อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

คนต่างศาสนิกไม่ใช่นะญิส






พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า " إنما المشركون نجس " ความว่า "แท้จริงบรรดามุชริก (ผู้ตั้งภาคี) ถือว่าโสมม" (สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 28)

อายะฮฺข้างต้นระบุว่า คนมุชริกเป็นนะญิส หรือสกปรกโสมม ซึ่งความหมายของอายะฮฺข้างต้นหมายถึง คนมุชริกมีความเชื่อ (อะกีดะฮฺ) ที่สกปรก หรือความเชื่อที่เลอะเทอะต่างหากไม่ใช่หมายรวมว่า คนต่างศาสนิกมีเนื้อตัวที่สกปรกเป็นนะญิส ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
...เนื้อตัว หรือเหงื่อของคนต่างศาสนิกไม่ใช่นะญิส ซึ่งเราเข้าใจผิดกันมาโดยตลอด ทีนี้เราก็ต้องเปลี่ยนความเข้าใจนั้นใหม่ ในเมื่อคนกาฟิรฺไม่เป็นนะญิสทางด้านร่างกาย (ไม่ว่าตัวเขาแห้งหรือเปียก) ก็ตาม การเมื่อคนต่างศาสนิกทำขนม หรืออาหารที่ไม่มีสิ่งหะรอมเจือปน เช่นนี้มุสลิมสามารถรับประทานได้ เพราะเนื้อตัวของต่างศาสนิกไม่เป็นนะญิส
สำหรับการสัมผัสคนต่างศาสนิกไม่เสียน้ำละหมาด ถึงแม้จะมีเจตนาสัมผัสก็ไม่เสียน้ำนมาซ แต่มีความผิดในกรณีตั้งใจสัมผัสเพศตรงข้ามที่แต่งงานกันได้

 والله أعلم

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น