อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เมื่อเขาโกหกว่านบีสอนฟาติมะฮให้อ่านอุศอ็ลลี



Thongchai Binmariam หนังสือ " อีกอซุ้ลม่านาม อิลาต้อรีกิซัยยิดิ้ลอะนาม " ของท่านเชคมุฮำหมัดยาซีน บิน อับดุลฆอนีย์ อุลามาอ์มาลายูที่เลื่องลือ ในหน้าที่ 93 ท่านผู้แต่งบันทึกไว้ว่า..
" ได้รายงานมาจากท่านอิหม่ามบุคคอรีย์และท่านอิหม่ามมุสลิมใน " ตัครีจ " ของท่านอิหม่ามทั้งสองว่า..
........................................................................................
จากท่านอิบนุอุมัร(รฏ)เล่าว่า..
ระหว่างที่ท่านนบีซ.ล)ฯ ได้นั่งสนทนาอยู่กับบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน ในมัสยิด ก็บังเอิญ ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ฟาตีมะฮ์ บินอัสเราะฮ์ ก็ได้เข้ามาหาท่านนบี(ซล)นางฟาตีมะฮ์ ก็ได้ถามท่านนะบีย์กี่ยวกับเรื่องนามาชอัสรี ว่า นางจะกล่าวนำละหมาดนี้อย่างไร ก่อนที่นางจะตักบีร่อตุ้ลเอี๊ยะห์รอม ท่านนบี(ซล)ตอบท่านหญิงว่า..
เธอจงกล่าวก่อนตักบีร่อตุลเอี๊ยะห์รอมว่า อู้ศ็อลลี ฟัรฎ็อด อัศรี อัรบะอะร่อกะอาติน อะดาอันลิ้ลลาฮี่ตาอ้าลา

@@@@

ชี้แจง

นอูซุบิลละฮ ข้างต้น นาย Thongchai Binmariam ไปเอาข้อมูล สร้างหลักฐานเท็จระดับเทพมาอ้าง
จึงเรียกร้องนาย Thongchai Binmariam ให้นำเสนอตัวบท คำแปลและแหล่งอ้างอิง ว่า หะดิษที่ท่านนบี ศอ็ลฯ สอนท่านหญิง ฟาติมะฮ ให้กล่าว "อุศอ็ลลี" ก่อนการตักบีเราะตุลเอียะรอม อยู่ในบทใหน หะดิษหมายเลขที่เท่าไหร่ ของหนังสือเศาะเฮียะบุคอรีและมุสลิม

อิบนุกอ็ยยิม (ร.ฮ) กล่าวว่า

كان صلى الله عليه وسلم إذا قام إلى الصلاة قال : الله أكبر ، ولم يقل شيئاً قبلها ، ولا تلفظ بالنية البتة ، ولا قال : أصلي لله كذا ، مستقبل القبلة ، أربع ركعات ، إمـاماً ، أو مأموماً ، ولا قال : أداءً ، ولا قضاءً ، ولا فرض الوقت ، وهذه عشرُ بدعٍ لم يَنْقُلْ عنه أحدٌ قط بإسنادٍ صحيحٍ ولا ضعيفٍ ولا مُسْنَدٍ ولا مُرْسَلٍ لفظةً واحدةً منها البتة ، بل ولا عن أحد من أصحابِه، ولا استحسنه أحدٌ من التابعين ، ولا الأئمةُ الأربعة اهـ

ปรากฏว่า ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อท่านจะละหมาด ท่านกล่าวว่า"อัลลอฮุอักบัร" โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดก่อนหน้านั้น และไม่ได้กล่าวคำเนียตแต่อย่างใด ไม่ได้กล่าวคำว่า"อุศอ็ลลีลิลละอ อย่างนั้น อย่างนี้ มุสตักบิลัลกิบลัต อัรบะอะเราะกะอาต อิมามัน หรือ มะมูมัน และท่านไม่ได้กล่าวคำว่า "อะดาอัน" ไม่ได้กล่าวคำว่า"เกาะฏออ" และไม่ได้กล่าวคำว่า"ฟัรดุลวักติ" และนี้คือ บิดอะฮสิบประการ ที่ไม่มีคนใดรายงานจากท่านบี เลย จะด้วยสายสืบที่เศาะเฮียะก็ไม่มี หะดิษเฏาะอีฟก็ไม่มี หะดิษมุสนัดก็ไม่มี หะดิษมุรสัลก็ไม่มี แม้สักประโยคเดียวก็ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีรายงานจากคนหนึ่งคนใดจากเหล่าเศาะหาบะฮ ไม่คนใดจากบรรดาตาบิอีน เห็นดีและ ไม่มีอิหม่ามคนใดจากอิหม่ามทั้งสี่ (เห็นว่าดี) - ซาดุลมะอาด เล่ม 1 หน้า 201

อิหม่ามสะยูฏีย์ (ร.ฮ) ปราชญมัซฮับชาฟิอีเอง กล่าวว่า

ومن البدع أيضاً : الوسوسة في نية الصلاة ، ولم يكن ذلك من فعل النبي صلى الله عليه وسلم ولا أصحابه ، كانوا لا ينطقون بشيء من نية الصلاة ، بسوى التكبير . وقد قال تعالى :{ لقد كان لكم في رسول الله أسوة حسنة } [سورة الأحزاب : 21 ].

และส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดอะฮ อีกเช่นกัน คือ การมีใจรวนเรในการเนียตละหมาด และดังกล่าวนั้น ไม่ปรากฏจาก การกระทำของนบี ศอ็ลฯ และเหล่าเศาะหาบะฮของท่าน ,ปรากฏว่า พวกเขาไม่ได้ พูด(เปล่งเสียง)ด้วยสิ่งใดๆจากการเนียตละหมาด อื่นจากการตักบีร และแท้จริง อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า (แท้จริง ในรซูลุลลอฮนั้น คือแบบอย่างที่ดีแก่พวกเจ้า)- ซูเราะฮอัลอะหซาบ /21  - ดู อัลอัมรุบิลอิตบาอฺ ฯ วัลนะฮยุ อะนิลอิบติดาอฺ หน้า 28

............
อิหม่ามอัสสะยูฏีย์ ระบุว่า ไม่ปรากฏว่าท่านนบี และเหล่าเศาะหาบะฮ กล่าวเปล่งเสียงการเนียต อื่นจากการตักบีร และท่านได้อ้างอายะฮอัลกุรอ่านข้างต้นเพื่อบอกว่า รซูลุลลอฮ เป็นแบบอย่างที่ดี

قَالَ الْمُحَقِّقُ الْإِمَامُ ابْنُ الْهُمَامِ : قَالَ بَعْضُ الْحُفَّاظِ : لَمْ يَثْبُتْ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - بِطْرِيقٍ صَحِيحٍ ، وَلَا ضَعِيفٍ أَنَّهُ كَانَ - عَلَيْهِ الصَّلَاةُ وَالسَّلَامُ - يَقُولُ عِنْدَ الِافْتِتَاحِ : أُصَلِّي كَذَا ، وَلَا عَنْ أَحَدٍ مِنَ الصَّحَابَةِ ، وَالتَّابِعِينَ ، بَلِ الْمَنْقُولُ أَنَّهُ كَانَ - عَلَيْهِ الصَّلَاةُ وَالسَّلَامُ - إِذَا قَامَ إِلَى الصَّلَاةِ كَبَّرَ ، وَهَذِهِ بِدْعَةٌ

อัลมุหักกิกอัลอิหม่าม อิบนุลฮุมาม กล่าวว่า " ส่วนหนึ่งของบรรดานักท่องจำหะดิษ ได้กล่าวว่า "ไม่มีรายงานยืนยันจากนบีศอ็ลฯ ด้วยสายรายงานเศาะเฮียะ และไม่มีรายงานเฎาะอีฟ ว่า ท่านนบี ศอ็ลฯ กล่าวขณะเริ่มละหมาดว่า "อุศอ็ลลี เป็นต้น และไม่ปรากฏจากจากคนใดจากเศาะหาบะฮและตาบิอีน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ถูกรายงานจากท่านนบี ศอ็ลฯคือ เมื่อ ท่านนบียืนขึ้นละหมาด ท่านก็กล่าวตักบีร และ การกระทำนี้ (หมายถึง กล่าวอุศอ็ลลี) คือ บิดอะฮ - ดู มิรกอตุล มะฟาเตียะ ชัรหมิชกาตอัลมะศอเบียะ 1/94

................

ไม่ปรากฏหะดิษ ไม่ว่าจะเป็นหะดิษเศาะเฮียะ หรือเฎาะอีฟ ว่า ท่านนบี ศอ็ลฯ เหลาะเศาะหาบะฮและตาบิอีนว่า "พวกเขาเริ่มละหมาดด้วยการ กล่าวอุศอ็ลลี" และการกล่าวอุศอ็ลลี คือบิดอะฮ
....................
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า

الْجَهْرُ بِالنِّيَّةِ لَا يَجِبُ وَلَا يُسْتَحَبُّ بِاتِّفَاقِ الْمُسْلِمِينَ ; بَلْ الْجَاهِرُ بِالنِّيَّةِ مُبْتَدِعٌ مُخَالِفٌ لِلشَّرِيعَةِ إذَا فَعَلَ ذَلِكَ مُعْتَقِدًا أَنَّهُ مِنْ الشَّرْعِ : فَهُوَ جَاهِلٌ ضَالٌّ يَسْتَحِقُّ التَّعْزِيرَ وَإِلَّا الْعُقُوبَةَ عَلَى ذَلِكَ إذَا أَصَرَّ عَلَى ذَلِكَ بَعْدَ تَعْرِيفِهِ وَالْبَيَانِ لَهُ لَا سِيَّمَا إذَا آذَى مَنْ إلَى جَانِبِهِ بِرَفْعِ صَوْتِهِ

การกล่าวการเนียตเสียงดัง ไม่วาญิบ และไม่ส่งเสริมให้กระทำ ด้วยมติเห็นฟ้องของ บรรดามุสลิม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่กล่าวการเนียตดังๆ นั้น คือ ผู้ที่อุตริบิดอะฮ ขัดแย้งกับชะรีอัต เมื่อเขาปฏิบัติดังกล่าวนั้น โดยเชื่อว่า มันคือส่วนหนึ่งจากศาสนบัญญัติ เขาคือ คนที่โง่เขลา อีกทั้งลุ่มหลง สมควรจะพิจารณาลงโทษตามกฏหมาย หรือไม่ก็ลงโทษบนดังกล่าวนั้น เมื่อเขายังคงอยู่บนดังกล่าว (คือยังคงปฏิบัติอยู่) หลังจากที่ บอกให้เขารู้แล้วและอธิบาย แก่เขาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ข้างๆเขา ด้วยการขึ้นเสียงดัง-ดูมัจญมัวะฟะตาวา 22/219
..................
บรรดานักวิชาการที่มีชื่อเสียง ต่างยืนยันว่า นบี ศอ็ลฯ ไม่ได้กล่าวคำเนียตหรือ อุศอ็ลลี ก่อนตักบีร แต่คุณ Thongchai Binmariam เอาหลักฐานเท็จว่า นบีศอ็ลฯ สอน ท่านฟาฏิมะฮ ให้กล่าวอุศอ็ลลี -นะอูซุบิลละฮ โปรนำหลักฐานมา หากท่านอยู่บนความจริง

والله أعلم بالصواب

อะสัน หมัดอะดั้ม

1/2/59



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น