อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

การเพิ่ม “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا) ในศอลาวาตขณะนั่งตะชะฮ์ฮุดของละหมาด




การเพิ่ม “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا)  ในศอลาวาตขณะนั่งตะชะฮ์ฮุดของละหมาด


คำว่า “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا)  ในภาอาหรับเป็นคำสมาสรวมสองคำเข้าด้วยกัน ซึ่งมีความหมายว่า “นายของเรา” 


คำว่า “ศอลาวาต” เป็นคำที่มาจากศัพท์เดียวกับคำว่า ศอลาฮ์ หรือบ้านเราเรียกละหมาด หรือ นมาซ ซึ่งมีความหมายทางภาว่า การขอพร หรือการให้พร โดยปกติการขอพรในภาอาหรับจะเรียกว่า “ดุอาอ์” แต่การขอดุอาอ์กับศอลาวาตมีความแตกต่างกันทางด้านการนำมาใช้ กล่าวคือ ดุอาอ์นั้นใช่ในเรื่องทั่วไป และใช้กับตามบุคคลทั่วไป แต่การศอลาวาตเป็นคำที่เจาะจงให้แก่ท่านนบี และมีถ่อยคำจำกัดเฉพาะตามที่ท่านนบีได้สอนแก่บรรดาสอฮาบะฮฺเท่านั้น 


ฮาดิษศอเฮียะฮ์หลายบทที่กล่าวถึงสำนวนการสอลาวาตไว้ แต่เป็นตัวบทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัญหา “ซัยยิดินา” ในที่นี้จะนำมาเฉพาะตัวบทที่มีกล่าวอ้างเป็นหลักฐานว่า  มีและไม่มีรายงานคำว่า ซัยยิดินา จากฮะดิษบทเดียวกันดังนี้ 


คำรายงานจากศอเฮียะฮ์มุสลิม


“ยะฮ์ยา อิบนุ ยะฮ์ยา อัตตะมีมีย์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ฉันได้ทวนความกับมาลิก จาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร แท้จริง อับดุลลอฮ์ บิน เซด อัลอันศอรีย์ และอับดุลลอฮ์ บิน เซด นั้น เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการดลให้ฝันเห็นการอาซานในละหมาด ซึ่งได้บอกเขา จากอบี มัสอู๊ด อัลอัน ศอรีย์ โดยกล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้มาหาพวกเรา ขณะพวกเราอยู่ที่ชุมนม ของซะอ์ด บิน อุบาดะฮฺ ต่อมา บะซีร บิน ซะอ์ด ได้ถามว่า อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งทรงใช้พวกเราให้ศอลาวาตแก่ท่านโอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ พวกเราจะศอลาวาตแก่ท่านอย่างไร เขาเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นิ่งจนกระทั้งเราหวังว่าเขาจะไม่ถามซ้ำอีก ต่อมาท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงกล่าว “อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาศ็อลลัยต่าอะลาอิบรอหีม วะบาริกอะลามูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาบาร๊อกต่าอาลาอาลิอิบรอฮีม ฟิลอาละมีน่า อินนะก่าฮะมีดุนมะญีด และสลามดังที่พวกท่านได้รู้กันแล้ว” (ศอเฮียะฮ์มุสลิม ฮะดิษเลขที่ 613 


คำรายงานจากสุนัน อัตติรมีซีย์


“อิสฮาก บิน มูซา อัลอันสอรีย์ เล่าให้เราฟังว่า มะอ์นุน เล่าให้เราฟังว่า มาลิก บิน อนัส เล่าให้เราฟังจาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร และมูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด อัลอันศอรีย์  อับดุลลอฮ์ บิน เซด นั้น เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการดลให้ฝันเห็นการอาซานในละหมาด ซึ่งได้บอกเขา จากอบี มัสอู๊ด อัลอัน ศอรีย์ โดยกล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้มาหาพวกเรา ขณะพวกเราอยู่ที่ชุมนม ของซะอ์ด บิน อุบาดะฮฺ ต่อมา บะซีร บิน ซะอ์ด ได้ถามว่า อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งทรงใช้พวกเราให้ศอลาวาตแก่ท่านโอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ พวกเราจะศอลาวาตแก่ท่านอย่างไร เขาเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นิ่งจนกระทั้งเราหวังว่าเขาจะไม่ถามซ้ำอีก ต่อมาท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงกล่าว “อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาศ็อลลัยต่าอะลาอิบรอหีม วะบาริกอะลามูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาบาร๊อกต่าอาลาอาลิอิบรอฮีม ฟิลอาละมีน่า อินนะก่าฮะมีดุนมะญีด และสลามดังที่พวกท่านได้รู้กันแล้ว” (ศอเฮียะฮ์มุสลิม ฮะดิษเลขที่ 613 (อบู อีซา (ติรมีซีย์) กล่าวว่า นี้คือ ฮะดิษฮะซัน สอเฮียะฮ์ {สุนัน อัตติรมีซีย์ ฮะดิษ เลขที่ 3144})




สำหรับคำรายงานจากสุนัน นะซาอีย์ ฮะดิษเลขที่ 1268 คำรายงานจากสุนัน อบีดาวูด ฮะดาเลขที่ 831 คำรายงานจาก มุสนัดอีหม่ามอะฮ์หมัด ฮะดิษเลขที่ 31320 ซึ่งเป็นฮาดิษเศะเฮียะฮ์ มีเนื้อหาเช่นเดียวกับคำรายงานจากศอเฮียะฮ์มุสลิม และสุนัน อัตติรมีซีย์  คือได้รายงานคำสอลาวาตว่า อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด โดยไม่มีคำว่า “ซัยยิดินา”  นั้น 


โดยคำรายงานแต่ละบันทึกนั้นต่างอ้างว่า นำคำรายงานมาจากแหล่งเดียวกันทั้งสิ้น คือ มาลิก บิน อนัส จาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร จาก  อับดุลลอฮ์ บิน เซด และ มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด จาก อบีมัสอู๊ด อัลอันศอรีย์
1.อบีมัสอู๊ด อัลอันศอรีย์
2.อับดุลลอฮ์ บิน เซด และ มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด
3.นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร
4.มาลิก 


หมายเหตุ คำรายงานตอนท้ายฮะดิษที่ว่า “และสลามดังที่พวกท่านได้รู้กันแล้ว” หมายถึงคำกล่าวที่ว่า “อัสสลามุอลัยกะ อัยยุฮันนบียุ วะเราะฮฺมาตุลลอฮิวะบะรอกาตุฮู” ซึ่งเป็นสำนวนการกล่าวสลามแก่ท่านนบีในขณะอ่านอัตตะฮิยา ดังนั้น คำกล่าวสอลาวาต ที่ได้แสดงจากหลักฐานนี้ หมายถึงการสอลาวาตในละหมาด หลังจากอ่านอัตตะฮิยาเสร้จแล้ว 


สำหรับที่มาของซัยยิดินาในสอลาวาต ได้ระบุไว้ในหนังสือ “ฟัฏลุ้ศศอลาติอะลัลนบี” โดย อิสมาอีล บิน อิสฮาก อัลญ์ดีย์ อัลกอดี อัลมาลิกี ซึ่งกล่าวถึงความประเสร็ฐในการสอลาวาตแก่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ระบุตัวบทฮะดิษพร้อมสายรายงานไว้ดังนี้


“อับดุลลอฮ์ บิน มัสละมะฮ์ เล่าให้เราฟังว่า มาลิก เล่าให้เราฟังจาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร แท้จริง มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด อัลอันศอรีย์ และ อับดุลลอฮ์ บิน เซด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการดลให้ฝันเห็นการอาซานในละหมาด ซึ่งได้บอกเขา จากอบี มัสอู๊ด อัลอัน ศอรีย์ โดยกล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้มาหาพวกเรา ขณะพวกเราอยู่ที่ชุมนม ของซะอ์ด บิน อุบาดะฮฺ ต่อมา บะซีร บิน ซะอ์ด ได้ถามว่า อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งทรงใช้พวกเราให้ศอลาวาตแก่ท่านโอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ พวกเราจะศอลาวาตแก่ท่านอย่างไร เขาเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นิ่งจนกระทั้งเราหวังว่าเขาจะไม่ถามซ้ำอีก ต่อมาท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงกล่าว “อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา ซัยยิดินา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาศ็อลลัยต่าอะลาอิบรอหีม วะบาริกอะลามูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาบาร๊อกต่าอาลาอาลิอิบรอฮีม ฟิลอาละมีน่า อินนะก่าฮะมีดุนมะญีด และสลามดังที่พวกท่านได้รู้กันแล้ว” (ฟัฏลุ้ศศอลาติอะลัลนบี ลำดับที่ 63 เล่มที่ 1 หน้าที่ 61)

จากตัวบทฮะดิษนี้ระบุคำว่า “ซัยยิดินา” ถ้อยคำสอลาวาตที่ถูกระบุอยู่ในฮาดิษนี้ มีการกล่าวชื่อท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม อยู่ 4 ครั้ง แต่การมีการเพิ่มเติม ซัยยิดินา เฉพาะการกล่าวชื่อนบีมูฮัมหมัดในครั้งแรกเท่านั้น ส่วนอีกสามครั้งที่เหลือ กล่าวเพียงชื่ออย่างเดียวโดยไม่มีคำว่า ซัยยิดินา ระบุไว้ด้วย




ซึงสายรายงานข้างอาดิษข้างต้นมีสายรายงานดังนี้
1.อบีมัสอู๊ด อัลอันศอรีย์
2.อับดุลลอฮ์ บิน เซด และ มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด
3.นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร
4.มาลิก 
5.อับดุลลอฮฺ บิน มัสละมะฮ์


จะเห็นได้ว่า ฮะดิษที่ระบุ “ซัยยินา” ไว้นี้ เป็นฮาดิษที่มีสายรายงานเดียวกับฮาดิษที่บันทึกอยู่ใน ศอเฮียะฮ์มุสลิม , สุนัน อัตติรมีซีย์  , สุนัน นะซาอีย์  , สุนัน อบีดาวูด  , มุสนัดอีหม่ามอะฮ์หมัด และสุนัน อัดดาริมีย์ กล่าวคือ ทั้งหมดเป็นฮาดิษที่มาจากผู้รายงานสายเดียวกันรวมถึงฮะดิษที่ระบุคำว่า ซัยยิดินา ไว้ด้วยคือ ผู้รายงานตั้งแต่ลำดับ 1 ถึง 4 ดังนี้  คือ มาลิก จาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร จาก  อับดุลลอฮ์ บิน เซด และ มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด จาก อบีมัสอู๊ด อัลอันศอรีย์
หมายถึงผู้รายงานในทุกบันทึกได้ฟังเรื่องนี้มาจาก มาลิก เหมือนกัน และผู้รายงานที่ชื่อมาลิกนี้ก็คือ มาลิก บิน อนัส บินมาลิก บิน อบีอามีร หรือที่ผู้คนทั่วไปเรียกขานว่า อีหม่ามมาลิก ท่านเป็นนักฟิกฮ์ผู้ยิ่งใหญ่เจ้าของมัซฮับมาลีกีนั้นเอง ท่านอิหม่ามมาลิกเป็นคนรุ่นตาบีอีน เสียชีวิตที่นครมะดีนะฮ์ ในปีที่ 179 ของฮิจเราะฮ์ศักราช 


เมื่อสายรายงานในบันทึกศอเฮียะฮ์ต่างๆ อ้างว่านำคำรายงานมาจากท่านอีหม่ามมาลิก โดยไม่ระบุ ซัยยิดินา ไว้ แต่หนังสือ “ฟัฏลุ้ศศอลาติอะลัลนบี” ก็อ้างว่านำคำรายงานมาจากอีหม่ามมาลิกเหมือนกัน แต่ระบุคำว่า “ซัยยิดินา” จึงต้องไปตรวจสอบความถูกต้องจากบันทึกต้นฉบับของอีหม่ามมาลิก ตามคำรายงานต้นฉบับจาก มุวัตเฏาะอ์ ของอีหม่ามมาลิก ดังนี้ 


“และได้เล่าให้ฉันฟังจาก มาลิก จาก นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร จาก มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด ว่า อบี มัสอู๊ด อัลอันศอรีย์ ได้บอกกับเขาว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้มาหาพวกเรา ขณะพวกเราอยู่ที่ชุมนม ของซะอ์ด บิน อุบาดะฮฺ ต่อมา บะซีร บิน ซะอ์ด ได้ถามว่า อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งทรงใช้พวกเราให้ศอลาวาตแก่ท่านโอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ พวกเราจะศอลาวาตแก่ท่านอย่างไร เขาเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นิ่งจนกระทั้งเราหวังว่าเขาจะไม่ถามซ้ำอีก ต่อมาท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงกล่าว “อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาศ็อลลัยต่าอะลาอิบรอหีม วะบาริกอะลามูฮัมหมัด วะอะลาอาลิมูฮัมหมัด กะมาบาร๊อกต่าอาลาอาลิอิบรอฮีม ฟิลอาละมีน่า อินนะก่าฮะมีดุนมะญีด และสลามดังที่พวกท่านได้รู้กันแล้ว” (มุวัตเฏาะอ์ ของอีหม่ามมาลิก ฮะดิษเลขที่ 358)


นี้คือรายงานต้นฉบับที่ถุกถ่ายทอดสู่บันทึกต่างๆ ซึ่งปรากฏสายรายงานดังนี้
1.อบีมัสอู๊ด อัลอันศอรีย์
2.อับดุลลอฮ์ บิน เซด และ มูฮัมหมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน เซด
3.นุอัยม์ บิน อับดิลลาฮ์ อัลมุจมิร
4.มาลิก 
ผู้รายงานต่อจากท่านอีหม่ามมาลิก จะมีรายชื่อแตกต่างกันออกไป ตามแต่สายรายงานของแต่ละบันทึก คือ
ในศอเฮียะฮ์มุสลิม : ยะห์ยา อิบนุ ยะห์ยา ฟังจากมาลิก
ในสุนัน อัตติรมีซีย์ : อิสฮาก บินมูซา อัลอันศอรีย์ จาก มะอ์นั้น ฟังจากมาลิก 
ในสุนัน นะซาอีย์  : อิบนุลกอเซ็ม ฟังจาก มาลิก  
ในสุนัน อบีดาวูด : อัลกออ์นะบีย์ ฟังจากมาลิก
ในมุสนัดอีหม่ามอะฮ์หมัด : อับดุลเราะฮ์มาน และอิฮาก ฟังจากมาลิก


จะเห็นได้ว่าสายรายงานของแต่ละบันทึกนั้นต่างก็รายงานเรื่องนี้จากอีหม่ามมาลิก ทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่า ต้นฉบับของอิหม่ามมาลิกไม่ระบุคำว่า ซัยยิดินาไว้ และบันทึกอื่นๆ ที่นำมาต่อ ก้ไม่ระบุคำว่า ซัยยิดีนาแต่อย่างใด มีเพียงหนังสือ “ฟัฏลุ้ศศอลาติอะลัลนบี” ที่นำมาจากอีหม่ามมาลิกเช่นเดียวกัน แต่กลับมีคำว่าซัยยิดินา เพิ่มเข้ามาด้วย
ข้อความเพิ่มเติมในหนังสือ “ฟัฏลุ้ศศอลาติอะลัลนบี” อาจจะเกิดจากความคาดเคลื่อนของผู้ที่นำจากท่านอีหม่ามมาลิกไปรายงานต่อ คือ อับดุลลอฮ์ บิน มัสละมะฮ์ หรือเกิด จากผู้บันทึกเอง คือ อิสมาอีล บิน อิสฮาก ซึงเป็นอุลามาฮ์ในมัซฮับมาลิกี วัลลอฮุอะอ์ลัม ซึ่งคำคำรายงานที่ระบุ ซัยยิดินา เป็นคำรายงานที่คาดเคลื่อนจากการคัดลอก 






สำหรับในหนังสือ “มัจมัวอุ้ลอะอ์มาล” หรือชื่อภาษาไทยว่า “รวมบรรดาอามัล” ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมวิธีการทำพิธีกรรมต่างๆ ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ อ่านอัตต้าฮี้ยา ซึ่งมีคาศอลาวาตประกอบด้วย ดังนี้


“อัตตะฮิยาตุลมุบาระกาตุสศอลาวาตุดตอยยิบาตุลิ้ลลาฮ์ อัสสลามุอะลัยกะอัยยุฮันนะบียุเราะฮ์มะตุ้ลลอฮิวะบะรอกาตุฮู อัสลามุอะลัยนาวะอะลาอิบาดิ้ลาฮฺสสอลีฮีน อัชฮะดุอันลาอิลาอ่าอิ้ลลัลลอฮ์ วะอัชฮะดุอันน่ามูอัมมะดัรรอซูลุ้ลลอฮ์ อัลลอฮุมม่าศ็อลลิอะลา ซัยยิดินา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิ ซัยยิดินา มูฮัมหมัด กะมาศ็อลลัยต่าอะลา ซัยยิดินา อิบรอหีม วะอาลาอาลิ ซัยยิดินา อิบรอหีม วะบาริกอะลา ซัยยิดินา มูฮัมหมัด วะอะลาอาลิ ซัยยิดินา มูฮัมหมัด กะมาบาร๊อกต่าอาลา ซัยยิดินา อิบรอฮีม วะอะลาอาลิ ซัยยิดินา  อิบรอหีม ฟิลอาละมีน่า อินนะก่าฮะมีดุนมะญีด (หนังสือรวมบรรดาอามัล หน้า 8-9)


***ซึ่งคำศอลาวาตข้างต้น ที่เติมคำซัยยิดินา ตามที่ขีดเส้นใต้  ในหนังสือ “มัจมัวอุ้ลอะอ์มาล” เป็นศอลาวาตประยุกต์ ที่คิดค้นสำนวน และเติมคำกันเองโดยไม่มีต้นแบบคำรายงานจากบันทึกฮาดิษเศาะเฮียะฮ์ใดๆกับศอลาวาตประยุกต์นี้เลยจริงๆ


และสำหรับอัลกุรอาน อายะฮ์ที่ 56 ของซเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ ว่า
“แท้จริงอัลลอฮ์ และมาลาอีกะฮ์ของพระองค์ได้ให้พรต่อท่านนบี(มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม) โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงให้พรต่อนบี และกล่าวสลามด้วยถ้อยคำที่ดีงาม”
ซึ่งความหมายของอัลกุรอานอายะฮ์ดังกล่าวข้างต้น เป็นคำสั่งใช้บรรดาผู้ศรัทธาให้ขอพรแก่ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นคำสั่งโดยรวม มิได้เจาะจงเฉพาะการกล่าว สอลาวาตในละหมาดเท่านั้น 


สำหรับในหนังสืออัลมัจญ์มูอฺ ชัรฮุล มุฮัซซับ ลิชชีรอซีย์ ของท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ.) เล่มที่ 3 หน้า 448 ระบุว่า : ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ และ อัลอัศฮาบ (บรรดานักวิชาการสังกัดมัซฮับอัชชาฟิอีย์) กล่าวว่า : ที่ประเสริฐที่สุด (อัลอัฟฎ้อล) ในลักษณะของการซอละหวาตนั้นคือการกล่าวว่า : “อัลลอฮุมม่า ซ็อลลิ อะลา มุฮำมัด ว่า อะลา อาลิ มุฮำมัด” จะเห็นได้ว่า ไม่มีการกล่าวคำ ซัยยิดินา แต่อย่างใด? 




ตามที่มีตัวบท (نَصُّ) รายงานมาจากท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฎ.) คือ ไม่มีการเพิ่มคำว่า “ซัยยิดินา” 


คำกล่าว ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ.) ปรากฏในหนังสืออัลอัซการฺของท่าน (หน้า 69) ระบุว่า : 


(وَالأَفْضَلُ أن يقول : اللهم صل علىمحمد عبدِك ورسولك...)


“และที่ประเสริฐที่สุด คือการที่เขา (ผู้ละหมาด) กล่าวว่า : อัลลอฮุมม่า ซ็อลลิ อะลา มุฮำมัด อับดิก้า ว่าร่อซูลิก้า.......”


ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ.) ก็ยังได้ระบุถึง การซอละหวาตแก่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) อย่างน้อยที่สุด คือการที่เขา (ผู้ละหมาด) กล่าวว่า “อัลลอฮุมม่า ซ็อลลิ อะลา มุฮำมัด” หลังจากนั้นท่านก็กล่าวว่า : 


(وأكملهااﻥﻳﻘﻮﻝ : ﺍﻟﻠﻬﻢﺻﻞﻋﻠﻰﻣﺤﻤﺪﻭﻋﻠﻰﺁﻝﻣﺤﻤﺪ....)


“และที่สมบูรณ์ที่สุดของการซอละหวาตนั้นคือการที่เขา (ผู้ละหมาด) กล่าวว่า “อัลลอฮุมม่า ซ็อลลิ อะลา มุฮำมัด ...” (ดู เราฎ่อตุตตอลิบีน ว่า อุมดะตุ้ลมุฟตีน, อิหม่ามอันนะวาวีย์ เล่มที่ 1 หน้า 265) ดังนั้นอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฎ.) จึงเป็นผู้ที่กล่าวถึงข้อชี้ขาดในประเด็นของการซอละหวาตที่ประเสริฐสุดซึ่งไม่มีการเติมคำว่า “ซัยยิดินา” แต่อย่างใด


ซึ่งในเรื่องของการเพิมเติมคำหรือข้อความในสอลาวาต ท่านอีหม่ามนะวาวีย์ ด้ชี้แจงไว้ในอัลอัซการ ความว่า “ส่วนถ้อยคำที่สหายของเรา(ในมัซฮับชาฟีอี) และ อิบนุ อบีเซด อัลมาลิก ได้กล่าวว่า สมควรที่จะเพิ่มถ้อยคำสอลาวาตด้วยคำว่า “ได้้โปรดเมตตาต่อมูฮัมหมัดและวงศ์ของวงศ์วานของมูฮัมหมัด” นั้น มันคืออุตรกรรมในศาสนา (บิดอะฮ์) ไม่มีที่มาแต่อย่างใด” (อัลอัซการ โดยอิหม่ามนะวาวีย์ 1/270)


ดังนั้น การเติมคำว่า “ซัยยิดินา” กับการเติมคำว่า “ได้โปรดเมตตาต่อมูฮัมหมัดและวงศ์ของวงศ์วานของมูฮัมหมัด” ในศอลาวาต ก็มีผลไม่ต่างอะไรกัน ที่ท่านอิหม่ามนะวาวีย์กล่าว่ามันเป็นอุตริกรรมขึ้นใหม่ในศาสนา 


วัลลอฮุอะอ์ลัม

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ30 มีนาคม 2565 เวลา 02:53

    แสวงหาสัจธรรมจากอิสลาม: การเพิ่ม “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا) ในศอลาวาตขณะนั่งตะชะฮ์ฮุดของละหมาด >>>>> Download Now

    >>>>> Download Full

    แสวงหาสัจธรรมจากอิสลาม: การเพิ่ม “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا) ในศอลาวาตขณะนั่งตะชะฮ์ฮุดของละหมาด >>>>> Download LINK

    >>>>> Download Now

    แสวงหาสัจธรรมจากอิสลาม: การเพิ่ม “ซัยยิดดินา” (سَيِّدِنَا) ในศอลาวาตขณะนั่งตะชะฮ์ฮุดของละหมาด >>>>> Download Full

    >>>>> Download LINK

    ตอบลบ