อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ผู้ทำเมาลิดยอมรับว่าเป็นบิดอะฮ์ ไม่ใช่สุนนะฮ์






บิดอะฮฺที่ว่านั้นเป็นบิดอะฮฺประเภทใด เป็นบิดอะฮฺทางศาสนา (บิดอะฮฺชัรอียะฮฺ) หรือเป็นบิดอะฮฺทางภาษา (บิดอะฮฺ ลุเฆาะวียะฮฺ) โดยยึดหลักที่ว่า ทุกๆ สิ่งที่ไม่มีในสมัยนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) หรือทุกๆ สิ่งที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ไม่ได้ทำหรือไม่มีในสมัยชาวสะลัฟ ศอลิหฺ จะต้องเป็นบิดอะฮฺทางศาสนาที่หลงผิด (บิดอะฮฺ เฎาะลาละฮฺ) เสมอไป

เพราะทุกสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้น เรียกว่า บิดอะฮฺ คือเป็นของที่ถูกทำขึ้นใหม่ตามหลักภาษาทั้งสิ้น เช่น คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต การจัดงานน้ำชาการกุศล การจัดทำรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทั้งหมดเรียกว่าบิดอะฮฺทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเป็นบิดอะฮฺอะไร หรือเป็นบิดอะฮฺประเภทใด ระหว่างบิดอะฮฺทางศาสนา และบิดอะฮฺทางภาษา หรือว่าเป็นบิดอะฮฺดีนียะฮฺ (อุตริกรรมในศาสนา) หรือว่าเป็นบิดอะฮฺทางโลก (บิดอะฮฺดุนยะวียะฮฺ) ที่อยู่ในหมวดมุอามะล๊าต


คำกล่าวของชัยคฺ อะลี มะหฺฟู๊ซฺ ในตำรา อัล-อิบดาอฺ ฟี มะฎ็อรฺ อัล-อิบติดาอฺ หน้า 251 ที่ว่า

وَلَانِزَاعَ في أَنَّهَا مِنَ الْبِدَعِ ، إِنَّمَاالنِّزَاعُ في حُسْنِهَا وَقُبْحِهَا...
   “และไม่มีข้อถกเถียงในประเด็นที่ว่า แท้จริงบรรดาเมาลิด (อัล-มะวาลิด) นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดอะฮฺ อันที่จริงการถกเถียงนั้นอยู่ในกรณีว่าดีและน่าเกลียดท่านั้น...”

หมายความว่า เรื่องการเป็นบิดอะฮฺนั้นไม่ต้องเถียงกัน แต่เป็นบิดอะฮฺที่ดี (บิดอะฮฺ หะสะนะฮฺ) หรือเป็นบิดอะฮฺที่น่าเกลียด (บิดอะฮฺ เกาะบีหะฮฺ) ตรงนี้แหล่ะที่เขาเถียงกัน


ในหน้า 229 เล่มเดียวกัน อิมามอัส-สุยูฏียฺ (ร.ฮ.) อ้างถึงคำตอบของชัยคุลอิสลาม อัล-หาฟิซฺ อบุลฟัฏล์ อะหฺมัด อิบนุ หะญัร ถึงเรื่องการทำเมาลิด ซึ่งตอบว่า

أَصْلُ عَمَلِ الْمولدِ بِدْعَةٌ لم تُنْقَلْ عَنْ أَحَدٍ مِنَ السَّلَفِ الصَّالِحِ مِنَ الْقُرُوْنِ الْثَلَاثَةِ ، ولكنها مع ذلك قَدِاشْتَمَلَتْ على مَحَاسِنَ وضِدِّهَا ، فَمَنْ تَحَرّى في عَمَلِهَاالْمَحَاسِنَ وتَجَنَّبَ ضِدَّهَا كان بدعةً حَسَنَةً وَإِلَّافَلَا...

   “หลักเดิมของการทำเมาลิดนั้นเป็นบิดอะฮฺที่ไม่เคยถูกถ่ายทอดมาจากผู้ใดจากชนรุ่นสะลัฟ ศอลิหฺจากศตวรรษทั้งสาม แต่ทว่าการเป็นบิดอะฮฺพร้อมกับสิ่งดังกล่าวนั้น แน่นอนมันได้ประมวลถึงสิ่งดีๆ หลายอย่างและสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งดีๆ นั้น

ฉะนั้นผู้ใดมุ่งเลือกเอาเฉพาะสิ่งดีๆ ในการทำบิดอะฮฺนั้น และหลีกห่างสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งดีๆ นั้น การทำเมาลิดก็ย่อมเป็นบิดอะฮฺที่ดี และหากไม่เป็นเช่นที่ว่ามาก็ไม่ใช่ (บิดอะฮฺที่ดี).....”


หากว่าการทำเมาลิดเป็นสุนนะฮฺที่ชัดเจนเด็ดขาดเพราะมีหลักฐานทั้งสุนนะฮฺ เกาลียะฮฺ และฟิอฺลียะฮฺ  เหตุไฉนท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุ หะญัร (ร.ฮ.) จึงตอบเช่นนั้น


ในหน้าที่ 223 เล่มเดียวกัน อิมามอัส-สุยูฏียฺ (ร.ฮ.) ก็ตอบโต้อัช-ชัยคฺ ตาญุดดีน อุมัร อิบนุ อะลี อัล-ลัคมียฺ อัส-สะกันดะรียฺ ที่รู้จักกันว่า อัล-ฟากิฮานียฺ นักวิชาการมาลิกียะฮฺรุ่นหลังที่อ้างว่า การทำเมาลิดเป็นบิดอะฮฺที่ถูกตำหนิ (บิดอะฮฺมัซฺมูมะฮฺ) ในตำราของอัลฟากิฮานียฺที่ชื่อ “อัล-เมาวฺริด ฟิล กะลาม อะลา อะมะลิลเมาลิด” เพราะอะไรหรือ? เพราะนักวิชาการ 2 ท่านนี้มีความเห็นต่างกัน คนแรกว่า บิดอะฮฺ หะสะนะฮฺ คนหลังว่า บิดอะฮฺ มัซฺมูมะฮฺ


หากว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) คือผู้ที่ริเริ่มทำเมาลิดโยถือศีลอดในวันจันทร์ตามที่เข้าใจ ทำไมอิมามอัส-สุยูฏียฺ (ร.ฮ.) จึงกล่าวว่า คนแรกที่จัดงานเมาลิดคือ กษัตริย์เมืองอัรบิลฺซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) วะฟาตไปแล้วถึง 600 ปีเศษ 
และหากการจัดงานเมาลิดเป็นสุนนะฮฺเกาลียะฮฺและฟิอฺลียะฮฺ ทำไมอิมามอัส-สุยูฏียฺ (ร.ฮ.) จึงกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดอะฮฺที่ดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น