อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

วันอารอฟะห์เป็นวันที่ศาสนาสมบูรณ์



แท้จริงวันอารอฟะห์เป็นวันที่ศาสนาสมบูรณ์ และเป็นวันที่ความโปรดปรานนั้นครบถ้วน

วันอารอฟะห์เป็นวันที่ท่านนบีอดัม อะลัยฮิสลาม และท่านหญิงฮาวา ชายหญิงคนแรกของโลก ได้พบกันเป็นครั้งแรกบนพื้นแผ่นดินและพบกันในสถานที่แห่งนี้หลังจากที่อัลลอฮขับไล่ออกจากสวรรค์ อัลลอฮนำนบีอดัมลงมาไว้ ณ แผ่นดินอินเดีย ท่านหญิงฮาวาถูกไว้ ณ ญิดดะห์(เจดดาห์) ส่วนอิบลีส(หัวหน้าซาตาน) ถูกไว้ในอิรัค ในทุ่งอารอฟะฮ์

จะมีภูเขาชื่อ เราะห์มะฮ์ (ภูเขาแห่งความเมตตา) ซึ่งเป็นสถานที่นบีอดัมได้เจอกับ พระนางฮาวาด้วยเหตุนี้เอง สถานทีแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า "อารอฟะฮ์" และวันที่ 9 เดือนซุลฮิจยะฮ์ถูกเรียกว่า "วันอารอฟะฮ์"

ช่วงเวลาที่อยู่ ณ ทุ่งอารอฟะฮ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความประเสริฐอย่างยิ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการตอบรับดุอา(คำขอพร)จากพระผู้ทรงเมตตาอย่างล้นพ้นต่อปวงบ่าว และเป็นวันที่อัลลอฮทรงประทับตราความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาแห่งความเมตตาแด่มนุษยชาติ วันอารอฟะฮ์จึงเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของอิสลาม และเป็นวันที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับฮุจยาตในการประกอบพิธิฮัจย์และบรรดามุสลิม

การถือศีลอดในวันอารอฟะฮ์จะช่วยอภัยโทษบาปถึง 2 ปี นั้นก็คือปีที่ผ่านมาและปีที่กำลังจะมาถึงและเมื่อท่านนบีถูกถามถึงการถือศีลอดในวันอารอฟะฮ์ ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าว ความว่า “ลบล้างบาปในปีที่ผ่านมาและในปีที่จะมาถึง” (รายงานโดยมุสลิม)
การถือศีลอดในวันอารอฟะฮ์นั้นเป็นซุนนะห์(แบบอย่าง)ที่สมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ประกอบพิธีฮัจย์ และการขอพรในวันอารอฟะฮ์ก็เป็นวันหนึ่งที่ดีที่สุด ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า “ดุอาที่ดีที่สุดคือ ดุอาแห่งวันอารอฟะฮ์

และวันอารอฟะฮ์เป็นวันหนึ่งของ 10 วันที่ประเสริฐในการปฏิบัติความดีของเดือนซุลฮิจยะห์ ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวไว้ความว่า “ไม่มีการปฎิบัติใดจะมีความบริสุทธิ์ (ประเสริฐ) ณ อัลลอฮ และมีผลบุญยิ่งใหญ่มากกว่าการปฏิบัติในสิบวันแรกของเดือนซุลฮิจยะฮ์” มีคนถามขึ้นมาว่า “แม้กระทั่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ (ก็ไม่สามารถเทียบเท่า) กระนั้นหรือ ?” ท่านรอซู้ลตอบว่า “แม้กระทั่งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ (ก็ยังไม่เป็นที่ชอบของอัลลอฮฺเท่ากับการปฎิบัติอามัลที่ดีในสิบวันแรกนี้) เว้นแต่ผู้ที่ออกญิฮาดด้วยตัวเขาเองและทรัพย์สินของเขาแล้วไม่กลับมาพร้อมกับทรัพย์สินดังกล่าว”

(รายงานโดยดารีมีย์ ชัยคอัลบานียบอกว่าฮะซัน)

ดังนั้น ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พี่น้องมุสลิมทุกคนจะใช้ช่วงเวลาตรงนี้ขอดุอาและถือศีลอดโดยหวังความโปรดปราณจากพระผู้เป็นเจ้า

จากท่านอุมัร บิน ค็อต็อบ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ

“มีชายคนหนึ่งจากเผ่ายิวได้กล่าวต่อหน้าท่านอุมัร บิน อัล-ค๊อฏฏ็อบว่า โอ้ อะมีรของบรรดามุอมิน มีอายะฮ์ที่พวกท่านได้อ่าน หากว่าอายะฮ์นี้ได้ประทานมาให้แก่พวกเราบรรดาชาวยิว พวกเราจะถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพวกเรา

อุมัรถามว่า อายะฮ์อะไรที่คุณหมายถึง ชาวยิวท่านนั้นกล่าวว่า อายะฮ์ที่มีความหมายว่า

“วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้า และข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความกรุณาเมตตาของข้าและข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว”

ท่านอุมัรได้ตอบว่า พวกเรารู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นและสถานที่ที่ประทานอายะฮ์นั้น คือประทานลงมาในขณะที่ท่านเราะซูล ยืนอยู่ ณ ที่ทุ่งอะเราะฟะฮ์ในวันศุกร์ ในศอเฮี๊ยะห์ทั้งสอง(บุคคอรี,และมุสลิม )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น