อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การออกเดินทางของท่านหุสัยนฺจากมักกะฮฺไปยังกูฟะฮฺ

การดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของ ยะซีด บินมุอาวิยะฮฺ
ปีที่ 60 – 64

เรื่องที่หนึ่ง
การให้บัยอะฮฺกับยะซีด และการปฏิเสธให้บัยอะฮฺของท่านหุสัยนฺและการออกเดินทางของท่านจากมักกะฮฺไปยังกูฟะฮฺ[ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ เหตุการณ์ในปีฮิจเราะฮฺที่ 60]

ยะซีดได้รับบัยอะฮฺให้ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺในปีฮิจเราะฮฺที่ 60 ตอนที่เขามีอายุ 34 ปี ขณะที่ท่านหุสัยนฺบินอลี และท่านอับดุลลอฮฺ บินอัซซุบัยรฺ ไม่ได้ให้บัยอะฮฺแก่เขา ตอนนั้นทั้งสองอยู่ที่เมืองมะดีนะฮฺ และเมื่อมีคำสั่งเรียกร้องให้ทั้งสองให้บัยอะฮฺแก่ยะซีด ท่านอับดุลลอฮฺ บินอัซซุบัยรฺก็พูดขึ้นว่า “ฉันขอตรองดูก่อนในค่ำคืนนี้ ฉันจึงจะให้ความเห็นของฉันแก่พวกท่านได้” พวกเขาก็ตอบว่า “ได้สิ” ครั้นพอถึงตอนกลางคืนท่านก็ออกเดินทางจากมะดีนะฮฺหลบหนีไปยังมักกะฮฺ โดยไม่ได้ให้บัยอะฮฺแต่อย่างใด
และเมื่อพวกเขามายังท่านหุสัยนฺบินอลี แล้วพูดขึ้นว่า “ท่านจงให้บัยอะฮฺเถิด”
ท่านก็พูดว่า “คนอย่างฉันไม่ให้บัยอะฮฺอย่างลับๆ หากแต่ฉันจะให้บัยอะฮฺอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนเท่านั้น” พวกเขาก็พูดว่า “ได้สิ” แล้วเมื่อถึงตอนกลางคืนท่านก็หลบหนีออกนอกเมืองตามหลังท่านอับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺไป

ชาวเมืองอิรักพากันส่งจดหมายถึงท่านหุสัยนฺ

ชาวอิรักเมื่อรู้ว่า ท่านหุสัยนฺไม่ได้ให้บัยอะฮฺแก่ยะซีด บินมุอาวิยะฮฺ  พวกเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้บัยอะฮฺแก่ยะซีด บินมุอาวิยะฮฺอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้กับมุอาวิยะฮฺด้วยซ้ำ พวกเขาต้องการแต่ท่านอลี และลูกๆของท่านอลีเท่านั้น พวกเขาจึงพากันส่งจดหมายถึงท่านหุสัยนฺ บินอลี ระบุข้อความในจดหมายคล้ายๆกันว่า “พวกเราขอให้บัยอะฮฺกับท่าน เราไม่ขอให้บัยอะฮฺแก่ผู้อื่นนอกจากท่านเท่านั้น เราไม่ขอมีบัยอะฮฺของยะซีดอยู่บนต้นคอของพวกเขา จะมีแต่บัยอะฮฺของท่านเท่านั้น” จดหมายที่มาถึงท่านหุสัยนฺก็มากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั้งมีมากกว่า 500 ฉบับ ทั้งหมดล้วนมาจากชาวเมืองกูฟะฮฺเพื่อเชื้อเชิญให้ท่านเดินทางไปหาพวกเขา

ท่านหุสัยนฺส่ง มุสลิม บินอะกีลไปเป็นตัวแทนของท่าน

            เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านหุสัยนฺบินอลี ก็ได้ส่งลูกพี่ลูกน้องของท่านคือ มุสลิม บินอะกีล บินอบีฏอลิบ เพื่อไปทำธุระ และไปสืบหาความจริงที่นั่นแทนท่าน และเมื่อ มุสลิม บินอะกีล ไปถึงเมืองกูฟะฮฺแล้ว เขาก็ได้สอบถามเรื่องราวจนรู้ว่าผู้คนที่นั่นไม่ได้ต้องการยะซีดเลย ต้องการท่านหุสัยนฺ บินอลี เท่านั้น  เขาได้พักอยู่กับ ฮานิอ์ บินอุรวะฮฺ แล้วผู้คนก็ต่างพากันมาหาท่านเป็นกลุ่มบ้าง มาคนเดียวบ้าง เพื่อให้บัยอะฮฺผ่านมุสลิม บินอะกีล ไปยังท่านหุสัยนฺ โดยขณะนั้นนุอฺมาน บินบะชีร คือผู้ปกครองเมืองกูฟะฮฺที่ได้รับการแต่งตั้งจากยะซีด บินมุอาวียะฮฺ เมื่อได้รับแจ้งข่าวว่า มุสลิม บินอะกีล มาอยู่ท่ามกลางพวกเขาและผู้คนจำนวนมากพากันไปให้บัยอะฮฺแก่ท่านหุสัยนฺก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั้งลูกน้องบางคนของเขาออกเดินทางไปหายะซีดที่เมืองชามเพื่อแจ้งข่าวที่เกิดขึ้น และแจ้งว่า มีผู้คนจำนวนมากให้บัยอะฮฺผ่านมุสลิม ขณะที่นุอฺมาน บินบะชีร กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องดังกล่าว

แต่งตั้งอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด ให้ปกครองเมืองกูฟะฮฺแทน

            ยะซีดสั่งปลดนุอฺมาน บินบะชีร และได้แต่งตั้งอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาดขึ้นปกครองกูฟะฮฺแทน แต่เดิมเขาเป็นเจ้าเมืองบัศเราะฮฺอยู่ จึงได้ผนวกเอากูฟะฮฺให้เขาปกครองด้วย เพื่อให้จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ อุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด ได้ไปถึงกูฟะฮฺตอนกลางคืนโดยการปิดหน้าอำพลางตัวเองเข้าไป เมื่อผ่านไปเจอผู้ใดก็กล่าวให้สลาม ผู้คนต่างพากันตอบว่า “และขอความสันติจงมีแด่ท่านด้วยเช่นกัน โอ้ ผู้เป็นหลานของท่านศาสดา” พวกเขาเข้าใจว่าคงเป็นท่านหุสัยนฺที่ได้ปิดบังอำพลางตัวเข้ามาในเมืองยามวิกาล อุบัยดุลลอฮฺ บินยะซีด จึงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้ว ผู้คนต่างเฝ้ารอท่านหุสัยนฺ บินอลี เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงไปที่ปราสาท และส่งข้ารับใช้ของเขา ชื่อ มะอฺก็อล ออกไปสืบเรื่องราว และค้นหาว่าใครเป็นต้นตอผู้บงการเรื่องนี้
            มะอฺก็อล ก็ทำทีเป็นคนมาจากเมืองฮิมห์ นำเงิน 3000 ดีนารเพื่อมาสนับสนุนท่านหุสัยนฺ เขาพยายามสืบเสาะจนกระทั้งถูกชี้ให้มาที่บ้านของ ฮานิอ์ บินอุรวะฮฺ เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบกับมุสลิม บินอะกีล ก็ได้ให้บัยอะฮฺเขา และได้มอบเงินจำนวน 3000 ดีนารให้เขา จากนั้นก็หมั่นแวะเวียนเข้าไปมาเป็นเวลาหลายวัน จนได้ข้อมูลทั้งหมด จากนั้นก็กลับไปหาอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด และเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

การออกเดินทางของท่านหุสัยนฺไปยังเมืองกูฟะฮฺ
 
            หลังจากเห็นว่าเรื่องมันแน่นอนแล้ว มีคนจำนวนมากให้บัยอะฮฺผ่านมุสลิม บินอะกีล เขาก็ได้ส่งจดหมายไปหาท่านหุสัยนฺบอกท่านว่า “จงมาเถิด เพราะได้เตรียมการไว้หมดแล้ว” ท่านหุสัยนฺจึงออกเดินทางไปในวันตัรวียะฮฺ (วันที่ 8 เดือนซุลหิจญะฮฺ) และอุบัยดะฮฺ บินซิยาดเองก็รับรู้แผนการที่มุสลิม บินอะกีล วางเอาไว้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะจัดการกับ ฮานิอ์ บินอุรวะฮฺ” แล้วเมื่อเขาถูกนำตัวมา ก็ถามเขาว่า “มุสลิม บินอะกีลอยู่ที่ไหน?” เขาตอบว่า “ฉันไม่รู้เรื่อง”
            อุบัยดุลลอฮฺ ก็ได้เรียกตัวข้ารับใช้ของเขา คือ มะอฺก็อล ให้เข้ามา เมื่อมาแล้วก็ถามว่า “เจ้ารู้จักเขาไหม” เขาก็ตอบว่า “รู้จักสิ” แล้วก็ตกใจ และรู้แล้วว่าเป็นแผนการจากอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาดนี่เอง เมื่อนั้นอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด จึงพูดกับเขาว่า “มุสลิม บินอะกีล อยู่ไหน?” เขาก็ตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ หากเขาอยู่ใต้เท้าของฉัน ฉันจะไม่ยอมยกมันขึ้นโดยเด็ดขาด” แล้วอุบัยดุลลอฮฺ ก็ตบเขา จากนั้นก็สั่งให้กุมตัวไปขังไว้

ชาวเมืองกูฟะฮฺทอดทิ้งมุสลิม บินอะกีล

และเมื่อข่าวไปถึง มุสลิม บินอะกีล เขาก็ได้รวบรวมคน 4000 คน ไปล้อมปราสาทของอุบัยดุลลอฮฺไว้ โดยชาวเมืองกูฟะฮฺคนอื่นๆก็ออกมาสมทบด้วย ในเวลานั้นบรรดาหัวหน้าเผ่าและคนสำคัญหลายคนอยู่กับอุบัยดุลลอฮฺในปราสาท อุบัยดุลลอฮฺจึงบอกพวกเขาว่า จงหาทางเกลี้ยกล่อมให้คนทั้งหลายทอดทิ้งมุสลิม บินอะกีลเถิด และสัญญาจะตบรางวัลให้พวกเขา ทั้งยังข่มขู่พวกเขาเรื่องกองทัพใหญ่ที่จะมาจากเมืองชาม บรรดาหัวหน้าเผ่าต่างพากันออกมาเกลี้ยกล่อมคนของตนให้ทอดทิ้งมุสลิม บินอะกีล พวกผู้หญิงก็พากันมารับตัวลูกๆของพวกนางกลับไป พวกผู้ชายก็มาเอาตัวพี่ๆน้องๆของเขากลับไป หัวหน้าเผ่าก็พากันมาห้ามปรามคนในเผ่าของพวกเขา จนกระทั้งเหลือคนอยู่กับเขาเพียง 30 คนจากทั้งหมด 4000 คน และไม่ทันที่ตะวันจะตกดินก็เหลือ มุสลิม บินอะกีล เพียงคนเดียว คนอื่นๆพากันหนีหายไปหมด เหลือตัวคนเดียวเดินไปตามตรอกซอกซอยของกูฟะฮฺ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ แล้วก็ได้ไปเคาะที่ประตูบ้านผู้หญิงเผ่ากินดะฮฺคนหนึ่ง แล้วพูดกับนางว่า “ฉันต้องการน้ำ” นางก็ประหลาดใจ และถามว่า “ท่านเป็นใครกัน” เขาก็ตอบว่า “ฉันคือ มุสลิม บินอะกีล” และได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นางฟัง และบอกว่าคนอื่นๆพากันทอดทิ้งเขาไปกันหมด และบอกว่า ท่านหุสัยนฺกำลังจะมา เพราะเขาได้ส่งจดหมายไปบอกท่านให้มาแล้ว นางจึงพาเขาเข้าไปหลบซ่อนตัวในบ้านหลังที่อยู่ติดกับบ้านของนาง แล้วได้นำน้ำและอาหารมาให้ แต่ลูกคนหนึ่งของนางก็ได้แอบไปแจ้งข่าวแก่อุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด ถึงสถานที่หลบซ่อนของมุสลิม บินอะกีล เขาจึงส่งคน 70 คน ไปล้อมไว้ มุสลิมก็ได้ต่อสู้ขัดขืน แต่ในที่สุดก็ต้องยอมจำนนเมื่อพวกเขารับรองความปลอดภัยให้ แล้วเขาก็ถูกนำตัวมายังปราสาทเจ้าเมืองที่มีอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด อยู่ภายใน  เมื่อเข้ามาแล้วอุบัยดุลลอฮฺก็ได้ถามถึงสาเหตุที่เขา(พาคน)ออกมาอย่างนี้?
เขาก็ตอบว่า “คือบัยอะฮฺของท่านหุสัยนฺ บินอลี ที่อยู่บนต้นคอของเขา” เขาก็พูดว่า “บัยอะฮฺของยะซีดไม่ได้อยู่บนต้นคอของเจ้าแล้วกระนั้นหรือ?”
อุบัยดุลลอฮฺ ก็พูดกับเขาว่า “ฉันจะประหารเจ้า” เขาก็พูดว่า “ขอให้ฉันได้สั่งเสียก่อนเถิด” เขาก็ตอบว่า “ได้ เจ้าจงสั่งเสียเถิด” เขาก็หันซ้ายหันขวา ก็เจออุมัร บินสะอัด บินอบีวักกอศ จึงพูดกับเขาว่า “ท่านเป็นญาติที่ใกล้ที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้ จงเข้ามาเถิด ฉันจะได้มีคำสั่งเสีย” เขาก็ได้พาตัวเขาไปที่มุมหนึ่ง แล้วสั่งเสียเขาให้ช่วยส่งคนไปบอกท่านหุสัยนฺว่า “จงกลับไปเถิด” แล้วอุมัร บินสะอัด ก็ส่งคนไปหาท่านหุสัยนฺเพื่อไปบอกท่านว่า “เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ว ชาวเมืองกูฟะฮฺหลอกลวงท่าน”
มุสลิม ได้กล่าวคำพูดที่โด่งดังไว้ว่า “ท่านจงพาครอบครัวของท่านกลับไปเถิด อย่าให้ชาวเมืองกูฟะฮฺหลอกลวงท่านเลย เพราะชาวเมืองกูฟะฮฺโกหกท่าน โกหกฉัน คนโกหกไม่ควรได้รับฟังความคิดเห็นหรอก”
จากนั้น มุสลิม บินอะกีลก็ถูกสั่งประหารในวันอะเราะฟะฮฺ ขณะที่ท่านหุสัยนฺออกเดินทางจากมักกะฮฺมาตั้งแต่วันตัรวิยะฮฺแล้ว ก่อนหน้าวันที่มุสลิม บินอะกีลจะถูกประหารเพียงหนึ่งวัน

เศาะหาบะฮฺหลายท่านออกมาห้ามปรามท่านหุสัยนฺ ไม่ให้เดินทางไป

            เศาะหาบะฮฺหลายคนมีความพยายามที่จะห้ามปรามท่านหุสัยนฺบินอลีไม่ให้เดินทางไป บุคคลเหล่านี้มี อับดุลลอฮฺ บินอุมัร, อับดุลลอฮฺ บินอับบาส,  อับดุลลอฮฺ บินอัมรฺ บินอัลอาศ,  อบูสะอีด อัลคุดรียฺ,  อับดุลลอฮฺ บินอัซซุบัยรฺ และน้องชายของท่านคือมุฮัมมัด บินอัลฮะนะฟียะฮฺ คนทั้งหมดนี้เมื่อรู้ว่าท่านหุสัยนฺต้องการเดินทางไปเมืองกูฟะฮฺ ก็เข้ามาห้ามปรามท่าน ต่อไปนี้คือคำพูดของพวกเขาบางคน
1-    อับดุลลอฮฺ บินอับบาส
เขาพูดกับท่านหุสัยนฺตอนที่ต้องการจะออกเดินทางว่า “หากไม่ใช่เพราะผู้คนจะตำหนิฉันและท่าน ฉันจะเอามือของฉันกอดรัดศีรษะของท่านไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ท่านไปอย่างเด็ดขาด”[2]
2-    อิบนุ อุมัร
อัช-ชะอฺบียฺ ได้เล่าว่า อิบนุอุมัร ตอนที่อยู่มักกะฮฺ ได้ยินข่าวว่าท่านหุสัยนฺได้มุ่งหน้าเดินทางไปยังอิรัก เขาก็เร่งตามไปจนทันใน 3 วัน แล้วก็พูดว่า “ท่านต้องการที่ไหนหรือ”
ท่านตอบว่า “อิรัก” แล้วท่านนำเอาจดหมายต่างๆที่ถูกส่งมาจากอิรัก ที่พวกเขาประกาศว่าพวกเขาจะอยู่ข้างท่านออกมา แล้วพูดว่า “นี้คือจดหมายและบัยอะฮฺของพวกเขา” (ท่านได้ถูกหลอกเสียแล้ว)
อิบนุอุมัร ก็พูดว่า “อย่าไปหาพวกเขาเลย” ท่านหุสัยนฺก็ปฏิเสธยืนกรานจะต้องไปให้ได้
อิบนุอุมัรก็พูดว่า “ฉันขอเล่าหะดีษบทหนึ่งให้ท่านฟัง ครั้งหนึ่งท่านญิบรีลได้มาหาท่านนบี และให้ท่านเลือกระหว่างดุนยาและอาคิเราะฮฺ ท่านก็เลือกอาคิเราะฮฺ ท่านไม่ต้องการดุนยา และตัวของท่านก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านนบี ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ จะไม่มีคนใดในหมู่พวกท่านจะได้ขึ้นครองอำนาจอีก อัลลอฮฺไม่ได้ผันมันออกไปจากพวกท่าน เว้นแต่จะให้มันกับคนที่ดีกับพวกท่านมากที่สุด” แต่ท่านก็ยังปฏิเสธไม่ยอมถอยกลับ อับดุลลอฮฺ บินอุมัร จึงได้แต่สวมกอดท่าน แล้วร้องไห้ และกล่าวว่า “ฉันของฝากท่านไว้กับอัลลอฮฺ ให้รอดพ้นจากการถูกสังหาร”” [3]
3-    อับดุลลอฮฺ บินอัซซุบัยรฺ
พูดกับท่านหุสัยนฺว่า “ท่านจะไปไหนหรือ ท่านจะไปหากลุ่มชนที่สังหารบิดาของท่าน พูดให้ร้ายพี่ชายของท่านกระนั้นหรือ จงอย่าได้ไปเลย” แต่ท่านหุสัยนฺก็ปฏิเสธ ยืนกรานต้องไปให้ได้
4-    อบูสะอีด อัลคุดรียฺ
เขากล่าวว่า “อบู อับดุลลอฮฺ เอ๋ย ฉันคือผู้มาให้คำแนะนำท่าน ฉันมีความห่วงใยท่าน ฉันได้ข่าวว่ามีชนกลุ่มหนึ่งจากพวกพ้อง(ชีอะฮฺ)ของท่านที่เมืองกูฟะฮฺเขียนจดหมายมายังท่าน เชิญชวนท่านให้ออกไปหาพวกเขา ท่านจงอย่าออกไปหาพวกเขาเลย ฉันเคยได้ยินบิดาของท่านพูดถึงกูฟะฮฺเอาไว้ว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันเบื่อหน่ายพวกเขา และไม่พอใจพวกเขา และพวกเขาก็เบื่อหน่ายฉัน และไม่พอใจฉัน ไม่มีคนใดในหมู่พวกเขาที่รักษาคำพูดเลย ใครได้พวกเขามา ก็เหมือนได้ส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดมา ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พวกเขาไม่มีความตั้งใจ ไม่มีความมุ่งมั่นกับเรื่องใด และไม่มีความอดทนกับดาบ(การต่อสู้)เลย””

            * และในบรรดาคนที่แนะนำท่านหุสัยนฺไม่ให้เดินทางไปที่ไม่ใช่เศาะฮาบะฮฺ คือ
            อัลฟะร็อซดัก นักกวี คือหลังจากที่ท่านอัลหุซัยน์ได้ออกเดินทางไปแล้ว ได้พบกับ อัลฟะร็อซดัก นักกวี ท่านก็ถามเขาว่า “ท่านมาจากที่ไหนหรือ?”
เขาตอบว่า “มาจากอิรัก” ท่านก็ถามต่อไปว่า “สภาพของชาวเมืองอิรักเป็นอย่างไร?”
เขาก็ตอบว่า “หัวใจของพวกเขาอยู่กับท่าน แต่ดาบของพวกเขาอยู่กับพวกบนีอุมัยยะฮฺ” แต่ท่านก็ยืนกรานจะไปต่อ
เขาก็ได้แต่พูดตัดพ้อว่า “อัลลอฮุลมุสตะอาน” (ขออัลลอฮฺทรงช่วยเหลือด้วยเถิด)

ท่านหุสัยนฺมาถึง กอดิซียะฮฺ

ข่าวของมุสลิม บินอะกีล มาถึงท่านหุสัยนฺจากคนส่งสาร์นที่อุมัร บินสะอัดส่งมา ท่านหุสัยนฺจึงตั้งใจจะหันหลังกลับ และก็บอกกับลูกๆของมุสลิม บินอะกีล แต่พวกเขาก็ยืนกรานว่า “ไม่ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พวกเราจะไม่กลับจนกว่าจะได้ชำระหนี้แค้นให้กับบิดาของพวกเราเสียก่อน” ท่านก็ยอมตามความเห็นของพวกเขา และหลังจากที่อุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด ได้รู้ข่าวการออกมาของท่านหุสัยนฺแล้ว ก็ได้ส่ง อัลหุรร์ บินยะซีด อัตตะมีมียฺ ออกไปพร้อมกับคน 1000 คนเป็นกองหน้า เพื่อไปดักรอท่านหุสัยนฺระหว่างทาง แล้วเขาก็พบกับท่านหุสัยนฺใกล้ๆกับกอดิซียะฮฺ
อัลหุรร์ ก็พูดกับท่านว่า “ไปไหนหรือ โอ้ ผู้เป็นหลานของท่านเราะสูลุลลอฮฺ?”
ท่านตอบว่า “ไปยังอิรัก”
เขาพูดว่า “ฉันขอสั่งให้ท่านกลับไป และอย่าให้อัลลอฮฺเอาตัวท่านมาทดสอบฉันเลย จงกลับไปยังที่ๆท่านจากมา หรือไม่ก็จงไปที่เมืองชามที่ซึ่งยะซีดอยู่ แต่จงอย่ามากูฟะฮฺเลย”
ท่านหุสัยนฺก็ปฏิเสธ หลังจากนั้นท่านหุสัยนฺก็พยายามจะยื้อมุ่งหน้าต่อไปยังอิรัก แต่อัลหุรร์ บินยะซีดก็คอยขัดขวาง และยับยั้งอยู่ตลอดเวลา
ท่านหุสัยนฺก็กล่าวว่า “ไปให้พ้นจากฉัน แม่ท่านหนักท้องท่านมาเสียเปล่า”
อัรหุรร์ บินยะซีด ก็กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ หากอาหรับคนอื่นพูดแบบนี้ ฉันจะเอาคืนทั้งจากเขาและแม่ของเขา แต่นี่ฉันจะพูดอะไรได้ ในเมื่อแม่ของท่านคือหัวหน้าของบรรดาสตรีทั้งหลาย”




[1] ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ เหตุการณ์ในปีฮิจเราะฮฺที่ 60
[2] อัลบิดายะฮฺ อันนิฮายะฮฺ 8/161
[3] อัลบิดายะฮฺ อันนิฮายะฮฺ 8/162


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น