อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

แม้ว่าจะยืนอยู่คนเดียว




เป็นความรักที่ไม่มีตาอีกแล้วตลอดไป แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า รักกันจนวันตาย

ยายบอกว่า "ตอนนี้ตาได้ตายจากไปแล้ว ตาจากยายไปแล้ว ยายยังนอนตรงที่ตาเคยนอน"

แต่มีหลาย ๆ คนถามซาว่า

> ไม่เข้าไปกราบตาหรอ
> ทำไมไม่ไปต้อนรับแขกแล้วเอาธูปให้เขา
> ทำไมไม่ช่วยเสิร์ฟอาหาร
> ทานข้าวด้วยกันสิ ฯลฯ

ซาไม่ตอบเพราะเรารู้ว่าเราทำไม่ได้

เราไม่สามรถสูญูจใครได้นอกจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไม่ว่าจะเป็นการทานหรือเอาอาหารที่ไม่ฮาลาลให้ใครๆทาน มันไม่ถูกหลัก แต่ใครจะรู้เราทำงานต่างๆที่เราสามรถทำได้ เรารู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วเราหิวมากแต่เราไม่ทานอะไรเลยแม้แต่น้ำเพียงหยดเดียว ซาไม่กล้าจริงๆ นอกจากบอกว่า ทานจากบ้านมาแล้วคะอิ่มแล้ว

ทุกสายตามองซากับการแต่งกายที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ คนเดียวจริงๆทั้งหมู่บ้าน ต่างถามว่าเป็นลูกใคร ยิ่งวันนี้โดนด่า

"ตาอยู่ดูแลดีจริงๆ อันนี้ไม่ว่า แต่พอตาเสียไม่ค่อยช่วยงานเป็น พระเอกตายตอนจบ หน้าหมา"

อัซตัฒฟีรุลลอฮฺ

แต่สำหรับซาแล้วอย่างน้อย ซาได้ดาวะคนหลายๆ คนให้เข้าใจอิสลามเพราะแน่นอนคนต่างศาสนามักเข้าใจผิดในหลักการของอิสลาม รวมถึงแม่ด้วย ดีใจมากที่เราเข้าใจกันมากขึ้น แถมยังปกป้องซา นี่สินะที่เรียกว่าการยืนหยัด ถึงแม้ว่าเราะยืนอยู่คนเดียวก็ตาม ยิ่งเจอแบบนี้ยิ่งทำให้ซาเข้มแข็งและรักอัลลอฮฺ (ซ.บ.) มากขึ้น อัลฮัมดูลิ้ลละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น