อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ 11 ร็อกอะฮ์นั้น เป็นการปฏิบัติตามแบบอย่างท่านนบีและบรรดาเศาะหาบะฮ์



การละหมาดตะรอเวียะห์ของมุสลิมที่กระทำกัน 11 ร็อกอะฮ์ ปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันตามใจอารมณ์ หรือตามนึกคิดของตน แต่มันมีหลักฐานรองรับในการกระทำของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะซัลลัม และบรรดาเศาะหาบะฮฺ แต่สาเหตุที่ไม่พบเจอให้ปฏิบัติกัน เนื่องจากมีการปฏิบัติ 20 ร็อกอะฮ์ตลอดมา จนเข้าใจว่าท่านนบี หรือเศาะหาบะฮฺทำการละหมาดตะรอเวียะห์ 20 ร็อกอะฮ์นั้น
หลักฐาน "คำสั่ง" ท่านอุมัรฺให้ประชาชนนมาซตะรอเวี๊ยะห์ 11 ร็อกอะฮ์
ท่านอิหม่ามมาลิก ได้บันทึกในหนังสือ “อัล-มุวัฎเฎาะอ์” เล่มที่ 1 หน้า 105 หรือหะดีษที่ 249, โดยรายงานมาจากท่านมุหัมมัด บินยูซุฟ ซึ่งรายงานมาจากน้าชายของท่านคือท่านอัซ-ซาอิบ บินยะซีด ร.ฎ.ว่า ...

أَمَرَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ أُبَّىَ بْنَ كَعْبٍ وَتَمِيمًا الدَّارِىَّ أَنْ يَقُوْمَا لِلنَّاسِ بِإِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً

“ท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบได้ใช้ท่านอุบัยย์ บินกะอฺบ์ และท่านตะมีม อัด-ดารีย์ให้ทั้งสองนำนมาซ (ตะรอเวี๊ยะห์)แก่ประชาชน 11 ร็อกอะฮ์”
สายรายงานของหะดีษบทนี้ ถูกต้อง

2 ท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ได้บันทึกหะดีษ โดยสืบสายรายงานไปถึงท่านยะห์ยา บินสะอีด อัล-ก็อฏฏอน, จากท่านมุหัมมัด บินยูซุฟ, จากท่านอัซ-ซาอิบ บินยะซีดซึ่งกล่าวว่า ...

إِنَّ عُمَرَ جَمَعَ النَّاسَ عَلَى اُبَىٍّ وَتَمِيْمٍ فَكَانَا يُصَلِّيَانِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً .........

"แท้จริง ท่านอุมัรฺ ได้รวมประชาชนให้นมาซตามท่านอุบัยย์ บิน กะอฺบ์และท่านตะมีม แล้วทั้งสองท่านนั้นก็ละหมาด 11 ร็อกอะฮ์ ........................."
สายรายงานนี้ ถูกต้องเช่นเดียวกัน ...
(จากหนังสือ "อัล-มุศ็อนนัฟ" ของท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ เล่มที่ 2 หน้า 248)

3. ท่านอัส-สะยูฎีย์ได้บันทึกในหนังสือ “อัล-มะศอเบี๊ยะห์ ฟี ศ่อลาติตตะรอเวี๊ยะฮ์” (เล่มที่ 1 หน้า 542 จากหนังสือ “อัล- หาวีย์ ลิ้ลฟะตาวีย์”) ว่า ...

وَقَالَ الْجُوْرِىُّ _ مِنْ أَصْحَابِنَا _ عَنْ مَالِكٍ أَنَّهُ قَالَ : اَلَّذِىْ جَمَعَ عَلَيْهِ النَّاسَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ أَحَبُّ إِلَىَّ، وَهِىَ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً! وَهِىَ صَلاَةُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، قِيْلَ لَهُ : إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً مَعَ الْوِتْرِ؟ قَالَ : نَعَمْ، وَثَلاَثَ عَشْرَةَ قَرِيْبٌ، قَالَ : وَلاَ أَدْرِىْ مِنْ أَيْنَ أُحْدِثَ هَذَاالرُّكُوْعُ الْكَثِيْرُ؟ ...

ท่านอัล-ญูรีย์ซึ่งเป็นนักวิชาการมัษฮับของเราท่านหนึ่งกล่าวรายงานมาจากท่านอิหม่ามมาลิกว่า .. “สิ่งซึ่งท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร.ฎ.ได้ให้ประชาชนกระทำร่วมกันเป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุด นั่นคือ 11 ร็อกอะฮ์! และนั่นก็เป็นนมาซของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีบางคนกล่าวถามท่านว่า .. 11 ร็อกอะฮ์พร้อมกับวิตรี่ด้วยใช่ไหม? .. ท่านตอบว่า ใช่, และ 13 ร็อกอะฮ์ก็ใกล้เคียงกัน, (ท่านอิหม่ามมาลิกกล่าวต่อไปว่า) .. “ฉันไม่รู้เลยว่า จำนวนร็อกอะฮ์อันมากมายเหล่านี้ มันมาจากไหน ?” ...

4. ท่านสะอีด บินมันศูรฺ ได้บันทึกในหนังสือ “อัล-มุศ็อนนัฟ” โดยรายงานจากท่านมุหัมมัด บินยูซุฟ, จากท่านอัซ-ซาอิบ บินยะซีด ร.ฎ. ว่า ...
كُنَّا نَقُوْمُ فِىْ زَمَنِ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ بِإِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً
“พวกเราทำนมาซ(ตะรอเวี๊ยะห์) กันในสมัยของท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร.ฎ. 11 ร็อกอะฮ์” ...
(จากหนังสือ “ตุ๊ห์ฟะตุ้ล อะห์วะซีย์” เล่มที่ 3 หน้า 530)

จากหลังฐานข้างต้น พอเป็นที่ยืนยันได้ว่าผู้ปฏิบัติละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ 11 ร็อกอะฮ์ นั้น เป็นการฟื้นฟู ปฏิบัติตามแบบอย่างตามที่ท่านนบีและบรรดาเศาะหาบะฮฺได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างเอาไว้นั้นเอง
สำหรับการละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ 20 ร็อกอะฮ์ นั้นได้มีการปฏิบัติขึ้นภายหลัง ที่ยังอยู่ในยุคของบรรดาเศาะหาบะฮ์ แต่อาจเกิดขึ้นหลังท่านท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังคำกล่าวของท่านอิหม่ามมาลิก บินอนัส (มีชีวิตระหว่างปี ฮ.ศ. 93-179)ที่ว่า “ฉันไม่รู้เลยว่า จำนวนร็อกอะฮ์อันมากมายเหล่านี้ (20 ร็อกะฮ์ และ39 ร็อกอะฮ์) มันมาจากไหน ?” นั้นหมายความว่า จำนวนร็อกของละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ 20 ร็อกอะฮ์นั้นได้ปฏิบัติกันมาก่อนที่ท่านอิหม่ามมาลิกเกิด แต่ก่อนที่มีการปฏิบัติ 20 ร็อกอะฮ์ ได้มีการปฏิบัติ 11 ร็อกอะฮ์มาก่อน ตามแบบอย่างของท่านนบี และจากคำพูดพูดของอุลามาอ์ท่านอื่นๆ ที่ยืนยันว่าการละหมาดตะรอเวียะฮ์ 20 ร็อก ได้เกิดขึ้นหลังที่มีการปฏิบัติ 11 ร็อกอ์ กล่าวคือ

ท่านอัซ-ซุบกีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ชัรฺหุ มินฮาจญ์” ว่า ...

وَرَأَيْتُ فِىْ كِتَابِ سَعِيْدِ بْنِ مَنْصُوْرٍ آثَارًا فِىْ صَلاَةِ عِشْرِيْنَ رَكْعَةً، وَسِتٍّ وَثَلاَثِيْنَ رَكْعَةً، لَكِنَّهَا بَعْدَ زَمَانِ عُمَرَ بْنِ الخْطَاَّب ِ...

“ฉันได้เห็นร่องรอย(คือรายงาน)ต่างๆมากมาย ในตำราของท่านสะอีด บินมันศูรฺ เรื่อง(การนมาซตะรอเวี๊ยะห์) 20 ร็อกอะฮ์ และ 36 ร็อกอะฮ์, แต่ทว่า ร่องรอยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ เกิดขึ้น "หลัง" จากยุคของท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร.ฎ.แล้ว” ...
(จากหนังสือ “อัล-มะศอเบี๊ยะห์ ฟีศ่อลาติตตะรอเวี๊ยะห์” ของท่านอัส-สะยูฏีย์ เล่มที่ 1 หน้า 543) ..

ท่านอิบนุอบีย์อัด-ดุนยา ได้บันทึกไว้เช่นกันในหนังสือ “ฟะฎออิลุ รอมะฎอน” จากท่านฮุชัยม์ บินบะชีรฺ .. โดยสืบสายรายงานถึงท่านอะฏออ์ บินอบีย์รอบาห์ (สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 114), .. และท่านยูนุส บินอุบัยด์ บินดีนารฺ (สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 139) ว่า ท่านทั้งสองเคยเห็นเศาะหาบะฮ์ (และตาบิอีน) นมาซ(ตะรอเวี๊ยะห์) กันในเดือนรอมะฎอน 20 ร็อกอะฮ์ อาจเป็นเพราะต้องการแก้ไขปัญหา "ยืนนาน - อ่านยาว" ของอิหม่ามสมัยนั้นที่สร้างความเหนื่อยล้าให้กับมะอฺมูม ...
(ดูข้อมูลจากหนังสือ "ฟัตหุ้ลบารีย์" เล่มที่ 4 หน้า 253, หนังสือ "มัจญมุอฺ ฟะตาวีย์" ของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ เล่มที่ 23 หน้า 113, หนังสือ "อัลหาวีย์ ลิ้ลฟะตาวีย์" ของท่านอัส-สะยูฏีย์ เล่มที่ 1 หน้า 543 เป็นต้น)

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า ...
وَأُبَىُّ بْنُ كَعْبٍ لَمَّا أَقَامَ بِهِمْ وَهُمْ جَمَاعَةٌ وَاحِدَةٌ لَمْ يُمْكِنْ أَنْ يُطِيْلَ بِهِمُ الْقِيَامَ، فَكَثَّرُوْاالرَّكَعَاتِ لِيَكُوْنَ ذَلِكَ عِوَضًا عَنْ طُوْلِ الْقِيَامِ، .................فَإِنَّهُ كَانَ يَقُوْمُ بِاللَّيْلِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً أَوْ ثَلاَثَ عَشْرَةَ رَكْعَةً، ثُمَّ بَعْدَ ذَلِكَ كَانَ النَّاسُ بِالْمَدِيْنَةِ ضَعُفُوْا عَنْ طُوْلِ الْقِيَامِ، فَكَثَّرُوْاالرَّكَعَاتِ، حَتىَّ بَلَغَتْ تِسْعًا وَثَلاَثِيْنَ ...
“และท่านอุบัยย์ บินกะอฺบ์นั้น เมื่อท่านนำพวกเขานมาซ(ตะรอเวี๊ยะห์)เป็นญะมาอะฮ์เดียว ท่านก็ไม่อาจนำพวกเขายืนนมาซนานๆได้ พวกเขาจึงเพิ่มจำนวนร็อกอะฮ์ให้มากขึ้นเพื่อเป็นการทดแทนจากการยืนนานๆ, .................. เนื่องจากท่านอุบัยย์เคยยืนนมาซยามค่ำคืนเพียง 11 ร็อกอะฮ์หรือ 13 ร็อกอะฮ์ หลังจากนั้น(คือหลังจากเคยเพิ่มจาก 11 ร็อกอะฮ์เป็น 23 ร็อกอะฮ์แล้ว) ชาวเมืองมะดีนะฮ์ยังรู้สึกอ่อนล้าจากการยืนนมาซนานๆ พวกเขาจึงเพิ่มร็อกอะฮ์ให้มากขึ้นอีกจนถึง 39 ร็อกอะฮ์” ...
(จากหนังสือ “มัจญมูอุ้ลฟะตาวีย์” ของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ เล่มที่ 23 หน้า 113)

จากการที่ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ออกมานำเศาะหาบะฮ์ของท่านนมาซตะรอเวี๊ยะห์ 3 คืนนั้น มีรายงานที่ถูกต้องว่า ..
ในคืนแรก ท่านจะนำนมาซเสร็จประมาณ 1 ใน 3 ของกลางคืน คือเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม
คืนที่สอง ท่านจะนำพวกเขานมาซจนถึงครึ่งคืนหรือเที่ยงคืน ...
คืนที่สาม ท่านจะนำนมาซจนเกือบถึงเวลานมาซซุบฮี่ ...
รายงานดังกล่าวนี้แสดงว่า ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ผ่อนผันให้อุมมะฮ์ของท่านเลือกทำนมาซตะรอเวี๊ยะห์ได้ตามความเหมาะสมและความสามารถของพวกเขา คือใช้เวลาน้อย, ใช้เวลาปานกลาง และใช้เวลานานมาก ...
แต่ไม่ว่าใครจะเลือกเอาเวลาน้อย, เวลาปานกลาง หรือเวลานานมาก ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามซุนนะฮ์ทั้งสิ้น ...

ดังนั้น ผู้ที่กลับไปละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ 11 ร็อกอะฮ์นั้น ก็เพื่อเป็นการปฏิบัติตาม "ซุนนะฮ์” ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และปฏิบัติตาม "คำสั่ง" ของท่านอุมัรฺ อิบนุ้ลค็อฏฏอบ ร.ฎ. นั้นเอง มิได้เป็นการทำบิดอะฮ์ หรือคิดขึ้นมาตามใจอารมณ์แต่อย่างใด

ดังคำพูดของท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"และทางนำที่ "ดีเลิศ" ที่สุด ก็คือทางนำของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม"
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกลับไปละหมาดตะรอเว๊ยะห์ 11 ร็อกอะฮ์ อันเป็นทางนำที่ "ดีเลิศ" ที่สุด ก็คือทางนำของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่พวกเขาไม่ได้บอกว่า 20 ร็อกอะฮ์ทำไม่ได้ แต่ที่ประเสริฐสำหรับพวกเขานั้นคือ 11 ร็อกอะฮ์ ตามแบบอย่างของท่านนบี และบรรดาเศาะหาบะฮ์นั้นเอง

วัลลอฮุอะลัม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น