อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ตายเหมือนกัน แต่หลังตายต่างกัน


บรรจง บินกาซัน

แม้เป็นคนเหมือนกัน แต่คนรู้กับคนไม่รู้นั้นมีความแตกต่างกัน
แม้ตายในลักษณะเดียวกัน แต่ในความตายที่มีลักษณะเหมือนกันก็ยังมีความแตกต่างกัน อันธพาลระรานชาวบ้านถูกยิงตายมีแต่คนสมน้ำหน้า แต่ทหารกล้าพลีชีพในสนามรบได้รับการยกย่องจากประชาชนว่าเป็นวีรบุรุษ กองทัพเลื่อนยศให้และครอบครัวได้รับการดูแลจากรัฐ

ดังนั้น ในโลกนี้ เมื่อความตายในลักษณะที่ต่างกันได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ในโลกหน้า มนุษย์ที่เป็นชาวสวรรค์และชาวนรกก็ย่อมมีความแตกต่างกันเป็นธรรมดา

ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามัญสำนึกของมนุษย์ยอมรับและทุกศาสนายืนยัน ด้วยเหตุนี้ แม้ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ แต่ทุกคนสามารถเลือกทางเดินชีวิตและการตายของตัวเองได้ ความเชื่อในชีวิตโลกหน้าจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้

ถ้ามนุษย์ไม่มีความเชื่อในเรื่องการมีชีวิตใหม่ในโลกหน้าและคิดว่าตัวเองเกิดมาเพียงเพื่อกิน นอน ถ่าย สืบพันธุ์แล้วตายไป มนุษย์ก็จะใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์

แต่มนุษย์มิใช่สัตว์ที่ตายแล้วชีวิตเป็นอันจบสิ้น เพราะวิญญาณอันเป็นชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์ยังต้องเดินทางต่อไป โลกนี้เป็นเพียงการเดินทางสั้นๆที่มีความตายเป็นประตูเปิดให้วิญญาณผ่านไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ถาวร และชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์จะมีสภาพเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อและการกระทำของมนุษย์ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้

ดังนั้น ใครที่มีวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ก็จะแสวงหาที่พักอันมีความสุขสงบนิรันดรเหมือนกับที่ทุกคนฝันอยากมีบ้านหรูๆและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่บนโลกชั่วคราวใบนี้ ทุกคนไม่อาจมีบ้านในฝันได้ ศาสนาจึงจัดเตรียมสวรรค์ไว้เป็นบ้านสำหรับคนที่อยากมีบ้านในฝันในโลกหน้า ถ้าใครอยากจะได้บ้านในฝันในโลกหน้าก็ต้องทำงานหนักเช่นเดียวกับคนที่ต้องทำงานเพื่อมีบ้านในฝันในโลกนี้เช่นกัน

เมื่อความรักชาติทำให้คนยอมพลีชีพเพื่อปกปักษ์รักษามาตุภูมิและทำให้ผู้พลีชีพได้รับการตอบแทนในโลกนี้ การยอมพลีชีพเพื่อรักษาสัจธรรมของศาสนาก็ต้องได้รับการตอบแทนในโลกหน้าเช่นกัน นี่คือความยุติธรรม การพลีชีพของคนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง มิใช่สิ่งน่ารังเกียจ เพราะการตายของเขาคือการทำให้ชาติและสัจธรรมของศาสนาดำรงอยู่ต่อไป

ความจริงในเรื่องนี้มีอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา พุทธภาษิตสอนว่า“บุคคลพึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม”

นั่นหมายความว่าธรรมมีคุณค่าสูงล้ำกว่าชีวิต ถ้าไม่มีธรรม ชีวิตก็ไร้ความหมาย

ศาสนาคริสต์ก็มีคำสอนเรื่องนี้ในรูปของคำว่า “มรณะสักขี” หรือการยอมพลีชีพเพื่อเป็นพยานยืนยันสัจธรรมของศาสนาว่าความเป็นจริง มรณะสักขีคนแรกของศาสนาคริสต์คือนักบุญสตีเฟนผู้ยืนยันความจริงในคำสอนของพระเยซูแม้จะถูกขว้างด้วยหินจนตายในค.ศ.35 ตำแหน่งนักบุญอันเป็นตำแหน่งที่ชาวคริสเตียนให้ความเคารพยกย่องนั้นได้มาจากการยอมพลีชีพเพื่อรักษาสัจธรรมของเขานั่นเอง

ในอิสลามเรียกการพลีชีพเพื่อสัจธรรมว่า “ชะฮีด” ซึ่งหมายถึง“การเป็นพยาน”ยืนยันสัจธรรมของอิสลาม ยืนยันว่าสวรรค์นั้นมีจริงและเป็นสถานที่อันบรมสุขเกินกว่าที่มนุษย์เคยพบเห็นหรือได้ยินจนพร้อมที่จะตายให้เห็นเป็นพยาน แต่การตายเช่นนี้ต้องมีเจตนาอันบริสุทธิ์เพื่อปกป้องศาสนาหรือเพื่อป้องกันการรุกรานเท่านั้น มิใช่เจตนาไปตายเพื่อหนีหนี้หรือมีเจตนาต้องการเป็นวีรบุรุษให้คนยกย่อง

วิญญาณของผู้พลีชีพเมื่อได้เห็นรางวัลตอบแทนในโลกหน้าแล้วอยากจะกลับมาบอกเพื่อนผู้ศรัทธาที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ว่ารางวัลตอบแทนที่ตัวเองได้รับนั้นคุ้มค่าและอยากจะกลับมาเกิดในโลกนี้ใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นผู้พลีชีพอีก

เมื่อสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทนสำหรับการพลีชีพเพื่อผู้เป็นเจ้าของสวรรค์และสวรรค์ยังคงมีอยู่ตราบนิรันดร์กาล ชะฮีดจึงมีอยู่ต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากโลกใบนี้ยังมีความไม่เป็นธรรมและการรุกรานอยู่ การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและการป้องกันการรุกรานจึงยังคงต้องมีต่อไปเพื่อเปิดโอกาสให้คนได้เป็นมรณะสักขีหรือเป็นชะฮีด

ปัจจุบันนี้ ภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงเป็นเวทีสำหรับการเป็นชะฮีดเหมือนกับที่มันเคยเป็นมาในอดีตโดยการรุกรานของชาติมหาอำนาจที่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจที่มองไม่เห็นในการสร้าง“อาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่”ครอบคลุมดินแดนตั้งแต่แม่น้ำไนล์ถึงยูเฟรตีสตามความเชื่อทางศาสนาของตน

เมื่อชาติผู้รุกรานมีทั้งเครื่องบิน รถถัง จรวด ขีปนาวุธ ระเบิดนานาชนิดในขณะที่ชาติผู้ถูกรุกรานไม่มี จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ถูกรุกรานและเสียเปรียบจะใช้ตัวเองเป็นพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังความต้องการเป็นชะฮีดติดระเบิดเข้าต่อต้านการรุกราน เมื่อการรุกรานไม่มีขอบเขต การต่อต้านการรุกรานจึงไม่มีขอบเขตด้วยเช่นกัน

ผู้รุกรานและผู้ต่อต้านการรุกรานต่างต่อสู้เหมือนกัน แต่นักรบสองฝ่ายก็แตกต่างกัน ทหารฝ่ายรุกรานติดอาวุธและสวมเสื้อเกราะเพราะกลัวตาย แต่นักรบฝ่ายต่อต้านไม่ใส่เสื้อเกราะเพราะอยากตายในสภาพผู้พลีชีพ ขวัญกำลังใจจึงต่างกัน และถึงแม้จะต้องตายในการต่อสู้เหมือนกัน แต่การตายของนักรบสองฝ่ายนี้มีความหมายแตกต่างกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น