อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

การทำอะกีเกาะฮฺของเด็กที่เกิดจากซินา และแม่ของเด็กยังไม่เข้ารับอิสลาม


ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า

« كُلُّ غُلاَمٍ رَهِينَةٌ بِعَقِيقَتِهِ تُذْبَحُ عَنْهُ يَوْمَ السَّابِعِ »

“ทารกทุกคนถูกประกันด้วยอะกีเกาะฮฺของเขา โดยเชือด (สัตว์) สำหรับเขาในวันที่เจ็ด (นับวันคลอด)” (บันทึกโดยอบูดาวูด)

ในเมื่อท่านรสูลุลลอฮฺระบุว่าเด็กทุกคนถูกประกันด้วยการทำอะกีเกาะฮฺ ฉะนั้นให้เป็นเด็กก็แล้วกัน จะเป็นเด็กที่ศาสนาเรียกว่า ลูกซินา หรือไม่ก็ตาม ก็มีสุนนะฮฺให้ทำอะกีเกาะฮฺทั้งสิ้น

แต่ก็มีนักวิชาการที่ระบุว่า จริงอยู่เด็กซินาแม้ว่าจะอนุญาตให้ทำอะกีเกาะฮฺ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงทำอะกีเกาะฮฺ เพราะนั่นเท่ากับว่า ประจานผู้ที่เป็นพ่อแม่

ส่วนกรณีชายมุสลิมทำซินากับสตรีกาฟิรฺ ซึ่งถ้าหากนางไม่เข้ารับอิสลามก่อนคลอดลูก และก่อนนิกาหฺ เช่นนี้ ผู้เป็นบิดาอาจจะต้องนำเด็กมาเลี้ยง เพราะถือว่าเป็นลูกของตน เช่นนี้หากเขาจะทำอะกีเกาะฮฺ ก็สามารถทำได้

แต่ถ้านางไม่เข้าอิสลาม และไม่นิกาหฺ โดยนางพาเด็กหนีไปเลย เช่นนี้ก็ถือว่าสุดความสามารถ ประเด็นนี้ฝ่ายพ่อของเด็กจะต้องแก้ปัญหาของตนเอง

. والله أعلم

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น