อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บิดอะฮในมุมมองของอัลหาฟิซอิบนุหะญัร



อิบนุหะญัร (ร.ฮ) ได้อธิบายคำพูดเคาะลิฟะฮ อุมัร(ร.ฎ) ที่ว่า
نعمت البدعة هذه
บิดอะฮที่ดี คือสิ่งนี้
( قَالَ عُمَرُ : نِعْمَ الْبِدْعَةُ ) فِي بَعْضِ الرِّوَايَاتِ : " نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ " بِزِيَادَةِ تَاءٍ ، وَالْبِدْعَةُ أَصْلُهَا مَا أُحْدِثَ عَلَى غَيْرِ مِثَالٍ سَابِقٍ ً
(อุมัร กล่าวว่า เนียะมัลบิดอะฮ) ในบางรายงาน ระบุว่า “เนียะมะติลบิดอะฮ” ด้วยการเพิ่มพยัญชนะตา ,และคำว่า “บิดอะฮ รากฐานของมัน(หมายถึงที่มาของคำนี้) คือ สิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน
...................
ข้างต้นอิบนุหะญัรกล่าวถึงความหมายกว้างๆของคำว่าบิดอะฮ ในทางภาษา แล้วท่านกล่าวถึงความหมายในทางศาสนบัญญัติว่า
، وَتُطْلَقُ فِي الشَّرْعِ فِي مُقَابِلِ السُّنَّةِ فَتَكُونُ مَذْمُومَة
และถูกกล่าว กว้างๆ(โดยไม่จำกัด)ในทางศาสนบัญญัติ ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำว่า อัสสุนนะฮ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ
................
กล่าวคือ คำว่าบิดอะฮ หมายถึง คำที่ตรงกันข้ามกับคำว่าอัสสุนนะฮ แบบนี้ เป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ
แล้วท่านอิบนุหะญัร กล่าวสรุปว่า
والتحقيق أنها إن كانت مما يندرج تحت مستحسن فى الشرع فهى حسنة وإن كانت مما يندرج تحت مستقبح فهى مستقبحة وإلا فهى من قسم المباح
และพิสูจน์ได้ว่า บิดอะฮ์นั้น หากมันเข้าไปอยู่ภายใต้สิ่งที่นับว่าดีตามหลักการของศาสนา มันก็คือ หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี)และหากว่ามันเข้าไปอยู่ภายใต้หลักการที่ถือว่าน่ารังเกียจ มันก็คือบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ และถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น(หมายถึงไม่เป็นทั้งบิดอะฮ์ทั้งสองประเภท) ก็ถือว่า มันเป็นบิดอะฮ์ ประเภทที่มุบาห์" ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 253
ข้างต้น เราต้องมาดูจุดสำคัญที่การกระทำของท่านอุมัรเป็นหลัก เพราะการกระทำของท่านอุมัร ไม่ใช่บิดอะฮ ในทางศาสนาบัญญัติแต่เป็นความหมายในเชิงภาษา
มาดูคำอธิบายคำว่าบิดอะฮ ของอิบนุหะญัรเองดังนี้
أما "البِدَع" : فهو جمع بدعة ، وهي كل شيء ليس له مثال تقدّم ، فيشمل لغةً ما يُحْمد ، ويذمّ ، ويختص في عُرفِ أهل الشرع بما يُذمّ ، وإن وردت في المحمود : فعلى معناها اللغوي
สำหรับ คำว่า “อัลบิดอุ” มัน เป็นคำพหุพจน์ ของคำว่า “บิดอะฮ และมันคือ ทุกสิ่ง ที่ไม่มีแบบอย่างมาก่อน ,ในทางภาษา ครอบคลุมสิ่งที่ถูกสรรเสริญ และสิ่งที่ถูกตำหนิ และได้ถูกเจาะจงในนิยามของนักนิติศาสตร์อิสลาม ด้วยสิ่งที่ ถูกตำหนิ และ หากปรากฏ ใน แง่ของการสรรเสริญ ความหมายของมันคือ บิดอะฮในทางภาษา –ฟัตหุลบารี 13/340
อิบนุหะญัร แบ่งไว้ชัดเจน ว่า บิดอะฮ มี 2 ประเภท คือ บิดอะฮในทางศาสนา มันถูกตำหนิ และ ถ้าปรากฏว่าเป็นบิดอะฮที่ดี หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ซึ่ง หมายถึง การริเริ่ม หรือฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ดังที่ท่านอุมัรได้ฟื้นฟูสุนนะฮของท่านนบี ที่นบีเคยปฏิบัติ
และที่มายืนยันข้างต้น คือ
อัลหาฟิซอิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
فالبدعة في عرف الشرع مذمومة ، بخلاف اللغة ، فإن كل شيء أُحدث على غير مثال يسمى بدعة سواء كان محموداً ، أو مذموماً
บิดอะฮในนิยามของศาสนบัญญัตินั้น คือ สิ่งที่ถูกตำหนิ ต่างกับบิดอะฮในทางภาษา เพราะทุกสิ่ง ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนนั้น ถูกเรียกว่า บิดอะฮ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกชมเชยและถูกตำหนิก็ตาม - ดูฟัตหุลบารีย์ 13/253
..............................
นักอนุรักษ์และปกป้องบิดอะฮ ทุ่มเทความพยายามที่จะค้นคว้า ทัศนะและคำวินิจฉัยของปราชญ์ เพื่อมาสนับสนุนบิดอะฮของตน โดยไม่แยแสที่จะปกป้องอัสสุนนนะฮ วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
ความคิดเห็น
Charif Jema ตอนนี้หาทัศนะมั่วไปหมดแล้วครับบัง
Dine Sana เเสดงง่สคุณยังไใ่เเตกฉาน
Dine Sana ผมคิดว่าคุณยังฉลาดไม่พอเะราะความโง่ของคุณยังซ่อนอยู่
Asan Binabdullah Dine Sana เเสดงง่สคุณยังไใ่เเตกฉาน >>>>>ความเข้าใจบิดอะฮ ที่แตกฉานแล้ว แบบใหนครับท่าน
Dine Sana ใจเย็นๆ
Asan Binabdullah ช่วยแสดงว่าสุภาพด้วย แล้วนำเสนอครับ
Dine Sana เป็นเพื่อนกันเอาใหมจะได้คุยกันโดยตรง
Asan Binabdullah มานำเสนอตรงนี้ เพราะผู้อื่นจะได้ศึกษา ว่า มีบิดอะฮใหนที่นบีใช้ให้ทำ
Asan Binabdullah เชิญครับ
Asan Binabdullah เอาตัวบท คำแปล และหลักฐานอ้างอิงมา ผู้ศึกษาจะได้ตัดสินใจ
Dine Sana คนเราไปยึดติดกับการกระทำนาบีนะดีเเต่ถ้าปฎิเสธว่านาบีไม่ทำเราทำไม่ได้นะคงไม่ดีเเน่
Asan Binabdullah ไม่ดีแบบใหนครับ กับการยึดติดสุนนะฮนบี
Dine Sana ถามหน่อยใหนหลักฐานว่าเมาลิดทำไม่ได้
Dine Sana หลักฐานกุรอ่านฮาดิษอูลามะกียาส
Asan Binabdullah เอ้า ตกลงจะใช้ตรรกถามหรือครับ แล้วคุณตามนบี หรือตามใครครับ
Dine Sana นาบีบอกท่านหรอว่าเมาลิดทำไม่ได้
Dine Sana ผมก็เอามาจากซุนนะซิ
Asan Binabdullah Dine Sana หลักฐานกุรอ่านฮาดิษอูลามะกียาส >>>>กิยาสจากหุกุมอะไรครับ
Dine Sana เเต่ไม่ใช่ซุนนะเเคบๆอย่างที่ท่านคิด
Asan Binabdullah Dine Sana ผมก็เอามาจากซุนนะซิ>>>>สุนนะฮของใครครับ ขอความกรุณาอย่าใช้อารมณ์ใช้หลักฐานครับ
Dine Sana ก็เรื่องที่ว่าเมาลิดทำไม่ได้ไงใหนละหลักฐาน
Dine Sana ในทางอูซูลุ้ลฟิกของอีหม่ามชาฟีอียังพูดเลยว่าสิ่งที่ท่สนนาบีไม่ทำเราทำได้
Dine Sana ซุนะนะนาบีซิ
Asan Binabdullah อิหม่าม อัรชัรกะชีย์กล่าวว่า

الْمُتَابَعَةَ كما تَكُونُ في الْأَفْعَالِ تَكُونُ في التُّرُوكِ

การเจริญรอยตาม ในเรื่อง การทิ้ง(ของนบี)นั้น ก็เหมือนการเจริญรอยตาม ในการกระทำ(ของนบี) - ดู บะหรุลมุฮีฏ เล่ม 4 หน้า 191
หมายความว่า

เมื่อนบีปฏิบัติ เราก็ปฏิบัติ เป็นการตามสุนนะฮนบี เมื่อนบีไม่ทำ เราก็ไม่ทำ เป็นการตามสุนนะฮนบีเช่นกัน นี่คือ การตามนบีครับ แล้วคุณตามใคร คุณกล่าวปฏิญานกับใครครับ

Dine Sana ใหนละหลักฐานที่ว่าเมาลิดทำไม่ได้
Dine Sana บอกมาหน่อย
Asan Binabdullah Dine Sana ในทางอูซูลุ้ลฟิกของอีหม่ามชาฟีอียังพูดเลยว่าสิ่งที่ท่สนนาบีไม่ทำเราทำได้>>>>>>>ใหนหลักฐานครับ และใจเย็นๆไม่ต้องรีบ
Asan Binabdullah เรื่องเกียวกับ อิบาดะฮ (ศาสนพิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนา) ซึ่งหลักอุศูลระบุว่า
الأصل في العبادات الحظر إلا ما ورد عن الشارع تشريعه،
ความว่า "ตามหลักการทั่วไปในเรื่อง อิบาดะฮนั้น ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามเว้นแต่กระทำที่มาจากผู้บัญญัติศาสนบัญญัติ(หมายถึงอัลลอฮและรอซูล)ได้บัญญัติมัน

เพราะดิษที่ว่า
وَإِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الأُمُوْرِ ، فَإِنَّ كُلَّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ
และขอให้ท่านทั้งหลายออกห่างสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ (ในศาสนา) เพราะว่า ทุกสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั้น เป็นอุตริกรรม (บิดอะฮฺ) และทุกอุตริกรรมนั้น เป็นความหลงผิด – รายงานโดยอิหม่ามอัตติรมิซีย์

Asan Binabdullah ใหนครับ หลักฐานทางศาสนบัญญัติให้ทำเมาลิด
Asan Binabdullah Dine Sana ครับ เอาหลักฐานทำเมาลิดมาหน่อย ใครอนุญาต
Asan Binabdullah เรื่อง อิบาดะฮนั้น ต้องมีหลักฐานยืนยันว่ามีบัญญัติใช้เอาไว้เท่านั้น
ท่านอิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวอธิบายในหนังสือ “ตัฟซีรฺ อิบนุกะษีรฺ” เล่มที่ 4 หน้า 276 ว่า
وَبَابُ الْقُرَبَاتِ يُقْتَصَرُ فِيْهِ عَلَى النُّصُوْصِ، وَلاَ يُتَصَرَّفُ فِيْهِ بِأَنْوَاعِ اْلأَقْيِسَةِ وَاْلآرَاءِ
“และในเรื่องของ อัลกุรบาต(เรื่องการแสดงความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์) จะถูก “จำกัดตามตัวบท” เท่านั้น จะไปแปรเปลี่ยนมันตามการอนุมานเปรียบเทียบต่างๆ(กิยาส)หรือแนวคิดต่างๆไม่ได้”
>>>>>>>>>>ท่าน Dine Sana ใหนหลักฐานเหมาลิดหรือ hapy birthday นบีครับท่าน

Dine Sana เรื่องเมาลิดหากมีหลักฐานว่าทำไม่ได้จริงอุลามะในยุคก่อนๆเขาหักล้างกันมาก่อนเเน่นอนไม่ปล่อยให้คนรุ่นหลังมาซืบหาหลักฐานอยู่หรอก
Dine Sana ขอหลักฐานหน่อยที่ว่าเมาลิดทำไม่ได้มีหลักฐานมาอ้างอิงใหม
Asan Binabdullah Dine Sana เรื่องเมาลิดหากมีหลักฐานว่าทำไม่ได้จริงอุลามะในยุคก่อนๆเขาหักล้างกันมาก่อนเเน่นอนไม่ปล่อยให้คนรุ่นหลังมาซืบหาหลักฐานอยู่หรอก>>>>>>เข้าจะหักล้างได้ไงครับ เพราะเมาลิดไม่มีในยุคสะลัฟท่านมุหัมหมัด อับดุสสลาม เคาะฎีร อัชชะกีรีย์ กล่าวว่า

فاتخاذ مولده موسماً والاحتفال به بدعة منكرة، وضلالة لم يرد بها شرع ولا عقل، ولو كان في هذا خير كيف يغفل عنه أبو بكر وعمر وعثمان وعلي وسائر الصحابة والتابعون وتابعوهم والأئمة وأتباعهم

การถือเอาวันเกิดของท่านนบี เป็นเทศกาลชุมนุมและการเฉลิมฉลอง ด้วยมันนั้น เป็นบิดอะฮ ที่เลว เป็นการหลงผิด ไม่ปรากฏบทบัญัติด้วยมัน และ ไม่กินกับปัญญา และถ้าปรากฏว่าในสิ่งนี้ มีความดีงาม ทำไมอบูบักร์,อุมัร,อุษมาน ,อาลี ,เหล่าสาวกคนอื่นๆ,เหล่า ตาบิอีน ,บรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ,บรรดาอิหม่ามและบรรดาผู้ที่ตามพวกเขา ได้ละเลย จากมัน – อัสสุนัน วัล มุบตะดะอาต หน้า 138

Asan Binabdullah Dine Sana ขอหลักฐานหน่อยที่ว่าเมาลิดทำไม่ได้มีหลักฐานมาอ้างอิงใหม>>>>>>>>>>>ศาสนาอิสลาม เป็นของใครครับ และหุกุมให้ทำเมาลิด เป็นของใครครับ แล้วสิ่งที่ไม่มีในคำสอนอิสลาม คุณเรียกว่า ศาสนาได้หรือครับท่าน Dine Sana
Asan Binabdullah ผมรอหลักฐานอนุญาตให้ทำเมาลิดจากคุณ Dine Sana แต่ไม่นำมา
Dine Sana อัลลอเเละหมู่มวลมาลาอีกัตต่างสดุดีให้กับท่านนาบีผู้ศรัทธาทั้งหลายจงสอหลาหวาดให้กับท่านนาบี กุรอ่าน
Asan Binabdullah สรุปง่ายๆ เมาลิด เป็นสุนนะฮ หรือ เป็นบิดอะฮครับ
Asan Binabdullah Dine Sana อัลลอเเละหมู่มวลมาลาอีกัตต่างสดุดีให้กับท่านนาบีผู้ศรัทธาทั้งหลายจงสอหลาหวาดให้กับท่านนาบี กุรอ่าน>>>>อายะฮนี้ เศาะหาบะฮเอามาเป็นหลักฐานทำเมาลิดไหมครับ เวลาอ้างหลักฐานอ้างตัวบทมาด้วยครับ ถ้าไม่รู้ไปเรียนเถอะครับท่าน
Dine Sana ถามหน่อยสิ่งที่ไม่มีในกุรอ่านไม่มีในฮาดิษเราตัดสินได้ใหม
Asan Binabdullah Dine Sana ถามหน่อยสิ่งที่ไม่มีในกุรอ่านไม่มีในฮาดิษเราตัดสินได้ใหม ได้ครับ เพราะทุกปัญหา หากขัดแย้ง ต้องให้อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮตัดสินอัลกุรอานแนะนำให้ยึดคำสอนของอัลกุรอานและสุนนะฮ์ พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْويْلاً (النِّساء/59)

“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังเราะสูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย

แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และเราะสูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก

นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง”

Asan Binabdullah อัลกุรอ่านสอนให้ตามนบี เพราะนบีคือแบบอย่าง ในชีวิตของท่านเราะสูล มีตัวอย่างที่ดีงามที่ท่านได้ปฏิบัติ พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيرًا (الأحزاب/21)

“โดยแน่นอน ในเราะสูลของอัลลอฮ์มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮ์และวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก”
>>>>>ตกลงคุณ Dine Sana ตามใครในเรื่องศาสนาครับ

Dine Sana ฮาดิษ นาบีกล่าวว่าท่านทั้งหลายจงไปกำหนดเเนวทางที่ใครที่เป็นคนริเริ่มกำหนดเเนวทางที่ดีเขาจะได้รับกุศลท่านนาบีใช้ให้ไปกำหนดเเนวทางที่ดีหากท่านนาบีกำหนดเเล้วท่านจะใช้ให้เราทุกคนไปกำหนดทำไมเเค่ตามท่านนาบีปัญหาก็จบเเต่นี่นาบีพูดส่งเสริมให้กระทำท่านนาบียังกล่าวอีกว่านอกจากผู้กำหนดนั้นได้กุศลเเล้วหากมีใครไปปฏิบัติตามผลบุญนั้นเขาจะได้รับสืบเนื่องต่อไปจนถึงวันกียามะ
Asan Binabdullah คุณ Dine Sana รักอัลลอฮ ไหม ถ้ารักอัลลอฮต้องตามสุนนะฮนบีนะครับ ผู้ใดที่รักอัลลอฮ์ จงปฏิบัติตามเราะสูล พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ (آل عمران/31)

“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน

และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
>>>>>แสดงว่า คุณ Dine Sana ไม่รักอัลลอฮ จึงปกป้องบิดอะฮ

Asan Binabdullah Dine Sana ฮาดิษ นาบีกล่าวว่าท่านทั้งหลายจงไปกำหนดเเนวทางที่ใครที่เป็นคนริเริ่มกำหนดเเนวทางที่ดีเขาจะได้รับกุศลท่านนาบีใช้ให้ไปกำหนดเเนวทางที่ดีหากท่านนาบีกำหนดเเล้วท่านจะใช้ให้เราทุกคนไปกำหนดทำไมเเค่ตามท่านนาบีปัญหาก็จบเเต่นี่นาบีพูดส่งเสริมให้กระทำท่านนาบียังกล่าวอีกว่านอกจากผู้กำหนดนั้นได้กุศลเเล้วหากมีใครไปปฏิบัติตามผลบุญนั้นเขาจะได้รับสืบเนื่องต่อไปจนถึงวันกียามะ>>>>>>>>คุณ กำลังโกหกใส่นบีครับ มาดู ความหมายครับ ดร.มุหัมหมัด ศอลิหฺ อัลเฟาซาน บิน อัลเฟาซาน ได้โต้ตอบพวกที่เอาหะดิษนี้มาอ้างทำบิดอะฮ ว่า

فهذا لا يدل على ما يقوله هؤلاء؛ لأن الرسول لم يقل من ابتدع بدعة حسنة، وإنما قال: "من سن سنة حسنة"، والسنة غير البدعة، السنة هي ما كان موافقًا للكتاب والسنة، موافقًا للدليل، هذا هو السنة؛ فمن عمل بالسنة التي دل عليها الكتاب والسنة؛ يكون له أجرها وأجر من عمل بها إلى يوم القيامة؛ يعني: من أحيا هذه السنة وعلمها للناس وبينها للناس وعملوا بها اقتداءً به؛ فإنه يكون له من الأجر مثل أجورهم،
หะดิษนี้ไม่ได้แสดงบอก ตามสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นพูดกัน เพราะท่านร่อซูล ไม่ได้กล่าวว่า “ من ابتدع بدعة حسن”(ผู้ใดอุตริบิดอะฮที่ดี) แต่ตรงกันข้าม ท่านกล่าวว่า "من سن سنة حسنة" (ผู้ใดทำแบบอย่างที่ดี) และอัสสุนนะฮนั้น ไม่ใช่ บิดอะฮ อัสสุนนะฮคือสิ่งที่สอดคล้องกับ อัลกิตาบ(อัลกุรอ่าน) และอัสสุนนะฮ สอดคล้องกับหลักฐาน นี่คือ อัสสุนนะฮ
ดังนั้นผู้ใด ปฏิบัติตามสุนนะฮ ที่อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แสดงบอกเอาไว้ เขาก็จะได้รับผลตอบแทน ของตนและของผู้ที่ปฏิบัติตามนั้น จนถึง
วันกิยามะฮ หมายถึง ผู้ใดฟื้นฟูสุนนะฮ และเขาปฏิบัติมัน เพื่อเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ และ อธิบายมันแก่มนุษย์ แล้วพวกเขาปฏิบัติตามนั้น ดังนั้น
เขาจะได้ผลการตอบแทน เท่ากับผลการตอบแทนที่พวกเขา(ผู้ปฏิบัติตามเขา)ได้รับ (1)
............

(1)المنتقى من فتاوى فضيلة الشيخ صالح بن فوزان بن عبد الله الفوزان، 1/173، رقم الفتوى في مصدرها: 96

Asan Binabdullah คุณDine Sana หะดิษที่คุณอ้างสืบเนื่องมาจากกรณีใดครับ ท่านนบีจึงกล่าว ตอบมาบ้างครับ อย่าโกหกกล่าวหาว่า นบีสอนให้อุตริบิดอะฮนะครับ
Dine Sana ต่อนท่านาบีส่งมุอาซบิลยะบัลไปประกาศศาสนาที่เมืองยะมัลนาบีถามมุอ๊าซว่าท่านมุอ๊าซจะตัดสินปัญหาศาสนาอย่างไรท่านมุอ๊าซตอบว่าจะตัดสินไปตามที่มีในกุรอ่านนาบีคามว่าถ้าไม่มีในกุรอ่านมุอ๊าซตอบว่าตัดสินไปตามเเบบอย่างนาบีนาบีถามต่อถ้าไม่มีในเเบบอย่างของฉันหละมุอ๊าซตอบว่าฉันจะใช้สติปัญญาทำให้นาบีรู้สึกพอใจในตัวของท่านมุอ๊าซมากนี้คือที่มาของบทบัญญัติของ4มัสฮับ1กุรอ่าน1ฮาดิษ1สติปัญญา
Asan Binabdullah Dine Sana ต่อนท่านาบีส่งมุอาซบิลยะบัลไปประกาศศาสนาที่เมืองยะมัลนาบีถามมุอ๊าซว่าท่านมุอ๊าซจะตัดสินปัญหาศาสนาอย่างไรท่านมุอ๊าซตอบว่าจะตัดสินไปตามที่มีในกุรอ่านนาบีคามว่าถ้าไม่มีในกุรอ่านมุอ๊าซตอบว่าตัดสินไปตามเเบบอย่างนาบีนาบีถามต่อถ้าไม่มีในเเบบอย่างของฉันหละมุอ๊าซตอบว่าฉันจะใช้สติปัญญาทำให้นาบีรู้สึกพอใจในตัวของท่านมุอ๊าซมากนี้คือที่มาของบทบัญญัติของ4มัสฮับ1กุรอ่าน1ฮาดิษ1สติปัญญา>>>>>>>>>>>>>>>>ทำไมไม่กล้ายกตัวบทภาษาอาหรับครับ ผมถามว่า หะดิษนี้ เกี่ยวกับ เรื่องอะไรครับ คุณกำลังบิดเบือน หะดิษอยู่นะครับ
Asan Binabdullah รอแป้ป ผมจะนำหลักฐานว่าคุณบิดเบือน
Charif Jema ไปอยู่ใหนมาครับ ไปดูในห้องคุณครับ นบีเป็นคนแรกที่จัดเมาลิด ไปถามหาหลักฐานในห้องไม่แอบอ้างได้ครับ คริๆ อัสตัฆฟีรุลลอฮุ์
Asan Binabdullah
وأخرج أبو داود , والترمذي عن الحارث بن عمرو عن أناس من أهل حمص من أصحاب معاذ { عن معاذ أن رسول الله صلى الله عليه وسلم لما بعثه إلى اليمن قال له : كيف تقضي إذا عرض لك قضاء ؟ قال : أقضي بكتاب الله , قال : فإن لم تجد في كتاب الله ؟ قال : فبسنة رسول الله , قال : فإن لم تجد في سنة رسول الله , ولا في كتاب الله ؟ قال : أجتهد رأيي , ولا آلو , فضرب رسول الله صلى الله عليه وسلم صدره , وقال : الحمد لله الذي وفق رسول رسول الله لما يرضي رسول الله

ท่านอบูดาวูดและท่านอัตติรมีซีย์ ได้บันทึจากท่าน อัลหาริษ บุตรอัมริน จากบรรดาผู้คนชาวหัมศิน จากบรรดาสหายของมุอาซ จากมุอาซว่า"ในขณะที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ส่งมุอาซฺไปยังเยเมน ท่านร่อซูลกล่าวว่า "ท่านจะตัดสินอย่างไรหากมีมีคดีหนึ่งเกิดขึ้นกับท่าน ?" เขากล่าวว่า "ฉันจะตัดสินด้วยกับสิ่งที่อยู่ในกิตาบุลลอฮ์" ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า "หากไม่มีระบุไว้ในกิตาบุลลอฮ์ล่ะ?" เขากล่าวว่า "ก็ด้วยซุนนะฮ์ของร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)" ท่านนบีกล่าวว่า "หากไม่มีระบุไว้ในซุนนะฮ์ของร่อซูลุลเลาะฮ์ล่ะ?" เขาตอบว่า "ฉันก็จะทำการวินิจฉัยกับความเห็นของฉัน โดยฉันจะไม่ทำให้บกพร่อง" ดังนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ตบอกของมุอาซฺ แล้วกล่าวว่า การสรรเสริญเป็นอภิสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงชี้นำทูตของร่อซูลุลลอฮ์ให้กับสิ่งที่ทำให้ร่อซูลุลลอฮ์พอใจ"-
...ดู นัศบุรรอยะฮฟีตัครีจอะหาดีษฮิดายะฮ เล่ม 1 หน้า 39 บทว่าด้วยเรื่อง มารยาทของผู้ตัดสินคดี(كتاب أدب القاضي)

หะดิษข้างต้นกล่าวถึงเรื่อง การตัดสินคดีความ ซึ่งเกี่ยวเรื่องทางด้านสังคม การเมือง การปกครอง ปัญหาการการพิพาททางด้านสังคม นั้น ย่อมหลากหลาย ไม่มีสิ้นสุด ทุกคดีที่เกิดขึ้นแต่ละยุคแต่ละสมัย มันไม่ได้เหมือนกับที่เกิดขึ้นในยุคของท่านนบีเสมอไป เพราะฉะนั้นคดีใด ไม่ปรากฏการตัดสินเอาไว้ในอัลกุรอ่านและหะดิษ ก็ให้ผู้พิพากษาใช้การวินิจฉัยของตน เพราะฉะนั้น การนำเรื่องนี้มาอุตริบิดอะฮ เป็นการบิดเบือนหะดิษมุอาซครับ คุณDine Sana

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น