ในความมุ่งมั่นแห่งค่ำคืนนั้นยากลำบากยิ่งนัก บรรดาผู้ผูกพันด้วยความรักต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา และแสวงหาความสุขด้วยการใกล้ชิดพระองค์เท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันมันไปได้ เขาเหล่านั้นกำหนดภาระเพิ่มเติมนอกเหนือจากฟัรฎูต่าง ๆ ที่ปฏิบัติอยู่แล้ว และยึดถือปฏิบัติด้วยความมั่นคงและจริงจัง กิยามุลลัยลฺ (1) จึงกลายเป็นเสมือนภารกิจ การที่บรรดาผู้แสวงหาความโปรดปรานแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทุ่มเทให้จนพวกเขาได้พบชีวิตหนึ่งที่ผู้คนอื่น ๆ ต่างละเลย ด้วยอิบาดะฮฺนี้่เองที่การเรียกร้องสู่อิสลามนั้นได้เริ่มต้นขึ้น ในตอนแรกท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเหล่าเศาะฮาบะฮฺทั้งหลายต่างยึดถือปฏิบัติเป็นแบบฉบับให้บรรดาศอและฮฺหรือผู้ทรงคุณธรรมในยุคสมัยเรื่อยมา ตราบถึงปัจจุบัน
เหตุนี้เองท่านมุฮัมมัด บินซีรีน จึงกล่าวว่า
จำเป็นต้องทำละหมาดกิยามุลลัยลฺ ถึงแม้จะใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเท่าเวลาที่ใช้เพื่อการรีดนมแพะก็ตาม และท่านอัลหะซัน อัล บัสรีย์ก็กล่าวด้วยว่า
ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันได้พบเห็นชนกลุ่มหนึ่ง (หมายถึงเศาะฮาบะฮฺ) พวกเขาล้วนมีความมักน้อยในสิ่งที่หะลาลยิ่งกว่าที่พวกท่านมักน้อยในสิ่งที่หะรอมเสียอีก
ด้วยการยึดมั่นในศาสนานี่แหละที่ทำให้พวกเขายิ่งมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อหัวใจของตนเอง ยิ่งกว่าที่เราเข้าใจเสียอีก และด้วยความดีต่าง ๆ ที่มีอยู่ทำให้พวกเขายิ่งมีความยำเกรงต่อความผิดพลาดซึ่งเคยกระทำ
ดั่งบทกลอน
เมื่อยามค่ำคืนคืบคลาน
พวกเขาต่างยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่เปรมปรีด์
น้ำตาหลั่งรินอาบสองแก้ม พลางเฝ้าวิงวอนองค์อภิบาล
**** มาปฏิบัติตามแบบอย่างกันเถิด ****
ความปิติยินดีต่อเวลายามวิกาล เป็นอารมณ์ธรรมชาติของบรรดาผู้ประกอบอิบาดะฮฺเป็นการปลีกวิเวกอยู่กับอัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติ ผู้ทรงสูงส่ง ขณะเดียวกันเป็นเวลาที่พระองค์ทรงเสด็จลงมาจากฟากฟ้าสู่ดุนยา ดังนั้นปวงบ่าวต่างก็ลุกขึ้นยืนและวิงวอนต่อองค์อภิบาล อันเป็นการปฏิบัติตามแบบอย่างท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสนทูตของพวกเขา ผู้ซึ่งแสดงไว้ตามหะดีษที่ว่า
"เคยปรากฏว่า ท่านละหมาดกิยามุลลัยลฺตอนค่ำคืน (อย่างยาวนาน) จนกระทั่งเท้าทั้ง 2 ของท่านบวมเป่ง" (หะดีษเศาะเฮียะฮฺ, เศาะเฮียะฮฺ อัลญาเมียะฮฺ อัศเศาะฆีรฺ, จากอัลมุฆีเราะฮฺ, หะดีษเลขที่ 5003)
พวกเขาต่างแสวงหาชั่วโมงแห่งการตอบรับ (ดุอาอฺ) ในค่ำคืนที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกเอาไว้ในหะดีษ
"แท้จริงในเวลาค่ำคืนนั้น จะมีช่วงเวลาหนึ่ง หากบ่าวผู้ศรัทธาได้พบและได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเป็นความดีทั้งในด้านดุนยาและอาคิเราะฮฺ อัลลอฮฺจะทรงประทานให้เขา (ตามที่ขอนั้น) และจะเป็นอย่างนี้เสมอในทุกค่ำคืน" (ดู มุดคะศ็อรฺมุสลิม, บทอัดดุอาอฺ, จากญาบิรฺ หะดีษเลขที่ 1879)
"โอ้บรรดาบุรุษแห่งยามวิกาลเอ๋ย จงพยายามเถิด
องค์อภิบาลผู้ทรงได้ยินเสียงเรียกร้องย่อมมิทรงปฏิเสธ
ไม่มีผู้ใดสามารถยืนขึ้นยามค่ำค่ืนได้ดอก
นอกจากบรรดาผู้เด็ดเดี่ยวและจริงจังเท่านนั้น"
และยังได้ฝากไว้ถึงลูกหลานในสิ่งที่พวกเขาได้เก็บเกี่ยวเอาไว้ในชีวิต ให้มีความรักในอัลลอฮิ ตะอาลา อันเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อต่อสู้กับอารมณ์และอุปสรรคต่าง ๆ จนกว่าจิตใจจะนอบน้อมต่อการเชื่อฟังและปฏฺิบัติตามพระองค์
รายงานหนึ่งจากท่านมุอาวียะฮฺ บินกุรฺเราะฮฺ กล่าวว่า แท้จริงบิดาของท่านเคนสั่งเสียแก่บรรดาลูก ๆ หลังจากละหมาดอิชาอฺว่า
"โอ้ลูกรักของฉัน ผู้คนต่างนอนหลับไหลกัน ขณะที่ฉันหวังเหลือเกินว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา จะทรงประทานความดีมากมายให้พวกเจ้าในยามค่ำคืนเช่นนี้"
...............
(1) กิยามุลลัยลฺ : เป็นการละหมาดซุนนะฮฺชนิดหนึ่งที่ท่านนบี (ศ็อลฯ) ยึดถือปฏิบัติเป็นประจำในตอนค่ำคืน ตอนหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว เพื่อแสดงถึงการใกล้เชิดและผูกพันต่ออัลลอฮฺ ซึ่งเป็นละหมาดที่บรรดาเศาะฮาบะฮฺ และผู้ทรงคณธรรม (คนศอและฮฺ) ทุกสมัยยึดถึงปฏิบัติกัน.
....................................................
(จากหนังสือ : เมื่อผู้ศรัทธาร้องไห้)
อับดุรเราะมาน บินอับดิลลาฮฺ อัลละอฺบูน : เขียน
นัศรุลลอฮฺ ต็อยยิบ : แปล
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น