อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความตาย (ยาหัวใจ)


*** ยาของหัวใจ ***

อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงความตายที่พวกท่านหนีจากมันนั้น มันจะพบกับพวกท่านอย่างแน่นอน" (ซูเราะฮฺอัลญุมอะฮฺ อายะฮฺที่ 8)

ขณะเดียวกัน กาลเวลาก็ยิ่งคืบคลานผ่านเป็นวัน เป็นเดือนและแรมปี ในที่สุด แต่บางคนก็ยังไม่มีความรู้สึกว่า ดวงตาเขาเมื่อไหร่จะหลั่งน้ำตารออกมาเนื่องจากการพิจารณาโองการอัลกุรอาน หรือระลึกถึงความตายสักครั้ง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหัวใจของเขานั้นมีโรคอยู่ ก็คือโรคแห่งความกระด้างและแห้งแล้งนั้นเอง

ฉะนั้น การตรวจสอบเช็คหัวใจหรือการจะทำให้มันสะอาด และขจัดความสกปรก และโรคร้ายต่าง ๆ ที่ม้นคอยปิดบังจากการระลึกถึงอาคิเราะฮฺเป็นทางรอดที่ปลอดภัยทางหนึ่งที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากการวิตกเฉพาะเรื่องทางโลกที่ล่อลวงให้เขาเพิกเฉยต่อความยินดีของอัลลอฮฺ ตะอาลา

มุอฺมินผู้ศรัทธาคือผู้ที่มุ่งสู่ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ด้วยการปฏิบัติอิบาดะฮฺ (การภักดี) ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเขาออกห่างไปจากทุกสิ่งที่ทำให้หัวใจกระด้างกระเดื่องต่อพระองค์ และเพื่อเขาจะได้รู้สึกดื่มต่ำต่อสิ่งที่ทำให้มันมีแต่ความอ่อนน้อมตลอดไป

รายงานจากมุฮัมมัด บินศอและฮฺ อัตตัมมารฺ กล่าวว่า

"ครั้่งหนึ่งท่าน ศ็อฟวาน บินสะลีม (1) ได้ไปเยี่ยมสุสานอัลบะเกียะฮฺอยู่หลายวัน ก่อนไปเาได้ผ่านสถานที่ฉันอยู่ ฉันจึงได้ติดตามเขาไปด้วย และในวันหนึ่ง เพื่อจะได้ทราบว่าท่านทำอะไรบ้าง ฉันเห็นเขาเชิดศีรษะขึ้นแล้วนั่งลงใกล้สุสานหลุมหนึ่งและร้องไห้อย่างมาก จนกระทั่งฉันรู้สึกสงสารฉันคิดว่ามันคงเป็นสุสานของคนใดคนหนึ่งในครอบครัวของเขาเป็นแน่ แต่เขากล่าวว่าชาวสุสานทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นญาติและครอบครัวของตนทั้งสิ้น แท้จริงเขาเป็นบุคคลหนึ่งที่กระตุ้นความรู้สึกให้ระลึกถึงความตายอยู่ตลอด โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่ท่านรู้สึกว่าจิตใจของตนเองนั้นกำลังจะแข็งกระด้าง"

ดั่งบทกลอนอาหรับที่ว่า

"การระลึกถึงความตายทำให้ฉันนั้นอ่อนโยน
ฉันขอความสุขจากน้ำตา ดังนัั้นมันก็ให้ฉัน
แม้ฉันไม่ร้องไห้ต่อตัวเองก่อนจะตาย
แล้วใครเล่าจะร้องไห้เสียใจต่อมัน
โอ ผู้ใกล้ตาย ที่ไม่ยอมสำนึกเอ๋ย
เมื่อท่านเองยังไม่เศร้าแล้วใครเล่าจะเศร้าต่อท่าน"
.................................................

****หนทางยังยาวไกล แต่เสบียงนั้นมีน้อย ****

เมื่อตอนที่ท่านอะหมัด บินอบีหิวารีย์ ใกล้จะเสียชีวิต ท่านเอามือออกมาจากม่านกั้นไว้และร้องไห้ ยกมือขึ้นสู่ฟ้าแล้วกล่าวว่า

"โอ....อันตรายแล้ว....อันตรายแล้ว"

คำพูดที่ท่านกล่าวขึ้นตอนนั้น ช่างออกมาจากความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อความตายที่กำลังใกล้เข้ามา และความเป็นไปหลังจากนั้นท่านจินตนาการเห็นภาพของอาคิเราะฮฺอยู่เบื้องหน้า เสมือนดั่งท่านได้ไปถึงมันแล้วทั้ง ๆ ที่ความจริงท่านยังคงอยู่ในดุนยา

เช่นกันตามประวัติระบุว่าท่านอุมัรฺ บินอับดิลอะซีซ ในทุกๆ ค่ำคืนท่านจะเรียกบรรดาผู้รู้มานั่งประชุม และให้พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องเกี่ยวกับความตาย กิยามะฮฺ และเรื่องโลกอาคิเราะฮฺ จนกระทั้งบางคืนพวกเขาพากันร้องไห้เสมือนหนึ่งว่ามีศพตายอยู่เบื้องหน้า ชีวิตที่ผ่านมาของท่านอุมัรฺนับตั้งแต่วัยเด็กถูกสอนให้มีความสมถะ ท่านมักคำนึงถึงความตายอยู่เสมอในขณะที่เด็กอื่นฝักใฝ่อยู่กับการละเล่นสนุกสนานตามประสาครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ท่านได้ร้องไห้ขึ้นมา ดังนั้น จึงถูกนำตัวไปหามารดาของท่าน

มารดาท่านถาม

"ร้องไห้ทำไมหรือ ?"

ท่านตอบว่า

"ฉันระลึกถึงความตาย"

ประวัติระบุว่าตอนนัั้นท่านเป็นคนหนึ่งที่จดจำอัลกุรอานทั้งเล่มแล้ว ดังนั้นเมื่อมารดาได้รับทราบเช่นนั้นางก็ร้องไห้ด้วยความตื้่นตันใจ

และปรากฏว่าท่านฟะฎอละฮฺ บินศัยฟีย์ ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่มักจะร้องไห้อยู่เกือบตลอดเวลา วันหนึ่งมมีชายผู้หนึ่งเข้าไปหาท่านท่านกำลังร้องไห้อยู่ เขาถามภรรยาของท่านว่า

"อะไรเกิดขึ้นกับท่านหรือ ?"

นางตอบว่า

"ท่านฟะฏอละฮฺ มักกล่าวอยู่เสมอว่า ท่านจะต้องเดินทางไกล (สู่อาคิเราะฮฺ) ขณะที่ท่านไม่มีเสบียงที่เพียงพอ"

เช่นกันเมื่อตอนที่ท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ กำลังใกล้จะเสียชีวิต ท่านก็ร้องไห้ มีคนถามว่า "ท่านร้องไห้ทำไมหรือ ?"

ท่านตอบว่า

"หนทางยังยาวไกลในขณะที่เสบียงนั้นช่างมีอยู่น้อยเหลือเกิน อีกทั้งความเชื่อมั่นก็อ่อนแอเต็มที"

และครั้งหนึ่งท่านเคาะลีฟะฮฺสุลัยมาน บินอับดิลมาลิก ได้ส่งคนไปหาท่านอบีหาซิม ดังนั้นท่านก็ได้มาพบและท่านสุลัยมานถามว่า

"โอ้ อบูหาซิม ทำไมเราต่างก็รังเกียจความตายกันเล่า ?"

อบูหาซิมตอบ "ก็คงเพราะว่าพวกท่านสร้างแต่ดุนยา แต่กลับทำให้อาคิเราะฮฺนั้นพังพินาศไปนะซิ"

ท่านสุลัยมานกล่าว

"ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ดังนั้นจะเดินทางไปหาอัลลอฮฺอย่างไรเล่า ?"

อบูหาซิม

"สำหรับคนดี เขาย่อมเหมือนดั่งผู้พลัดถิ่น ที่กลับไปยังครอบครัวของตน ส่วนคนชั่วนั้น เสมือนดั่งทาสที่หลบหนีเจ้านาย เมื่อถูกส่งตัวกลับ"

ท่านสุลัยมานเมื่อได้ยินก็ร้องไห้ และกล่าวออกมาว่า

"โอ้ อนิจจา หากตัวฉันได้ทราบว่าอะไรคือสิ่งที่เราจะได้รับ ณ อัลลอฮฺ ?"

อบูหาซิม

"ก็จงเทียบการกระทำของท่านกับกิตาบุลลอฮฺ (อัลกุรอา) ซิครับ"

ท่านสุลัยมาน "ฉันสามารถพบได้ตรงไหนล่ะ ?"

อบูหาซิมตอบด้วยอายะฮฺที่ว่า

"แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้นจะอยู่ในความโปรดปราน และแทิ้จริงบรรดาคนชั่วจะอยู่ในนรกที่ลุกโชน" (ซูเราะฮฺ อัลอิมฟิฏอรฺ ฮายะฮฺที่ 13 - 14)

"แล้วไหนล่ะความเมตตาของอัลลอฮฺ ? โอ้ อบูหาซิม"

อบูหาซิมตอบอีกด้วยอายะฮฺ

"แท้จริงความเมตตาของอัลลอฮฺนั้น ใกล้แก่ผู้กระทำดีทั้งหลาย" (ซูเราะฮฺ ิัลอะอฺร็อฟ อายะฮฺที่ 56)

ดั่งบทกลอนหนึ่งว่า

"หากเราตายไปเหมือนลาจากแล้วไซร้
ความตายคงเป็นการพักผ้อนแก่ทุกชีวิตค
แต่ทว่าเมื่อเราตายยังจะถูกให้ฟื้นขึ้นอีก
และถูกสอบสวนในทุกอย่างหลังจากนั้น"

...............................
(1) ศ็อฟวาน บินสัลัยมฺ เป็นผู้เคร่งครัดในอิบาดะฮฺ / หาฟิซ/ ฟะดีฮฺ สิ้นชีวิต ปี ฮ.ศ. 132




........................................

(จากหนังสือ : เมื่อผู้ศรัทธาร้องไห้)
เขียน : อับดุรเราะฮฺมาน บินอับดิลลาฮฺ อัลละอฺบูน
แปล : นัศรุลลอฮฺ ต็อยยิบ
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น