อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

อย่ารอวันพรุ่งนี้



ผู้ศรัทธาจะต้องตระหนักไว้เสมอ ถึงความจริงที่ว่า เขากำลังอยู่ในร่มเงาแห่งความตาย ความตายจะประสบแก่เราได้ทุกขณะจิต เมื่อใจเขาตระหนักอย่างชัดเจน ถึงเรื่องนี้ เขาก็เตรียมพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ หนทางเดียวที่จะเตรียมพร้อมรับความตายก็คือ การทำความดี และละทิ้งการทำความชั่ว

บุคคลเช่นนี้ ความพึงพอใจในโลกนี้ จะไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจเขาได้ ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า “จงรำลึกถึง สิ่งที่ทำลายความเอร็ดอร่อย พึงพอใจทั้งหลาย – คือความตาย – ให้มากๆ แท้จริงไม่มีใครคิดถึงมันเลย ในช่วงเวลาอันคับแคบในชีวิตของเขา นอกเสียจากว่า การรำลึกถึงความตายนั้น จะทำให้ชีวิตของเขา กว้างขวาง สะดวกสบาย และไม่มีใครคิดถึงมันเลย ในช่วงเวลาอันสุขสบาย นอกจากมันจะทำให้ชีวิต คับแคบแก่เขา” (บันทึกโดย อัล-บัยฮะกียฺ ใน“ชุอับ อัล-อีมาน” ,ท่านอิบนิหิบบาน และท่านอัล-บัซซารฺ ในหนังสือ “ศ่อหี๊ยฺหฺ อัล-ญามิอฺ” ของท่านอัล-อัลบานียฺ เล่ม 1 หน้า 264 ระบุว่าเป็นหะดีษหะสัน) หมาย ความว่า ใครที่รู้สึกผิดหวัง และเสียใจที่ไม่ได้รับความสุขสบาย ในโลกนี้ การรำลึกถึงความตาย

จะทำให้เขาตระหนักว่า จริงๆแล้ว ในโลกนี้ ไม่มีความสุขสบาย หรือความเพลิดเพลิน ที่แท้จริง เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ชีวิตของเขา ก็จะไม่รู้สึกยากลำบากอะไรเลย ส่วนในช่วงเวลาอันสุขสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวก เมื่อเขารำลึกถึงความตาย ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่มีความหมายอะไร สำหรับเขา เขาจะสลัดทิ้งทุกสิ่ทุกอย่าง ของโลกนี้ เขาจะตระหนักว่า ความศรัทธา และการกระทำดีเท่านั้น เป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง

ท่านอิบนิ อุมัรฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้กล่าวไว้ว่า“.....เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ถึงตอนเย็น จงอย่าคิดว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ไป
ถึงตอนเช้า.....” บุคอรียฺ (บางตอนจากหะดีษที่ 40 ของ “40 หะดีษ นะวะวียฺ” )

หนึ่ง ในบรรดาโรคที่เกาะกุมมนุษยชาติ และทำให้พวกเขาไม่สนใจใยดี ต่อโลกหน้า ก็คือ ความคิด และการกระทำที่ว่า โลกนี้ และชีวิตนี้ เป็นโลก และชีวิต อันแท้จริง พวกเขากระทำประหนึ่งว่า ชีวิตของพวกเขา จะยืนยาวตลอดไป ไม่มีวันตาย พวกเขากระทำราวกับว่า โลกนี้เป็นสถานที่อันมั่นคงถาวร
ของพวกเขา ไม่มีสถานที่อื่นใดอีกแล้ว นอกจากโลกนี้เท่านั้น การกระทำต่างๆ ของพวกเขา ก็จะเป็นการกระทำ เพื่อโลกนี้ มากกว่าโลกหน้า

หนึ่งในบรรดาวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ในการเอาชนะโรคร้ายนี้ ก็คือถ้อยคำของท่านอิบนิ อุมัรฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ที่ได้กล่าวไว้ว่า“.....เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ถึงตอนเย็น จงอย่าคิดว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ไป
ถึงตอนเช้า เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ถึงตอนเช้า จงอย่าคิดว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ไป
ถึงตอนเย็น .....” เราควรตระหนักให้มากๆ ว่า ความตาย คือการสิ้นสุดการเดินทางของชีวิต เราจะต้องประสบอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แทนที่จะเป็นทำงาน เพื่อความหวังอันยาวไกล ในโลกนี้ เราควรจะระลึกว่า ทุก ๆ ขณะ ของการเดินทางของชีวิตนี้ อาจจะถึงจุดจบเมื่อไรก็ได้ ทุกเมื่อ มันไม่มีประโยชน์อันใด สำหรับเขาที่จะฝันถึงเป้าหมาย ในอนาคตของโลกนี้ หวังและดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น เมื่อเขาทำเช่นนั้น เขาก็จะไม่ทำการงาน ที่จะเป็นประโยชน์ แก่เขาในโลกหน้า มันไม่เข้ากับปัญญาเลย ที่จะลงแรงทำ เพื่อความหวัง และความใฝ่ฝันของชีวิตในโลกนี้ ซึ่งเป็นโลกที่ชั่วคราวไม่จีรังยั่งยืน แต่กลับละทิ้งการงาน เพื่อโลกหน้า ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นโลกที่ถาวรกว่า

มีหะดีษหนึ่ง ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม ได้แสดงให้เห็น โดยการขีดเส้นให้ดู ซึ่งบอกให้รู้ถึงความแท้จริงของ
ชีวิตนี้ และความใฝ่ฝันของมนุษย์ ท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้รายงานว่า ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ลากเส้นให้ดูหลายเส้น แล้วท่านก็ชี้ที่เส้นเหล่านั้น ท่านกล่าวว่า“นี่คือมนุษย์ นี่คือความฝันทั้งหลายของเขา และนี่คือเวลาที่ถูกกำหนดไว้ เมื่อเขาเป็นเช่นนี้ (คือมุ่งหน้าไปยังความฝันต่างๆของเขา )เขาก็จะพบกับเส้นจุดจบของชีวิต” อัล-บุคอรียฺ

การแสดงง่ายๆ เช่นนี้ ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมาก ถึง ความแท้จริงของความใฝ่ฝัน และความปรารถนาของชีวิต ในโลกนี้ ท่านได้แสดงให้เห็นว่า ถ้าผู้ใดฝังแน่นอยู่กับความฝันเหล่านั้น เขาก็จะผิดหวังอย่างมากจริงๆ

เมื่อใครมีชีวิตอยู่โดยรำลึกถึงความตาย เขาก็จะไม่ละทิ้งการกระทำดีต่างๆ ตั้งแต่ตอนเช้า จนกระทั่งเย็น หรือจะไม่ละทิ้งการกระทำดีต่างๆ ตั้งแต่ตอนเย็น จนกระทั่งเช้า เขาจะกระทำความดีทันที ที่เขาสามารถทำได้ เนื่องจากเขาตระหนักดีว่า ถ้าเขาไม่รีบทำทันที เขาอาจจะไม่มีโอกาส ได้ทำความดีเหล่านั้นอีกเลย เขาจะใช้โอกาสทุกขณะ ในการทำความดี ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาอาจจะถึงเวลา ที่ไม่สามารถจะทำความดีเหล่านั้นได้อีกเลย ทั้งๆ ที่เขายังมีโอกาส เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งจริงๆ ที่เขาไม่ชิงความได้เปรียบ ในการทำความดี ทั้งๆ ที่ยังมีโอกาสอยู่ เพราะเขารู้สึกว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ยาวนาน พอที่จะพบกับเป้าหมายของเขา
ในโลกนี้ การทำความดี จึงเอาไว้ทำทีหลัง

ความคิดเกี่ยวกับการควบคุม และลดทอนความหวังทั้งหลาย ในโลกนี้ แล้วให้กระทำการงาน เพื่อความแน่นอนของชีวิต อันถาวรในโลกหน้า เป็นที่เข้าใจกันอย่างดี ในบรรดามุสลิมในยุคแรกๆ ท่านอิบนิ ร่อญับ ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้รายงานมากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จะขอยกมาบางตัวอย่างจาก การอธิบายหะดีษที่ 40 ของอิมามนะวะวียฺ (บางตอนในหนังสือของท่านอิบนิ ร่อญับ ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ชื่อ“ญามิอฺ อัล-อุลูม วัล-หิกัม” เล่ม 2 หน้า 384-387) ว่า : ท่านอัล-มัรฺวูซียฺ ได้ถามท่านอิมามอะหฺมัดว่า “อะไรคือซุฮฺดฺ (การแยกตัวออก) ในโลกนี้ ?” ท่านได้ตอบว่า “การที่ผู้ใดขจัความหวัง และความฝันใดๆ ของเขา ออกไป เมื่ออยู่ในตอนเช้า เขาจะกล่าวว่า ‘ฉันไม่คาดหวังว่า จะมีชีวิตอยู่ถึงตอนเย็น’ ”

والله أعلم بالصواب
.............................
สุวัฒน์ อิสมาแอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น