อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การสัมผัสเพศตรงข้ามไม่ทำให้เสียน้ำละหมาดรวมทั้งสามีภริยา



การสัมผัสเพศตรงข้ามไม่ทำให้เสียน้ำนมาซในทุกๆ สภาพ ไม่ว่าภายหลังการสัมผัสนั้นจะมีความรู้สึกทางเพศหรือไม่มีความรู้สึกทางเพศก็ตาม เพราะไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการกระทำดังกล่าวทำให้เสียน้ำนมาซนั่นเอง โปรดอย่าลืมว่าเมื่อสามีต้องอยู่ร่วมกับภรรยา หรืออิบาดะฮฺบางอย่างเช่น การเฎาะวาฟ ก็ต้องมีการสัมผัสกันจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านรสูลุลลอฮฺย่อมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ทว่าท่านรสูลไม่ได้สั่งเสีย หรือระบุเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย 
อนึ่ง หากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องเสียน้ำนมาซ เช่นนี้ท่านรสูลุลลอฮฺต้องกล่าวถึง หรือระบุเรื่องนั้นไว้อย่างชัดเจน ทว่าท่านรสูลกลับไม่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ใช่แต่เท่านั้นท่านรสูลยังกระทำให้เห็นอีกว่าชายหญิงกระทบกันไม่ทำให้เสียน้ำนมาซแต่อย่างใด
หะดีษที่หนึ่ง
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า


كُنْتُ أَنَامُ بَيْنَ يَدَىْ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَرِجْلاَىَ فِى قِبْلَتِهِ ، فَإِذَا سَجَدَ غَمَزَنِى ، فَقَبَضْتُ رِجْلَىَّ ، فَإِذَا قَامَ بَسَطْتُهُمَا قَالَتْ وَالْبُيُوتُ يَوْمَئِذٍ لَيْسَ فِيهَا مَصَابِيحُ



“ฉันเคยนอนอยู่เบื้องหน้าของท่านรสูลุลลอฮฺซึ่งเท้าทั้งสองของฉันขวางอยู่ทางกิบละฮฺ ครั้นเมื่อท่านรสูลสุญูด ท่านรสูลจะสัมผัสฉัน, ฉันก็หดเท้าทั้งสองของฉัน เมื่อท่านรสูลลุกขึ้นยืน (ในร็อกอะฮฺถัดไป) ฉันก็ยืดเท้าทั้งสองของฉัน (เหมือนเดิม) นางเล่าต่ออีกว่า บ้านเรือนในสมัยนั้นไม่มีตะเกียงใช้ภายในบ้าน” 
หะดีษที่สอง
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า


كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَتَوَضَّأُ ثُمَّ يُقَبِّلُ وَيُصَلِّى وَلاَ يَتَوَضَّأُ


“ท่านรสูลุลลอฮฺเคยอาบน้ำนมาซ จากนั้นท่านรสูลก็จูบ (ภรรยาบางคนของท่าน) ต่อมาท่านรสูลก็นมาซโดยมิได้อาบน้ำนมาซ (ใหม่)” 
หนังสือฟัตวาของคณะทำงานเพื่อวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาศาสนาของประเทศสะอูดีย์ เล่ม 5 หน้า 266 ซึ่งหัวหน้าคณะทำงานนั้นก็คือเชคอับดุลอะซีซ บุตรของอับดุลลอฮฺ บุตรของบาซ แสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ว่า 
“เมื่อชายหญิงกระทบกันเสียน้ำนมาซหรือไม่นั้น มีการขัดแย้งกันในระหว่างนักวิชาการ แต่ที่ถูกต้องกว่าก็คือ ไม่เสียน้ำนมาซ แม้ว่าการกระทบนั้นจะทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศหรือไม่ก็ตาม เพราะท่านรสูลุลลอฮฺจูบภรรยาบางคนของท่านรสูลโดยท่านรสูลมิได้อาบน้ำนมาซใหม่ ส่วนอายะฮฺอัลกุรฺอานที่ปรากฏในสูเราะฮฺอันมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 6 ซึ่งตรัสว่า 


أَوْ لاَمَسْتُمُ النِّسَاءَ


“หรือสูเจ้าสัมสัมผัสสตรี” 
อายะฮฺข้างต้นหมายถึง การร่วมประเวณี ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกต้องจากบรรดานักวิชาการ”, والله أعلم 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น