อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

อาหารเซ่นไหว้



เซ่นไหว้ เป็นคำสองคำที่นำมาผสมกัน คือคำว่า เซ่น+ไหว้

เซ่น เป็นคำกริยา หมายถึง เอาอาหาร หรือสิ่งอื่นใด ไปไหว้ หรือสังเหวยผีหรือเจ้า  เช่น เซ่นผี เซ่นเจ้า
ไหว้ เป็นคำกริยา หมายถึง การทำความเคารพ เช่น เซ่นเจ้าตามธรรมเนียมจีน ไหว้ผี ทำพิธีเซ่นไหว้ผี

เซ่นไหว้  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เซ่นสรวง,เซ่นสังเวย หมายถึง การบูชาเทวดา เจ้า ผีสาง หรือสิ่งที่นับถือ ด้วยเครื่องสังเวยและดอกไม้ธูปเทียน

ารทำพิธีเซ่นไหว้ของคนต่างศาสนิก

โดยการนำเครื่องเซ่นไหว้ เช่น หมูเห็ด เป็ดไก่ ไปเซ่นไหว้ที่ฮวงซุ้ย ศาลพระภูมิ เป็นต้น โดยมีความเชื่อว่า เป็นการระลึกถึงดวงวิญญาณที่เร่ร่อนไม่มีญาติ โดยมีความเชื่อว่าเมื่อเทพเจ้า บรรพบุรุษ และดวงวิญญาณเหล่านั้นได้รับการเซ่นไหว้จนอิ่มหนำสำราญแล้ว จะอวยพรให้พวกเขาอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งตนเองและครอบครัว

และได้วอนขอต่อสิ่งที่ตนไปวอนขอ อันได้แก่ กล่าวว่า เจ้าที่เจ้าทางที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดลูกช้างมาขออยู่อาศัยมาพึ่งใบบุญ หากลูกช้างทำผิดประการใดขออย่าได้ถือสาลูกช้างเลย ยกโทษให้ลูกช้างด้วยเถิดอย่าได้เบียดเบียนกันเลยหากต้องการอะไรที่ลูกช้างให้ได้ก็ขอให้มาบอกลูกช้างด้วย วันนี้ลูกช้างนำของ... ขอจงได้โปรดปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าและครอบครัวด้วย ขอให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขเจริญรุ่งเรืองอย่าได้เจ็บไข้ได้ป่วยประการได้เลย

หลังจากเซ่นไหว้แล้ว รอจนธูปหมดดอกให้ลาของเซ่นไหว้ ไปแจกผู้คน โดยขณะลาให้บอกกล่าวต่อสิ่งที่เซ่นไหว้ว่า ของที่เจ้า ผีสาง ได้ทานหมดแล้ว ลูกช้างจะลาเอาไปแจกเเพื่อให้เป็นบุญเป็นกุศลต่อไป เป็นต้น


อิสลามกับการเซ่นไหว้

อิสลามถือว่าเป็นบาปใหญ่ ในการที่มุสลิมคนใดได้เอาการเคารพภักดีต่อพระองค์อัลลอฮฺ ไปให้แก่ผู้อื่น นอกเหนืออัลลอฮฺ อย่างเช่น การกราบไหว้บูชา การเชือสัตว์พลี การเซ่นไหว้ หรือวอนขอ ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ ผีสาง เทวดา หรือหลุ่มศพบรรดาวะลีย์ หรือสิ่งหนึ่งใดที่เขาเชื่อว่าจะช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ ภัยอันตราย หรือให้เขาประสบความสำเร็จ อยู่เย็นเป็นสุขเจริญรุ่งเรือง เป็นต้น 

พรองคือัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

﴿ فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَٱنۡحَرۡ ٢ ﴾ [الكوثر: ٢]  

ความว่า "ดังนั้นเจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้า และจงเชือดสัตว์พลี(เพื่อพระองค์)"  [สูเราะฮฺ อัล-เกาษัรฺ อายะฮฺที่ 2] 


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«أَلَا أُنَبِّئُكُمْ بِأَكْبَرِ الْكَبَائِرِ (ثَلَاثًا) قَالُوا بَلَى يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ الْإِشْرَاكُ بِاللَّهِ» [البخاري ومسلم]

ความว่า “เอาไหมฉันจะบอกแก่พวกเจ้าถึงสิ่งที่เป็นบาปใหญ่ที่สุดในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย(สามครั้ง)?” เศาะหาบะฮฺตอบว่า “แน่นอน โอ้ท่านรอสูลุลลอฮฺ” ท่านได้ตอบว่า “(นั่นคือ)การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ”  [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม]
คนๆ นั้นต้องตกนรก  

«مَنْ مَاتَ وَهْوَ يَدْعُو مِنْ دُونِ اللَّهِ نِدًّا دَخَلَ النَّارَ» [البخاري]

“ผู้ใดที่เสียชีวิตในสภาพที่เขาดุอาอฺต่อสิ่งภาคีอื่นนอกจากอัลลฮฺจะตกนรก” [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ]


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«وَلَعَنَ اللَّهُ مَنْ ذَبَحَ لِغَيْرِ اللَّهِ» [مسلم]

“และอัลลอฮฺจะทรงสาปแช่งผู้ที่เชือดสัตว์เพื่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ” [บันทึกโดยมุสลิม]


จากหลักฐานข้างต้น การเซ่นไหว้  เซ่นสรวง,เซ่นสังเวย พวกผีสาง เจ้าต่างๆ ที่คนต่างศาสนิกนับถือ  เป็นการผินเอาการเคารภักดีชนิดหนึ่งชนิดใด ไปให้แก่ผู้อื่น นอกเหนือจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา ซึ่งเป็นบาปใหญ่หลวงสำหรับอิสลาม จนถึงขั้นที่ทำให้ออกนอกศาสนาและทำให้คนที่กระทำต้องตกนรกอย่างถาวรหากเขาตายในสภาพที่ทำชิริก

ดังนั้น สำหรับ อาหาร เครื่องดื่ม ที่คนต่างาสนิกนำไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ภูตผี เทวดา ที่เขาเชื่อกัน จึงเป็นที่ต้องห้าม(หะรอม)สำหรับมุสลิมที่จะรับประทานมัน ถึงแม้ว่าสัตว์เซ่นไหว้นั้นมุสลิมเป็นผู้เชือดก็ตาม
รายงานจากท่านษาบิต บุตรของเฎาะฮากเล่าว่า 
ชายผู้หนึ่งบนบาน (นะซัร) ว่าจะเชือดอูฐหนึ่งตัว ณ บริเวณ (ที่เรียกว่า) บุวานะฮ, ท่านรสูลุลลอฮจึงถามเขาว่า ณ สถานที่แห่งนั้นเคยมีรูปเจว็ดหนึ่งจากบรรดารูปเจว็ดที่เคยถูกเคารพภักดีในสมัยญาฮิลียะฮ์ (หมายถึงสมัยก่อนที่ท่านรสูลถูกแต่งตั้งให้เป็นนบี) หรือไม่ ? บรรดาเศาะหาบะฮ์ตอบว่า ไม่เคยมีการกระเช่นนั้นครับ, ท่านรสูลถามต่ออีกว่า สถานที่แห่งนั้นเคยมีการจัดงานวันรื่นเริงของพวกเขาหรือไม่ ? บรรดาเศาะหาบะฮ์ก็ตอบว่า ไม่เคยมีการกระทำกันครับ, ท่านรสูลจึงกล่าวขึ้นว่า เช่นนั้นท่านจงทำให้สิ่งที่ท่านบนบานให้ครบถ้วนสมบูรณ์เถิด แท้จริงไม่มีการทำการบนบานครบถ้วนสมบูรณ์ในเรื่องของการฝ่าฝืนพระองค์อัลลอฮ์ “ (บันทึกโดยอะหมัด,อบูดาวูด และอิบนุมาญะฮ์) 

จากหะดิษข้างต้น คณะกรรมการถาวรเพื่อวินิจฉัยความรู้และการฟัตวาของประเทศซาอุดิอาระเบีย (เล่ม 1 หน้า 194) อธิบายว่า 
“ ห้ามการเชือดสัตว์ยังสถานที่ซึ่งนามอื่นจากนามของอัลลอฮ์ถูกกล่าวยังสถานที่แห่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เคยมีรูปเจว็ด, สุสาน หรือสถานที่ซึ่งกลุ่มชนในยุคญาฮิลียะฮ์เคยเฉลิมฉลองวันรื่นเริงของพวกเขา แม้ว่าการเชือดยังสถานที่ดังกล่าวจะมีเป้าหมายว่าเชือดเพื่อพระองค์อัลลอฮ์ก็ตาม “ 

 แม้ว่าสถานที่ใดซึ่งเคยถูกกราบไหว้ หรือเซ่นไหว้เจ้าอื่น ท่านรสูลยังไม่อนุญาตให้มุสลิมเชือดสัตว์ยังสถานที่แห่งนั้นเลย นับประสาอะไรกับการที่นำสัตว์ ขนม หรือผลไม้ที่ผ่านการเซ่นไหว้, กราบไหว้ หรือพิธีกรรมของเจ้าองค์อื่นๆ ศาสนาจะอนุญาตให้รับประทาน

والله أعلم بالصواب




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น