อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

อิมามที่ระบุในอัลกุรอานที่เหล่าชีอะฮ์อ้าง


ต่อไปนี้จะสำรวจตรวจสอบแนวความคิดว่าด้วยอิมามมะฮฺของรอฟีเฎาะฮฺชีอะฮฺอิมามสิบสอง ตามที่ปรากฏในอัลกุรอาน ตรวจสอบดูว่าอัลกุรอานมีหลักฐานสนับสนุนลัทธิอิมามะฮฺตามสาสนสาสตร์ชีอะฮฺกำหนดเอาไว้หรือไม่

คำว่า "อิมาม" ปรากฏอยู่ 7 แห่งในอัลกุรอาน ขณะที่พหูพจน์ของคำนี้ปรากฏอยู่ 5 แห่ง

1. ในจำนวนนี้มี 3 แห่งที่ใช้ในความหมายของคัมภีร์อย่างชัดเจน คือ


أَفَمَن كَانَ عَلَىٰ بَيِّنَةٍ مِّن رَّبِّهِ وَيَتْلُوهُ شَاهِدٌ مِّنْهُ وَمِن قَبْلِهِ كِتَابُ مُوسَىٰ إِمَامًا وَرَحْمَةً أُولَٰئِكَ يُؤْمِنُونَ بِهِ وَمَن يَكْفُرْ بِهِ مِنَ الْأَحْزَابِ فَالنَّارُ مَوْعِدُهُ فَلَا تَكُ فِي مِرْيَةٍ مِّنْهُ إِنَّهُ الْحَقُّ مِن رَّبِّكَ وَلَٰكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لَا يُؤْمِنُونَ ( 17 )

"ดังนั้น ผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขา และผู้เป็นพยานจากพระองค์จะสาธยายมัน และก่อนนั้นมีคัมภีร์ของมูซาเป็นอิมาม(แนวทาง)และเป็นเมตตา ชนเหล่านั้นศรัทธาต่อมันและผู้ใดจากพรรคต่าง ๆ ปฏิเสธศรัทธาต่อมันไฟนรกคือสัญญาของเขา ดังนั้นเจ้าอย่าได้อยู่ในการสงสัยมันเลย แท้จริงมันเป็นสัจธรรมจากพระเจ้าของเจ้า แต่ทว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ศรัทธา" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์ฮูด 11:17)


وَمِن قَبْلِهِ كِتَابُ مُوسَىٰ إِمَامًا وَرَحْمَةً وَهَٰذَا كِتَابٌ مُّصَدِّقٌ لِّسَانًا عَرَبِيًّا لِّيُنذِرَ الَّذِينَ ظَلَمُوا وَبُشْرَىٰ لِلْمُحْسِنِينَ ( 12 ) อัล-อะห์กอฟ - Ayaa 12

"และก่อนหน้านี้ (อัลกุรอาน) มีคัมภีร์ของมูซาเป็นอิมามัน (แบบอย่าง) และความเมตตา และนี่อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่ยืนยันเป็นภาษาอาหรับเพื่อตักเตือนบรรดาผู้กระทำความผิด และเป็นข่าวดีสำหรับผู้กระทำความดี" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-อะฮฺกอฟ 46:12)

إِنَّا نَحْنُ نُحْيِي الْمَوْتَىٰ وَنَكْتُبُ مَا قَدَّمُوا وَآثَارَهُمْ وَكُلَّ شَيْءٍ أَحْصَيْنَاهُ فِي إِمَامٍ مُّبِينٍ ( 12 )

"แท้จริงเราเป็นผู้ให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้น และเราบันทึกสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้แต่ก่อน และร่องรอยของพวกเขาและทุกสิ่งนั้น เราได้รวบรวมไว้อย่างครบถ้วนในอิมามิม(บันทึก)อันชัดแจ้ง" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์ยาซีน 36:12)

2. ในอีก 2 แห่ง คำว่า "อิมาม" ถูกใช้ในความหมายของ "ผู้เก่งกล้าที่สุด"

 ”
وَإِن نَّكَثُوا أَيْمَانَهُم مِّن بَعْدِ عَهْدِهِمْ وَطَعَنُوا فِي دِينِكُمْ فَقَاتِلُوا أَئِمَّةَ الْكُفْرِ إِنَّهُمْ لَا أَيْمَانَ لَهُمْ لَعَلَّهُمْ يَنتَهُونَ ( 12 )

“และถ้าหากพวกเขาทำลายคำมั่นสัญญาของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาได้ทำสัญญา ไว้ และใส่ร้ายในศาสนา ของพวกเจ้าแล้วไซร้ ก็จงต่อสู้กับ "อะอิมมะฮฺ" (บรรดาผู้นำ)แห่งการปฏิเสธศรัทธา เถิด แท้จริงพวกเขานั้นหาได้มีคำมั่นสัญญาใด ๆ แก่พวกเขาไม่เพื่อว่าพวกเขาจะหยุดยั้ง” (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัต-เตาบะฮฺ  9:12)

وجعلناهمأئمةيدعونإلىالنارويومالقيامةلاينصرون (41)

"และเราได้ทำให้พวกเขาเป็น"อะอิมมะฮฺ" (หัวหน้า)เรียกร้องไปสู่นรกญะฮันนัมและในวันกิยามะฮ์พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ” (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัต-เตาบะฮฺ  28:41)

3. มีหนึ่งแห่งที่หมายถึง "ถนน" อย่างชัดเจน

فَانتَقَمْنَا مِنْهُمْ وَإِنَّهُمَا لَبِإِمَامٍ مُّبِينٍ ( 79 )

"ดังนั้นเราได้ลงโทษพวกเขา(ประชาชาติในยุคนบีคนก่อนๆ) และแท้จริงทั้งสองพวก อยู่บน"อิมามมิม" (เส้นทาง)ที่ชัดแจ้งอย่างแน่นอน (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-หิจรฺ  15:79)

4. ในอีก 6 แห่งที่เหลือ คำนี้ถูกนำไปใช้ในความหมาย "ผู้นำ" ตรงตามอักษร

)
قُلْنَا يَا نَارُ كُونِي بَرْدًا وَسَلَامًا عَلَىٰ إِبْرَاهِيمَ ( 69 )

เรา (อัลลอฮ์) กล่าวว่า “ไฟเอ๋ย ! จงเย็นลง และให้ความปลอดภัยแก่อิบรอฮีมเถิด”

وَأَرَادُوا بِهِ كَيْدًا فَجَعَلْنَاهُمُ الْأَخْسَرِينَ ( 70 )

และพวกเขาปราถนาที่จะวางแผนร้ายแก่เขา แต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียมากยิ่งกว่า

وَنَجَّيْنَاهُ وَلُوطًا إِلَى الْأَرْضِ الَّتِي بَارَكْنَا فِيهَا لِلْعَالَمِينَ ( 71 )

และเราได้ให้เขา (อิบรอฮีม) และลูฏ (หลายชาย-ลูกของพี่ชาย) รอดพ้นไปสู่แผ่นดินซึ่งเราได้ให้มีความจำเริญอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนั้นแก่บรรดาชาติต่าง ๆ

وَوَهَبْنَا لَهُ إِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ نَافِلَةً وَكُلًّا جَعَلْنَا صَالِحِينَ ( 72 )

และเราได้ให้บุตรชื่ออิสฮากแก่เขา และยะอ์กูบ (หลาน) เป็นการเพิ่มพูน และทั้งหมดนั้นเราได้ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม

وَجَعَلْنَاهُمْ أَئِمَّةً يَهْدُونَ بِأَمْرِنَا وَأَوْحَيْنَا إِلَيْهِمْ فِعْلَ الْخَيْرَاتِ وَإِقَامَ الصَّلَاةِ وَإِيتَاءَ الزَّكَاةِ وَكَانُوا لَنَا عَابِدِينَ ( 73 )

และเราได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็น"อะอิมมะฮฺ"(ผู้นำ)เพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องโดยคำสั่งของเรา และเราได้วะฮีแก่พวกเขาให้ปฏิบัติความดี และธำรงการละหมาด แล้วบริจาคทานซะกาต และพวกเขาก็เป็นผู้เคารพภักดีต่อเราเท่านั้น (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-อัมบิยาอฺ 21:69-73)


ولقدآتيناموسىالكتابفلاتكنفيمريةمنلقائهوجعلناههدىلبنيإسرائيل (23) 

ดังนั้นเจ้าในการสงสัยต่อการพบมันและเราได้ทำให้มัน (คัมภีร์ฮฺอัตเรารอ) และโดยแน่นอนเราได้ให้คัมภีร์แก่มูซา (มุฮัมมัด) อย่าอยู่

وجعلنامنهمأئمةيهدونبأمرنالماصبرواوكانوابآياتنايوقنون (24) 

และเราได้จัดให้มี"อะอิมะตัน"(หัวหน้า)จากพวกเขา (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัซ-ซัจญดะฮฺ  32:23-24)


وَنُرِيدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِثِينَ ( 5 )  

และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขา(ลูกหของอิสรอเอล)เป็น"อะอิมมะตัน"(หัวหน้า) และทำให้พวกเขาเป็นผู้รับมรดา (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-เกาะศ็อศ  28:5)

5. ยังเหลือคำว่า "อิมาม" ปรากฏอีก 3 แห่ง ในอัลกุรอาน
ในสภาวะผู้นำผู้ยำเกรง

وَالَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا ( 74 )  
และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์โปรดประทานแก่เรา ซึ่งคู่ครองของเราและลูกหลานของเรา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา และทรงทำให้เราเป็น"อิมามัน"(แบบอย่าง)แก่บรรดาผู้ยำเกรง” (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-ฟุรกอน  25:74)

ในวันแห่งการพิพากษา

يَوْمَ نَدْعُو كُلَّ أُنَاسٍ بِإِمَامِهِمْ فَمَنْ أُوتِيَ كِتَابَهُ بِيَمِينِهِ فَأُولَٰئِكَ يَقْرَءُونَ كِتَابَهُمْ وَلَا يُظْلَمُونَ فَتِيلًا ( 71 )  

วันที่เราจะเรียกร้องมหาชนทั้งหลาย พร้อมด้วย"อิมาม"(บันทึก)ของพวกเขา ดังนั้นผู้ใดที่บันทึกของเขาถูกยื่นให้ทางขวาของเขา เขาเหล่านั้นก็จะได้อ่านบันทึกของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อย (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-อิสรออฺ  17:71)


เราได้พบคำว่า "อิมาม"  และอิมามะฮฺ ทีมีอยูในอัลกุรอานไปหมดทุกที่และทุกแห่งแล้ว พบว่า อัลลอฮฺตะอาลา ได้ทรงใช้คำนี้ในหลายๆลักษณะ ด้วยกันคือ
-คัมภีร์หรือบัน

-ผู้เก่งกล้าที่สุดของกุฟรฺ

-ถนน

-ผู่นำของอิสรออีล

-ผู้นำของผู้ยำเกรง

-นบี หรือบันทึกการกระทำ

ความพยายามใดๆของชีอะฮฺรอฟีเฎาะฮฺที่จะบ่งบอกว่าความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺที่มีลักษณะเฉพาะของพวกเขาเป็นอิมามะฮฺของอัลกุรอานนั้น ช่างเป็นเรื่องที่เข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ที่ใกล้เคียงที่สุดที่พวกเขาทำได้นั้นได้แก้การเปรียบเทียบความคล้ายคลึงกันระหว่างอิมามมะฮฺของพวกเขากับผู้นำของบนีอิสรออีล  อย่างไรก้ตาม ความคล้ายคลึงดังกล่าวจะหมาดความหมายไปในทันที่ทันใด ภาวะผู้นำของบนีอิสรออีลนั้น อัลกุรอานระบุไว้อย่างชัดเจน ไม่ได้บ่งบอกสนับสนุนใดบอกว่าภาวะผุ้นำของบนีอิสรอเอลได้แก่นธรรมทั่วไป นอกจากมีอัมบิยาเท่านั้น


والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น