อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พิธีอุทิศบุญให้คนตายไม่ใช่ประเพณีชาวสะลัฟ


ท่านอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)ได้กล่าวว่า
ولم يكن من عادة السلف إذا صلوا تطوعاً أو صاموا تطوعاً أو حجوا تطوعاً أو قرؤوا القرآن ؛ يهدون ثواب ذلك إلى أموات المسلمين ، فلا ينبغي العدول عن طريق السلف فإنه أفضل وأكمل
และไม่ได้เป็นประเพณี(อาดัต)ของชาวสะลัฟ เมื่อพวกเขาละหมาดอาสา(สุนัต),ถือศีลอด ,ประกอบพิธีหัจญ์ หรือ อ่านอัลกุรอ่าน แล้วอุทิศผลบุญดังกล่าวแก่บรรดาผู้ตายที่เป็นมุสลิม ดังนั้น จึงไม่สมควรหันเหออกจากแนวทางของสะลัฟ(บรรพชนผู้ทรงธรรมยุคก่อน) เพราะแท้จริง มันประเสริฐกว่าและสมบูรณ์กว่า – ดู อัลอิคติยารอตอัลอิลมียะฮ หน้า 54
อิบนุกอ็ยยิม(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
ولم يكن من هديه أن يجتمع للغداء، ويقرأ له القرآن، لا عند قبره ولا غيره، وكل هذا بدعة حادثة مكروهة
และไม่ได้เป็นทางนำของท่านรซูล โดยการ ชุมนุมกันเพื่อรับประทานอาหาร และอ่านอัลกุรอ่านให้แก่เขา(อทิศบุญให้มัยยิต) ไม่ว่าจะกระทำที่กุบูรของเขาหรืออื่นจากนั้นก็ตาม และทั้งหมดนี้ เป็นบิดอะฮ ที่เกิดขึ้นใหม่ ที่น่ารังเกียจ – ดูหนังสือ ซาดุ้ลมะอาด เล่ม 1 หน้า 523
เรื่อง การยกบุญ หรืออุทิศบุญ ให้ผู้อื่น เป็นประเด็นอิจญติฮาด ของนักปราชญ์ที่มีความเห็นขัดแย้งกัน ซึ่งไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
อิหม่ามนะวาวีย์ (ร.ฮ)
وَأَمَّا قِرَاءَةُ الْقُرْآنِ فَالْمَشْهُورُ مِنْ مَذْهَبِ الشَّافِعِيِّ أَنَّهُ لَا يَصِلُ ثَوَابُهَا إِلَى الْمَيِّتِ وَقَالَ بَعْضُ أَصْحَابِهِ : يَصِلُ ثَوَابُهَا إِلَى الْمَيِّتِ .
สำหรับ การอ่านอัลกุรอ่าน(อุทิศผลบุญ)นั้น ที่แพร่หลายจากมัซฮับชาฟิอีย์ นั้น ผลบุญของมันไม่ถึงผู้ตาย และ สหายบางส่วนของท่าน กล่าวว่า ผลบุญของมันถึงผู้ตาย
แล้วอิหม่ามนะวาวีย์ (ร.ฮ) ได้อ้างถึงหลักฐานของอิหม่ามชาฟิอีและผู้ที่มีทัศนะสอดคล้อง กับอิหม่ามชาฟิอีที่บอกว่า การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญไม่ถึงผู้ตาย ว่า
وَوَدَلِيلُ الشَّافِعِيِّ وَمُوَافِقِيهِ قَوْلُ اللَّهِ : تَعَالَى : وَأَنْ لَيْسَ لِلْإِنْسَانِ إِلَّا مَا سَعَى وَقَوْلُ النَّبِيِّ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - : إِذَا مَاتَ ابْنُ آدَمَ انْقَطَعَ عَمَلُهُ إِلَّا مِنْ ثَلَاثٍ صَدَقَةٍ جَارِيَةٍ أَوْ عِلْمٍ يُنْتَفَعُ بِهِ أَوْ وَلَدٍ صَالِحٍ يَدْعُو لَهُ
และหลักฐานของอิหม่ามชาฟิอีย์ และบรรดาผู้ที่มีทัศนะตรงกับท่าน คือ คำตรัสของอัลลอฮ ที่ว่า "แท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับผลตอบแทน นอกจากสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้เท่านั้น" - อัลนัจญมิ/39 และคำพูดของท่านนบี ที่ว่า "เมื่อลูกหลานอาดัมสิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ยุติ เว้นแต่จาก 3 ประการคือ
1. ทานถาวรวัตถุ(การบริจาคทานวัตถุถาวรให้เป็นสาธารณะประโยชน์)
2. ความรู้ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้วยมัน
3. ลูกที่ดีขอดุอาให้แก่เขา
วัลลอฮุอะอฺลัม - ดู ชัรหุมุสลิม 1/90
والله أعلم بالصواب
ความคิดเห็น
Anusorn Sangkaew อ.ครับ..!! หลักฐานที่ ว่า"อีมามชาพีอีฮุกุ่ม..คนที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟัาว่า เป็นกาแฟรนั้น..มันเป็นยังไงครับ!! ช่วยเอาคำอ้างของพวกเข้า.แล้วชี้แชงหนอยครับ!!
ต่วนมาโซ นิและ โอ้โหโทษนะคับครั้งแรกทีได้ยินนะเนีย ผมว่าคุณเอาหลักทานทีว่าไห้อ.ดูก่อนไมคับอ.เขาจะได้ตรวดสอบขอ้เท็ุจจรีงก่อน ผมเองก็จะได้มีความรู้ใหม่เพิมเติม(ญาซากัลลอฮ์ฮูฆัยริน)
Osud Aswad การอ่านกุรอานให้คนตาย ลึกๆแล้วมิใช่เป็นการดุอาให้กับเขาหรอ
มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม Anusorn Sangkaew อ.ครับ..!! หลักฐานที่ ว่า"อีมามชาพีอีฮุกุ่ม..คนที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟัาว่า เป็นกาแฟรนั้น..มันเป็นยังไงครับ!! ช่วยเอาคำอ้างของพวกเข้า.แล้วชี้แชงหนอยครับ!!
>>>>>>>
เป็นหลักฐานโกหกให้แก่อิหม่ามชาฟิอี นี่คือที่ชีอะฮ และอาชาอิเราะฮบางกลุ่มเอามาอ้าง

قال الإمام الشافعي رضي الله عنه: "المجسم كافر" (رواه الحافظ السيوطي في كتابه الأشباه والنظائر ص: 488
อีหม่ามชาฟิอี (ร.ฎ) กล่าวว่า อัลมุญัสสิม คือ กาเฟร -รายงานโดยอัลหาฟิซอัสสะยูฏีย์ในหนังสือของเขาชื่อ อัลอัชบสฮวัลนะซออีร หน้า 488
ข้างต้นเป็นการอ้างคำพูดอิหม่ามชาฟีอี โดย ไม่มีสายรายงานว่า ได้รายงานมาจากใคร เพราะอิหม่ามสะยูฏีย มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ฮ.ศ 849-911 ในขณะที่อิหม่ามชาฟิอี มีชีวิตอยู่ในปี ฮ.ศ 150-204 ห่างกันถึง 761 ปี แล้ว คำพูดนี้ได้ถ่ายทอดมาจากใครหรือ

ต่วนมาโซ นิและ มันใจมากยิงขึ้น
Idrees Sofeeyah เรียนเยอะๆจะได้ไม่โง่
เนอะ อิอิ

Insan Bilsem เฝ้ากุโบร์สามวัน เจ็ดวัน มันไม่ต่างจากชาวพุทธที่สวดเจ็ดวัน ร้อยวัน #บิดอะฮฺ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น