อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วะฮ์ฮาบียะฮฺ “ฟื้นฟูอิสลามตามวิถีสลัฟ”




        ก่อนปี ค.ศ. 1765
         
          คำว่า วะฮ์ฮาบียะฮฺ ได้มาจากชื่อบิดาของ มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ (ค.ศ.1703-1791)
          วะฮ์ฮาบียะฮฺ คือขบวนการฟื้นฟูวิถีการปฏิบัติของสะลัฟ คนในกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า สะละฟียฺ(คนที่ปฏิบัติตามแนวทางของสลัฟที่ดี) แต่คนในกลุ่มอื่นจะเรียกพวกเขาว่า วะฮ์ฮาบียฺ และพยายามทำให้ชื่อเรียกนี้ฟังดูน่ากลัวเหมือนเป็นตัวอันตราย
          มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ ผู้นำทางจิตวิญญาณ และมุฮัมมัด บินสะอู๊ด(เสียชีวิต ค.ศ.1765) ผู้นำทางการเมือง ได้ร่วมมือกันจนสามารถก่อตั้งประเทศซาอุดิอารเบียได้สำเร็จ แม้ต่อมาจะถูกทำลายอีก 2 ครั้ง แต่ก็สามารถกอบกู้ขึ้นได้อีกเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้การนำของกษัตริย์อับดุลอะซีซ อาละสะอูด(ค.ศ.1879-1953)
          ในเวลานั้นโลกอิสลามเต็มไปด้วยกลุ่มต่าง ๆ มากมาย ที่มีการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงความเชื่อและหลักปฏิบัติศาสนาไปจากสมัยสลัฟอย่างมาก ความพยายามเรียกร้องให้หวนกลับไปใช้แนวทางของสลัฟที่ดีจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อสานต่ออุดมการณ์ของกลุ่มสะละฟียะฮฺ (มุสลิมที่ยึดมั่นแนวทางของสลัฟที่ดี)
         
   ความเชื่อบางประการของกลุ่มนี้
          1. เรียกร้องให้กลับไปใช้วิธีการเข้าใจศาสนาตามแบบของสลัฟ คือการศึกษาอัลกุรอาน และหะดีษที่เชื่อถือได้ผ่านมุมมองความเข้าใจของสลัฟที่ดี เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่อัลลอฮฺและเราะสูลรับรองแล้ว
          2. ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสถานะของฮะดีษ
          3. อิสลามให้การรับรองการปฏิบัติตามแนวทางของบรรพชน 3 รุ่นแรกของอิสลาม(สะลัฟ) ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของสลัฟเรียกว่า สะละฟียฺ
          4. เชื่อว่า "ตัวบทกับปัญญาไม่ขัดแย้งกัน" ปัญญาที่ดีจะต้องคิดสอดคล้องกับตัวบทเสมอ หากเรื่องใดที่ปัญญายังไม่อาจเข้าใจ ก็จะยกตัวบทนำปัญญาเสมอ เพราะตัวบทคือสัจธรรมที่มาจากอัลลอฮฺ และปัญญาคือเครื่องมือทำความเข้าใจที่มีข้อจำกัดมากมาย
          5. แบ่งเตาฮีดเป็น 3 ประเภท คือ (1) เตาฮีดรุบูบียะฮฺ (2) เตาฮีดอุลูฮียะฮฺ และ (3) เตาฮีดพระนามและศิฟัต ที่ต้องแยกเรื่องเตาฮีดพระนามและศิฟัตออกมาจากเตาฮีดรุบูบียะฮฺ ก็เพราะเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้มุสลิมแตกเป็นกลุ่มต่าง ๆ มากมาย จึงจำเป็นต้องแยกออกมาอธิบายเป็นการเฉพาะ
          6. ยืนยันศิฟัตทั้งหมดที่อัลลอฮฺหรือเราะสูลของพระองค์ยืนยัน ในแบบที่คู่ควรกับความสูงส่งของพระองค์ และไม่เหมือนกับมัคลู๊กใด ไม่มีการปฏิเสธ ไม่ตีความ ไม่เปรียบเทียบ และไม่ถามถึงรายละเอียดวิธีการ
          7. อัลกุรอานคือคำพูดของอัลลอฮฺทั้งคำและความหมาย อัลกุรอานไม่ใช่มัคลู๊ก
          8. ศรัทธา(อีมาน) ประกอบด้วยกาย วาจา และใจ ศรัทธามีเพิ่มมีลดได้ เพิ่มเมื่อทำความดี ลดเมื่อทำบาป ศรัทธาเริ่มแรกคือศรัทธาด้วยใจและปฏิญาณด้วยวาจา
          9. คนที่ทำบาปใหญ่ยังไม่พ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม นอกจากทำบาปที่ทำให้เสียอีมานเท่านั้น
          10. มุสลิมที่มีความชั่วมากกว่าความดี พระองค์จะลงโทษหรือให้อภัยก็ได้ตามประสงค์ของพระองค์
          11. บรรดานบีเท่านั้นที่เป็นผู้ไร้บาป(มะอฺศูม) เศาะฮาบะฮฺ หรือบรรดาลูกหลานนบี ไม่มีใครเป็นมะอฺศูม
          12. รักและให้เกียรติทั้งบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ภรรยานบี และลูกหลานของนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม
          13. ไม่อนุญาตให้ใช้สื่อ(ตะวัสสุล)กับคนตายได้แม้จะเป็นนบีก็ตาม แต่อนุญาตใช้สื่อจากความดีที่ทำไปได้
          14. ให้อดทนกับผู้ปกครองที่ไม่ดี แม้จะถูกยึดทรัพย์หรือถูกโบยด้วยความไม่เป็นธรรมก็ตาม จนกว่าจะเห็นการกระทำที่เป็นปฏิเสธ(กุโฟร)อย่างแจ่มชัดไม่มีชุบฮะฮฺใด ๆ และการออกมาต่อต้านต้องมีผลดีมากกว่าผลร้ายที่จะตามมา
          15. ไม่ยอมรับการแบ่งบิดอะฮฺเป็นหลายประเภท เพื่อเป็นการให้เกียรติท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ที่กล่าวว่า "ทุกบิดอะฮฺคือการหลงผิด" และเพราะถือว่ามันคือประตูสู่การเปลี่ยนแปลงศาสนาที่สำคัญที่หลายกลุ่มมักใช้เป็นข้ออ้าง
          16. ให้ความสำคัญกับเรื่องการรักเพื่ออัลลอฮฺ(วะลาอ์) โกรธเพื่ออัลลอฮฺ(บะรออ์) และการตักเตือน(นะศีหะฮฺ)
          17. เชื่อเรื่องการลงโทษในหลุมฝังศพ และการขอชะฟาอะฮฺในวันกิยามะฮฺ
         
   ข้อกล่าวหาบางประการที่กลุ่มต่าง ๆ ใช้กับกลุ่มนี้
          1. กล่าวหาว่า "เป็นพวกตัจสีม" คือ ผู้ที่เชื่อว่าอัลลอฮฺมีอวัยวะ หรือมีร่างกาย แต่ในความเป็นจริงวะฮ์ฮาบียฺ เพียงบอกว่า มือเป็นศิฟัต(คุณลักษณะหนึ่ง)ของอัลลอฮฺ และไม่เหมือนกับมัคลู๊ก ไม่ให้ใช้คำว่า เป็นอวัยวะ หรือเป็นร่างกาย และถือว่าการใช้คำเหล่านั้นเป็นคำบิดอะฮฺ เราใช้ได้เฉพาะคำเดียวกับที่อัลลอฮฺ และเราะสูลใช้เท่านั้น ใช้เกินไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะเรารู้จักพระองค์เท่าที่พระองค์และเราะสูลบอกให้เราทราบเท่านั้น เราไม่อาจใช้สติปัญญาตีความศิฟัตของอัลลอฮฺเอาเองโดยปราศจากหลักฐานจากตัวบทได้
          2. กล่าวหาว่า "เป็นพวกชอบหุก่มชาวบ้านไปทั่ว" แต่ในความเป็นจริง การชี้แจงความจริงอาจต้องมีการพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละกลุ่มด้วย ไม่มีการหุก่มที่ตัวบุคคลแต่อย่างใด (นอกจากบุคคลที่ศาสนารับรองเช่น ฟิรอูน อบูละฮับ เป็นต้น) หากมีก็เป็นเพียงการหุก่มที่ตัวของการกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวผู้กระทำ และยังใช้ให้มองแง่ดีกับพี่น้องมุสลิมของเขาว่า เขาคนนั้นอาจยังมีข้อคลุมเครืออยู่หรือยังไม่รู้ความจริง ตัวเขามีหน้าที่ต้องพยายามอธิบายโดยใช้วิธีการที่เหมาะสมสวยงาม
          3. กล่าวหาว่า "เป็นพวกชอบสร้างความแตกแยก" แต่หากเราได้ศึกษาประวัตินบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม จะพบว่าท่านนบีเป็นบุคคลแรกที่ถูกโจมตีด้วยข้อกล่าวหานี้ แต่ท่านก็อดทน ทำงานเผยแผ่ของท่านต่อไปจนอิสลามได้มาถึงเราทุกวันนี้ หากท่านหยุดเสียแต่ตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ พวกเราจะได้เป็นมุสลิมแบบทุกวันนี้หรือเปล่า สำหรับคนที่รักนบี การเรียกร้องให้กลับไปทำตามสุนนะฮฺนบี ไม่ใช่เป็นการสร้างความแตกแยก แต่เป็นการแยกสัจธรรมกับความเท็จให้ออกจากกัน
          4. กล่าวหาว่า "ชอบพูดจารุนแรง ก้าวร้าว ไม่มีมารยาท" เป็นพฤติกรรมส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับคำสอนของกลุ่ม บางคนที่เป็นอย่างนั้นเพราะความจริงใจ แต่ขาดความเข้าใจเรื่องวิธีการอธิบาย จึงพูดออกไปตรง ๆ ทำให้บางคนรับไม่ได้ หรือมีคนอ้างตนว่าเป็นสะละฟียฺบางคนแต่เขารู้จักวะฮ์ฮาบียฺ หรือสะละฟียฺเพียงผิวเผิน ก็เอาไปพูดจากับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ผิด ๆ ถูก ๆ จึงทำให้คนอื่นเข้าใจสะละฟียฺผิดไปจากความเป็นจริง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น