก็ตามที่ตายด้วยโรคในช่องท้อง เขาก็จะไม่ถูกลงโทษในหลุมฝังศพของเขา ?” ... แล้วอีกคนก็กล่าวรับรองว่า “ใช่แล้ว” ...
(บันทึกโดย ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอบูดาวูด อัฏ-เฏาะยาลิซีย์, ท่านอิบนุหิบบาน, ท่านอะห์มัด)

(8, 9.) اَلْمَوْتُ بِاْلغَرَقِ وَاْلهَدْمِ : ตายเพราะจมน้ำ, หรืออาคารถล่มทับ
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า .....
( اَلشُّهَدَاءُ خَمْسَةٌ، اَلْمَطْعُوْنُ، وَالْمَبْطُوْنُ، وَالْغَرِقُ، وَصَاحِبُ اْلهَدْمِ، وَالشَّهِيْدُفِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ)
“คนตายชะฮีดนั้น มี 5 ประเภท, คือ ผู้ที่เป็นโรคระบาดตาย, ผู้ที่เป็นโรคในช่องท้องตาย, ผู้ที่จมน้ำตาย, ผู้ที่บ้านพังทับตาย, และผู้ที่ตายในสงครามสะบีลิลลาฮ์”
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอะห์มัด และท่านอัต-ติรฺมีซีย์
โดยรายงานมาจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.)




วัลลอฮุอะอฺลัม













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น