อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

ดวงตาของผู้ศรัทธา



... โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายที่ได้ครอบครองดวงตาทั้งสอง…
จวบจนวันนี้ เจ้าเคยใส่ใจดวงตาทั้งสองแห่งใบหน้าของเจ้าหรือไม่
เจ้าใช้ดวงตาทั้งสองของเจ้าที่มาจากเจ้าของดวงตาของเจ้า ทำอะไรบ้าง
ในวันนี้ ดวงตาทั้งสองที่อยู่กับเจ้า ได้ทำตามเจ้าในทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ
ทั้งในหนทางที่เจ้าของดวงตาปลื้มปิติ และในหนทางที่เจ้าของดวงตาทั้งสองทรงกริ้ว
ในวันนี้ดวงตาทั้งสองเลือกจะทำแต่ในสิ่งที่เป็นคำบัญชาจากเจ้าของดวงตาไม่ได้
เพราะดวงตาทั้งสองยังมีพันธะ ที่ต้องยอมจำนนต่อเจ้าของชั่วคราวแห่งโลกใบนี้
แต่เจ้าของชั่วคราวแห่งดวงตาทั้งสองจะรู้มั้ยน่ะ ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของดวงตาทั้งสองนี้…


ดวงตาทั้งสองไม่ใช่เพียงสิ่งประดับบนใบหน้า
ไม่ใช่เพียงสิ่งที่ใช้ในการมอง หรือสอดส่อง
แต่มันเป็นอีกสิ่งที่จะยืนยันความศรัทธาของผู้ครอบครองมัน…ในอาคิเราะฮฺ
โดยที่ผู้ครอบครองนี้ จะไม่สามารถขู่เข็ญดวงตาทั้งสองได้อีก…ในวันนั้น


โอ้บรรดาผู้ได้ครอบครองดวงตาทั้งสอง
ดวงตาทั้งสองที่เจ้าครอบครองนี้ เต็มไปด้วยความเปียกปอน หรือความเหือดแห้ง
แต่ละคราวที่ดวงตาทั้งสองได้เปียกปอนนั้น
เป็นความชุ่มฉ่ำแห่งความศรัทธา หรือเป็นความเปียกปอนแห่งความอัปยศ
หรือดวงตาทั้งสองที่เจ้าครอบครองมีแต่ความเหือดแห้ง ไร้ซึ่งความชุ่มฉ่ำแห่งศรัทธา
จงหมั่นพินิจในทุกสิ่งที่เจ้าใช้ให้ดวงตาทั้งสองได้กระทำ
ว่าเป็นสิ่งภักดี หรือเป็นสิ่งทรยศต่อเจ้าของดวงตาที่แท้จริง
เพราะมันเป็นหนึ่งในเครื่องชี้หมายอนาคตแห่งผู้ได้รับครอบครองดวงตาทั้งสองนี้
ว่าจะเป็นสวรรค์อันบรมสุข…..หรือนรกอันน่าสะพรึงกลัว




การร้องไห้ของผู้ศรัทธา อาจมาจากความรู้สึกดีใจ ความรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตา ความช่วยเหลือของผู้สร้าง(อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา) หรืออาจมาจากความโศกเศร้า ความสำนึกผิดในสิ่งที่เคยกระทำผิดพลาดไป แต่ทั้งสองแนวทางนี้ ล้วนก็เป็นการร้องไห้ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ นั่นแสดงว่าหัวใจของเรายังไม่มืดบอด ยังพึงระลึกและรู้เสมอว่าทุกสิ่งที่ได้ประสบ หรือได้รับนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มาจากความประสงค์ของพระองค์ทั้งสิ้น แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ สำหรับผู้ที่ดวงตาทั้งสองของเขาไม่เคยชุ่มฉ่ำกับการรำลึกถึงอัลลอฮฺ หรือมีเพี่ยงเล็กน้อยบางครั้งเท่านั้น เพราะมันจะนำมาซึ่งหัวใจอันแข็งกระด้าง ไม่อ่อนโยน และไม่นอบน้อม หากเราพินิจถึงความกรุณาที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เราในแต่ละวันแล้ว มันช่างมากมายนัก น้ำตาอันซาบซึ้งถึงความกรุณาของพระองค์ที่เปล่งมาจากหัวใจดวงน้อยๆนี้ยังไม่อาจควรแก่ค่านั้นได้เลยจริงๆ
ยามสุญูด ยามเดิน ยามนั่งรถ ยามอยู่ลำพัง เป็นช่วงเวลาที่สงบช่วงหนึ่งที่เราสามารถรำลึกถึงความกรุณาของพระองค์ และเป็นช่วงเวลาที่ควรแก่การสำนึกในความผิดที่กระทำในแต่ละวันเช่นกัน ในวันหนึ่งๆ มนุษย์อย่างเราได้ใช้ชีวิต ใช้เวลาของพระองค์ไปอย่างไรบ้าง อาจมีทั้งสิ่งที่อยู่ในหนทาง และนอกลู่นอกทางของพระองค์ บางครั้งเราก็ไม่เคยใส่ใจในบางความผิด จนกลายเป็นความชินชาของหัวใจ อวัยวะทุกส่วนที่ประกอบกันเป็นร่างกายมนุษย์ เราใช้แต่ละส่วนทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ในวันนี้อวัยวะเหล่านี้ได้ทำตามทุกสิ่งที่ผู้ได้รับครอบครองสั่งใช้ แต่อาคิเราะฮฺแล้ว อวัยวะต่างๆเหล่านี้แหละจะคอยกล่าวรายงานผู้สร้างในทุกสิ่งที่มนุษย์เราสั่งใช้มันในโลกดุนยานี้
.
.""""""""""""""""""""""
hurunain.wordpress

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น