อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ดูขลังดี..!



ข้าวเหนียวเหลืองไก่ปิ้ง เห็นแล้วนึกถึงสมัยเด็กๆ
แถวบ้านผมหรือแม้แต่ที่บ้านผมก็ทำกันแบบนี้
ดูมันเป็นพิธีกรรมของอิสลามที่มันดูขลังดี
ทั้งมีการจุดเทียน บางทีก็มีจุดธูปด้วยแต่เป็นธูปอินเดียดอกเล็กๆ
หรือไม่ก็กำยานแบบอาหรับ
พิธีกรรมแบบนี้พบได้ตั้งแต่แหลมมาลายูไปยันอินโดฯ
และยันกรุงเทพ อยุธยา
มีการบอกลูกหลานว่า เชิญปู่ย่าตามยายที่ล่วงลัดไปแล้ว
ให้มาร่วมเอ็นจอยเป็นเกียรติ์ บางทีอาจรวมไปถึงเจ้าที่เจ้าทาง
ดูไม่ต่างจากศาสนาอื่นๆที่มีความเชื่อและพิธีกรรมคล้ายๆ
กันกับหลายๆศาสนาในไทย ทำแล้วก็รู้สึกสบายใจดี

แล้วก็จะมีการทำพิธี อ่าน คัมภีร์อัลกุรอาน
ตามด้วยบทกวีที่เรียกบัรรันญีที่ท่านบูซีรีนเป็นคนประพันธ์
ที่ว่าด้วยการสรรเสริญท่านศาสดา
หรือนบีมูฮัมหมัดของอิสลามอย่างไพเราะ
จบด้วยการขอพรจากพระเจ้า ให้เป็นศิริมงคล

สมัยก่อนป๋าผมเป็นคนนำในการทำพิธีเหล่านี้ด้วย
จำสูตรลำดับได้ว่าอ่านอะไรก่อนหลัง
มีชุดใหญ่ชุดเล็ก ว่ากันไปตามขนาดของงาน
สั้นๆบ้างยาวบ้างว่าไป

ตอนนั้นป๋าผมเป็นโต๊ะอีหม่ามประจำหมู่บ้าน
ใครก็นับหน้าถือตา เชิญไปทำพิธีบ่อยๆ
บางทีคนต่างศาสนาก็มาเชิญไปทำพิธี
แบบนี้ที่บ้าน เขาสั่งอาหารหรือจ้างคนอิสลาม
มาทำอาหารเลี้ยงมุสลิมเพราะเข้าใจ
ว่ามุสลิมทานอาหารฮาลาลเท่านั้น
เจ้าภาพบอกว่าเจ้าที่ๆบ้านเขาเป็นอิสลาม
เพราะเขาซื้อที่ปลูกบ้าน
จากคนอิสลามดั้งเดิมที่เป็นเจ้าของที่แต่เก่าก่อน
คนต่างศาสนามักจะมีซองให้มุสลิมที่ไปร่วมทำพิธี
ของป๋าผมนี่จะได้เยอะหน่อย ไม่ว่าจะจากเจ้าภาพ
ที่เป็นคนต่างศาสนา(พุทธ)หรือมุสลิมก็ตาม

ป๋าผมไม่เคยหยุดเรียนเลย แม้จะจบแค่ ป.4
ป๋าอ่านได้แปลได้พอประมาณทั้งภาษามาลายู และอาหรับ
และมักจะจ้างอาจารย์พิเศษมาสอนภาษามาลายูเป็นการส่วนตัว
หรือไม่ก็ไปเรียนที่บ้านอาจารย์หรือสำนักที่เปิดสอนศาสนา

แต่ต่อมาป๋าผมเลิกเรื่องแบบนี้ทั้งหมด
และปฏิเสธที่จะทำเรื่องพิธีกรรมแบบนี้
และโต้แย้งว่าการกระทำแบบนี้ขัดต่อหลักการอิสลาม
ตั้งแต่เรื่องการจุดธูปเทียนในพิธี การเชิญวิญญาณ
บรรพบุรุษ ไปจนถึงขั้นตอนพิธีการทำเหล่านี้
เพราะไม่มีแบบอย่างจากท่านศาสดาที่ทำมา
แบบอย่างก็คือ เลี้ยงอาหารเลยโดยไม่มีเงี้อนไข
หากจะทำบุญไม่มีพิธีกรรมใดๆ ส่วนคน
ที่มากินจะขอพรให้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อาจจะขอก่อนทานหรือหลังทานอาหารก็ได้
หรือจะไม่ขอก็ได้

การกระทำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของอิสลาม
และมันเป็นอุตริกรรมในเรื่องศาสนา
และมันอาจถึงขั้นตกศาสนา เพราะตั้งภาคี
กับพระเจ้า ในกรณีเชื่อว่าวิญญาณ
บรรพบุรุษจะมา ราวกับจะให้ศิริมงคลหรือให้โทษได้
เพราะมุสลิมถือว่าอำนาจทั้งปวงนั้นเป็นสิทธิของพระเจ้าเท่านั้น
ไม่มีภาคีร่วมใดๆ

มีการถกเถียงกันมากมายในร้านกาแฟ
ป๋าผมเริ่มเป็นตัวประหลาดของสังคมมุสลิม
ส่วนใหญ่ในยุคนั้นแถวบ้านเริ่มไม่ค่อยยอมรับป๋าผม
และเรียกป๋าผมว่า "พวกคณะใหม่"

ทุกวันนี้เวลาที่ป๋าพูดถึงเรื่องสิ่งที่เคยทำเหล่านี้
ท่านจะรู้สึกเสียใจ และบอกว่า "ป๋าทำไปตามแบบ
ที่คนเก่าๆทำต่อกันมา และป๋าไม่รู้ว่าถูกผิด
เพียงแต่เห็นว่าดีไม่มีอะไรที่ดูแล้วเสียหาย
แต่มารู้ทีหลังว่าแบบอย่างเหล่านี้
ไม่เคยมีในอิสลามเลยในสมัยท่านนบี"
เสียงป๋าสั่นเครือน้ำตาคลอแทบทุกครั้ง
ที่ป๋านึกถึงเรื่องนี้
และ พูดว่า"อัซตัฆฟิรุลลอฮ์" ขออภัยโทษ
และสำนึกผิดต่อพระเจ้า ด้วยความหวังว่า
อัลลอฮ์จะทรงให้อภัยในสิ่งที่ท่านทำมาในอดีต

cr.posted by musachiza



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น