รายงานจากท่านอบีเกาะตาดะฮ์ว่า
سئل رسول الله صلى الله عليه وسلم عن صوم يوم الإثنين فقال ذلك يوم ولدت فيه وأنزل على
"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถูกถามเกี่ยวกับ การถือศีลอดในวันจันทร์ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวตอบว่า "ดังกล่าวนั้น (เพราะเป็น ) วันที่ฉันเกิด และ(วันที่อัลกุรอาน)ถูกประทานลงมายังฉัน" รายงายโดยท่าน มุสลิม
………..
วิจารณ์
หะดิษนี้ จุดโพกัสไม่ได้เน้นว่า เพราะวันเกิดของท่านนบี จึงมีสุนนะฮให้ถือศีลอด โดยเฉพาะ เพราะ ข้อความต่อจากนั้น ก็กล่าวอีกว่า “(และวันที่อัลกุรอ่าน)ถูกประทานลงมายังฉัน” จุดโพกัสมันอยู่ที่วันจันทร์ ท่าน รซูล ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ส่งเสริมให้ถือศีลอดตะเฏาะวุอ(ศีลอดอาสา)ในวันนั้น แต่ไม่ ได้หมายถึง สุนนะฮให้ถือศีลอดเนื่องในวันเกิด
มาดูหะดิษที่ อบูฮุรัยเราะฮรายงานว่า
أن النبي صلى الله عليه وسلم قال: "تعرض أعمال العباد كل اثنين وخميس فأحب أن يعرض عملي وأنا صائم
แท้จริง รซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ แท้จริงบรรดาการงานของบรรดาบ่าวนั้น ถูกนำเสนอในทุกๆวันจันทร์และวันพฤหัส ดังนั้น ฉันชอบให้การงานของฉันถูกเสนอ โดยที่ฉันกำลังถือศีลอด
- أحمد(8361)، والترمذي(747)، وابن ماجة (1740
ท่านนบีนั้น คือ แบบอย่างที่ดี ดังที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيراً
โดยแน่นอน ในร่อซู้ลของอัลลอฮ์มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮ์และวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก.- อัลอะฮซาบ/21
มาดูคำอธิบาย
فالأسوة نوعان أسوة حسنة، وأسوة سيئة.
فالأسوة الحسنة، في الرسول صلى اللّه عليه وسلم، فإن المتأسِّي به، سالك الطريق الموصل إلى كرامة اللّه، وهو الصراط المستقيم.
وأما الأسوة بغيره، إذا خالفه، فهو الأسوة السيئة، كقول الكفار حين دعتهم الرسل للتأسِّي بهم إِنَّا وَجَدْنَا آبَاءَنَا عَلَى أُمَّةٍ وَإِنَّا عَلَى آثَارِهِمْ مُهْتَدُون
แล้วแบบอย่างนั้น มีสองชนิด คือ แบบอย่างที่ดี และแบบอย่างที่เลว แบบอย่างที่ดีนั้น อยู่ในตัวของรซูล ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แท้จริง ผู้ที่ปฏิบัติตามท่านรซูลนั้น เขาดำเนินตามแนวทาง ที่นำไปสู่ ความโปรดปรานของอัลลอฮ และมันคือ หนทางที่เที่ยงตรง
และสำหรับแบบอย่าง ด้วยผู้ที่ไม่ใช่ท่าน(รซูล)นั้น เมื่อเขาขัดแย้งกับท่านรซูล ดังนั้น เขาผู้นั้น คือ แบบอย่างที่เลว ดังเช่น คำพูดของบรรดากาเฟร(มุชริกีน) ในขณะที่บรรดารซูล เชิญชวนพวกเขา ให้ปฏิบัติตามพวกเขา ว่า “ แท้จริงเราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้ ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา” - ตัฟสีรอัสสะอดีย์ อรรถาธิบายอายะฮที่ 21 ซูเราะฮอัลอะฮซาบ
การเฉลิมฉลองวันเกิดของท่านนบี เป็นการแสดงออกที่เกินเลยขอบเขต เพราะบรรดาเศาะหาบะฮ ซึ่งรักท่านนบีมุหัมหมัดมากกว่าใคร แต่ พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความรักนบีด้วยการให้ความสำคัญกับวันเกิดของท่านนบี ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
لاتطروني كما أطرت النصارى ابن مريم إنما أنا عبد فقولوا عبد الله ورسوله
พวกท่านอย่ายกย่องสรรเสริญฉัน ดังเช่น พวกคริสเตียน ยกย่องสรรเสริญ (อีซา)บุตรของมัรยัม ความจริงฉันคือ บ่าว(ของอัลลอฮ)คนหนึ่ง ดังนั้น พวกท่านจงกล่าวว่า “ (ฉันคือ)บ่าวของอัลลอฮ และรซูลของพระองค์ – บันทึกโดยอัลบุคอรี หะดิษหมายเลข 3189 และ อะหมัด หะดิษหมายเลข 149
..........................
الإطراء معناه الغلو في المدح
คำว่า “อิฏรออฺ ความหมายของมันคือ การยกย่องสรรเสริญจนเกินความพอดี
พวกคริสเตียน เฉลิมฉลองวันเกิดของพระเยซู หรือ ท่านนบีอีซา อะลัยฮิสสลาม นอกจากการจัดงานรื่นเริงแล้ว พวกเขาส่วนหนึ่ง ก็ เข้าโบสถ์ ไปร้องเพลงสรรเสริญพระเยซู บ้างก็เป็นซานตาครอส ออกไปแจกของขวัญ ส่วนงานเมาลิดนั้น ก็มีบางส่วนไปมัสญิด ไปอ่านบทกลอนสรรเสริญท่านนบี ชาวบ้านเรียกว่า “อ่านเบอรซันญี” อยากจะถาม ท่านผู้อ่าน ว่า มันคล้ายคลึง กันไหม
ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เตือนเรื่องการปฏิบัติตามแบบอย่างของยะฮูดีและนะศอรอว่า
لتتبعن سنن الذين من قبلكم. شبرا بشبر، وذراعا بذراع. حتى لو دخلوا في جحر ضب لاتبعتموهم" قلنا يا رسول الله! آليهود والنصارى قال "فمن؟
แน่นอน พวกท่านจะปฏิบัติตามแนวทางต่างๆของ บรรดาผู้ที่อยู่ก่อนหน้า พวกท่าน ทีละคืบ ทีละคืบ และ ทีละศอก ทีละศอก จนกระทั้งหากพวกเขาเข้ารูแย้ แน่นอนพวกท่านก็จะตามพวกเขา(เข้าไปด้วย) พวกเรากล่าวว่า “โอ้รซูลุ้ลลอฮ พวกยิวและ คริสเตียน ใช่ไหม? ท่านนบีกล่าวว่า “แล้วใครอีกล่ะ ?
รายงานโดยบุคอรี (6775) มุสลิม( 4822)
ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
لاتطروني كما أطرت النصارى ابن مريم إنما أنا عبد فقولوا عبد الله ورسوله
พวกท่านอย่ายกย่องสรรเสริญฉัน ดังเช่น พวกคริสเตียน ยกย่องสรรเสริญ (อีซา)บุตรของมัรยัม ความจริงฉันคือ บ่าว(ของอัลลอฮ)คนหนึ่ง ดังนั้น พวกท่านจงกล่าวว่า “ (ฉันคือ)บ่าวของอัลลอฮ และรซูลของพระองค์ – บันทึกโดยอัลบุคอรี หะดิษหมายเลข 3189 และ อะหมัด หะดิษหมายเลข 149
หะดิษนี้ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ต้องการจะสอนให้อุมมะฮของได้เข้าใจว่า ท่านคือ บ่าวของอัลลอฮคนหนึ่ง และ ท่านอยู่ในฐานะผู้นำสาส์นของอัลลอฮ เผยแผ่แก่มนุษย์ เท่านั้น อย่าได้ยกย่องให้เกินฐานะ ของท่าน หรือ อีกนัยหนึ่ง คือ อย่ายกย่องสรรเสริญจนเกินเลยขอบเขตที่ศาสนาสอนไว้ เช่น พวกคริสเตียน ยกย่องพระเยซู (นบีอีซา) เป็นพระบุตรของพระเจ้าเป็นต้น
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็ได้สอนให้ท่านนบีกล่าวว่า
قُلْ إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ مِّثْلُكُمْ يُوحَى إِلَيَّ أَنَّمَا إِلَهُكُمْ إِلَهٌ وَاحِدٌ فَمَن كَانَ يَرْجُو لِقَاء رَبِّهِ فَلْيَعْمَلْ عَمَلاً صَالِحاً وَلَا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَداً
[18.110] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริง ฉันเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเยี่ยงพวกท่าน มีวะฮีย์แก่ฉันว่าแท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น ผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี และอย่างตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย
- อัลกะฮฟิ/110
قُلْ إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ مِّثْلُكُمْ يُوحَى إِلَيَّ أَنَّمَا إِلَهُكُمْ إِلَهٌ وَاحِدٌ فَاسْتَقِيمُوا إِلَيْهِ وَاسْتَغْفِرُوهُ وَوَيْلٌ لِّلْمُشْرِكِينَ
[41.6] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันก็คือสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน แต่ได้มีวะฮีย์ยฺแก่ฉันว่า พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นจงมุ่งตรงสู่พระองค์เถิด และจงขออภัยต่อพระองค์และความวิบัติจงมีแต่บรรดาผู้ตั้งภาคี
.................
สองโองการข้างต้น สอนให้รู้ว่า มุหัมหมัด คือ มนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง เหมือนกับ คนอื่นๆ แต่ ท่านได้รับโองการจากพระเจ้า เพื่อให้สอนแก่มนุษย์ การปฏิบัติตามท่านนบี เป็นการปฏิบัติตามในฐานะที่ท่านเป็นรอซูลของอัลลอฮ และอัลลอฮ ก็ทรงให้ท่านเป็นแบบอย่างแก่อุมมะฮ ดังนั้นมุสลิมทุกคนจึงต้องตามแบบอย่างนบีมุหัมหมัดในเรื่องศาสนา
ดังที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيراً
โดยแน่นอน ในร่อซู้ลของอัลลอฮ์มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮ์และวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก.- อัลอะฮซาบ/21
..............................
เพราะฉะนั้น การจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดของท่าน เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตของคำสอนอัลลอฮ ที่ประทานแก่รอซูล เพราะทุกสิ่งที่เป็นศาสนา ที่ผ่านวาจาของนบีมุหัมหมัดนั้น จะต้องเป็นวะหยูจากอัลลอฮ ดังที่ที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
وَمَا يَنطِقُ عَنِ الْهَوَى
[53.3] และเขามิได้พูดตามอารมณ์
إِنْ هُوَ إِلَّا وَحْيٌ يُوحَى
[53.4] มันมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นวะฮีย์ที่ถูกประทานลงมา
عَلَّمَهُ شَدِيدُ الْقُوَى
[53.5] ผู้ทรงพลังอำนาจอันมากมาย (ญิบรีล) ได้สอนเขา
การเฉลิมฉลองวันเกิดของรซูล หากเป็นศาสนา ก็จะต้องมาจาก คำพูด หรือ การกระทำของท่านรซูล ศอ็ลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพราะคำสอนศาสนา ต้องผ่านวะหยูจากพระเจ้า
قال الإمام مالك – رحمه الله " من ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة فقد زعم ان محمدا صلى الله عليه وسلم خان الرسالة لأن الله يقول ( اليوم اكملت لكم دينكم واتممت عليكم نعمتي ورضيت لكم الاسلام دينا) فما لم يكن يومئذ دينا فلا يكون اليوم دينا
อิหม่ามมาลิก (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า “ ผู้ใดอุตริบิดอะฮขึ้นในอิสลาม โดยเห็นว่ามันดี แน่นอน เขาเข้าใจผิดว่า แท้จริงมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นแห่งอัลลอฮ เพราะแท้จริงอัลลอฮ ได้ตรัสว่า (“วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว”)
ดังนั้น สิ่งใดก็ตาม ไม่ได้เป็นศาสนาในวันนั้น มันก็ไม่เป็นศาสนาในวันนี้ – อัลเอียะติศอม 1/49
قال رسول الله صلى الله عليه وسلم ( من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد ) رواه البخاري و مسلم ،
ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า “ผู้ใดอุตริสิ่งใหม่ขึ้นมา ในกิจการ(ศาสนา)ของเรา นี้ สิ่งซึ่งไม่มีมาจากมัน มันถูกปฏิเสธ – รายงานโดย บุคอรีและมุสสลิม
وفي رواية لمسلم ( من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد
และในรายงานของมุสลิม (ผู้ใดประกอบการงานใด ที่ไม่ใช่ กิจการ(ศาสนา)ของเราบนมัน มันถูกปฏิเสธ.
แสดงว่าเ มื่อท่านนบีไม่ได้สอนเอาไว้ มันก็ไม่ใช่ ศาสนา การเอาสิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาที่อัลลอฮ และท่านนบีไม่ได้สอนไว้ ทำไปมันก็ไร้ผล และมันเป็นบิดอะฮ ที่เพิ่มเข้ามาในศาสนา ซึ่ง มันเป็นสิ่งต้องห้าม มิใช่หรือ
وقال حذيفة بن اليمان ـ رضي الله عنه كل عبادة لم يتعبد بها أصحاب رسـول الله صلى الله عليه وسلم فلا تتــعـبـدوا بـها؛
และท่านหุซัยฟะฮ บุตร อัลยะมาน (ร.ฎ)กล่าวว่า “ทุกอิบาดะฮ ซึ่ง บรรดาเศาะหาบะฮของท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำอิบาดะฮด้วยมัน ดังนั้น พวกท่านอย่าทำบาดะฮด้วยมัน – อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 386
แล้วเรื่องทำเมาลิด เศาะหาบะฮไม่ได้ทำมิใช่หรือ เหล่าเศาะหาบะฮ ไม่รักท่านนบีหรือ ?
หะดิษข้างต้น ส่งเสริมให้ถือศีลอดสุนนะฮในวันจันทร์ ไม่ใช่ให้จัดงานวันเกิดท่านนบี การจัดงานวันเกิด มีการเลี้ยงอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่หะดิษ ข้างต้น ส่งเสริมให้อดอาหารเพื่ออัลลอฮ มันคนละเรื่องกันเลย
อิหม่ามมุหัมหมัด อิบนุอับดุลฮาดีย์ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ 774 )กล่าวว่า
ولا يجوز إحداث تأويل في آية أو في سنة لم يكن على عهد السلف ولا عرفوه، ولا بيَّنوه للأمة
ไม่อนุญาตให้ประดิษฐ์การตีความในอายะฮหนึ่งอายะฮใดและในสุนนะฮหนึ่งสุนนะฮใดขึ้นมาใหม่ โดยที่ไม่ปรากฏในยุคสะลัฟและพวกเขาไม่เคยรู้จักมันและพวกเขาไม่เคยอธิบายมันแก่อุมมะฮนี้ – อัศศอริมุลมันกีย์ หน้า 427
.......
การนำหะดิษที่ส่งเสริมให้ถือศีลอดสุนนะฮ ในวันจันทร์ มาสนับสนุนการเฉลิมฉลองวันเกิดของท่านนบี เป็นการใช้ยาที่ไม่ตรงกับโรค
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น