*** 10 ศอหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์ ***
ท่านที่ 2
*** อุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ***
ชื่อ : อุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ
ฉายานาม : อบูหัฟเซาะหฺฺ
อัลฟารูก เป็นฉายาที่ได้รับหลังจากเข้ารับอิสลาม เนื่องากหลังการเข้ารับอิสลามของอุมทัร มุสลิมเริ่มนมาซรวมเป็นครั้งแรก และอุมัรยังได้เสนอความเห็ฯให้ทำการเผยแผ่อิสลามโดยเปิดเผย เพราะก่อนหน้านี้การเผยแผ่อิสลามต้องกระทำกันอย่างลับ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงตากสายตาของพวกกุร็อยฺชฺมักกะฮฺ ด้วยเหตุนี้ท่านรอซูล (ซ.ล.) จึงให้ฉายานามเขาว่า อัลฟารูก ซึ่งหมายถึง ผู้ที่แยกความจริงออกจากความเท็จ
กำเนิด : ปีที่สิบสาม หลังปีช้าง
เชื้อสาย : เผ่ากุร็อยชฺฺ ตระกูลอาดี สายตระกูลบรรจบกับท่านนบีมุหัมมัด (ซ.ล.) ที่ลุอัยยฺ บิน ฆอลิบ
บิดา : อัลค็อฏฏอบ บิน นุฟัยลฺ บิน อับดุลอุซซา บิน รอบะฮฺ บิน อับดุลลอฮฺ บนริซาหฺ
มารดา : ฮัดามะฮฺฺ บินดิ ฮาซิม
บุคลิกภาพ / อุปนิสัย :
อายุอ่อนกว่านบี (ซ.ล.) 12 ปี อยู่ในตระกูลที่ชาวอาหรับเคารพนับถือไ้ด้รับการฝึกฝนการรบและการพูดมาตั้งแต่เยาว์วัย มีความเฉลียวฉลาด มีความกล้าหาญ อุปนิิสัยของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้ง บางคนกลัว ในขณะที่บางคนยกย่องชื่นชม บางคนรักเขา แต่บางคนกลับเกลียดชังเขา บางคนเห็นว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยม แต่บางคนเห็นว่าเขาเป็นคนมีจิตใจเมตตา บ้างว่าเขาดุร้าย บ้างว่าเขาสุภาพอ่อนโยน บ้างว่าเขายโสโอหัว แต่บางคนว่าเขาเป็นคนนอบน้อมถ่อมตน เขารู้วิธีการล่าสัตว์ รู้วิธีการต่อสู้ รู้วิธีการให้เกียรติิผู้อื่น รู้ถึงประเพณีของเผ่าพันธู์ รู้วิธีการเคารพรูปปั้น เป็นคนเข้มแข็งอารมณ์ร้อน โกรธง่าย มีสติปั้ญญาไหวพริบดี ปฏิภาณเฉียบแหลม เมื่อเข้ารับอิสลามแล้วเป็นผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮิ อุทิศตนและเสียสละ
....การเข้ารับอิสลาม :
เมื่อการดะวะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) แผ่ขยายอิทธิพลมากขึ้น ผู้ปฏิเสธชาวมักกะฮฺ จึงก่อกรรมทำเข็ญต่อผู้คนที่อ่อนแอมากขึ้น มากขึ้น แต่นั่นสำหรับอุมัรอล้วมันยังน้อยไป สิ่งที่เขาคิดก็คือการขุดรากถอนโคนแนวคิดนี้เสีย โดยการสังหารมุฮัมมัด แต่ใครเล่าจะกล้าหาญพอที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาจึงต่อขอจัดการเสียด้วยตัวเอง
วันหนึ่งเขาถือดาบออกจากบ้านไปเพื่อหามุหัมมัด หมายจะตัดศีัรษะเสีย แต่ศอหาบะฮฺคนหนึ่งรู้ถึงเจตนาของเขา จึงได้เข้าขัดขวางไว้ แล้วถามอุมัรว่า
"อุมัร เจ้าจะไปไหน?"
"ฉันจะไปสังหารมุหัมมัด" อุัมัรตอบ
กลับไปดูแลครอบครัวของท่านก่อนจะดีกว่า บัดนี้น้องสาวและน้องเขยของท่านรับอิสลามไปแล้ว ทำไมไม่ไปจัดการกับเขาล่ะ?
ได้ยินเช่นนั้นอุมัรถึงกับเดือดดาลใหญ่ รีบรุดกลับบ้านอย่างฉุนเฉียว ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา เขาจึงรีบเปิดประตูบ้านน้องสาว พบว่าเธอและสามีกำลังศึกษาอัลกุรอานอยุ่กับ ค็อบบาบ บิน อัลอะร็อต ซึ่งหลบซ่อนอยู่หลังจากที่รู้ว่าอุมัรกำลังเข้ามา
"ฟาฏิืมะฮฺ เจ้าทำอะไรกัน ใครอยู่ในบ้านกับพวกเจ้า เจ้าอ่านอะไรกัน?" สะอีดน้องเขยของเขาก็ก้าวออกมา อุมัรทุบเขาจนล้มลง จับเขาผูกด้วยเชือกเหมือนเชลยศึก อุมัรกระทืบและทุบตีสะอีีดอย่างหนักจนน้องสาวทนไม่ไหว ฟาฏิมะฮฺจึงเข้ามาขวางไว้ เขาใช้สันดาบทุบไปโดนใบหน้าของเธอจนเลือดอาบ
เมื่อเห็นรอยเลือดของน้องสาว เขาจึงค่อย ๆ สงบลงบ้าง
"พี่ชายของข้า หากแม้นพี่จะฆ่าเราอันเนื่องมาจากอิสลาม เราก็ยอม เพราะตอนนี้เราเข้ารับอิสลามแล้ว" ฟาฏิมะฮฺกล่าวตอบ
อุมัรจึงขออ่านสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหนังเพื่อดูว่ามีคืออะไรกันแน่ ทำไมสามารถเปลี่ยนชีวิตของน้องสาวได้ถึงขนาดนี้
ในที่สุดเมื่อเขาอ่านส่วนหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอานที่ปรากฏอยู่ในแผ่นบันทึก หัวใจของอุมัรก็เปลี่ยนไปทันที คราวนี้เขาก้าวเท้าลงจากบ้านเพื่อไปหามุหัมมัดอีกครั้ง
ณ ที่รอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) บรรดาศอหาบะฮฺกำลังรวมตัวกันอยู่ เมื่อเห็นอุมัรก้าวเท้าเข้ามา ก็แจ้งเรื่องนี้แก่ท่านรอซูล (ซ.ล.) ว่าจะเอาอย่างไร ท่านรอซูล (ซ.ล.) สั่งปล่อยให้เขาเข้ามา และแล้วการเข้ามาครั้งนี้ของเขา มิใช่เพื่อการเป็นศัตรูอีกแล้ว เขามาเพื่อประกาศรับอิสลามต่อหน้าท่านศาสดามุหัมมัด (ซ.ล.)
ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ไ้ด้รับฮิดายะฮฺทางนำจากพระผู้เป็นเจ้าหลังจากได้อ่านส่วนหนึ่งของซุเราะฮฺฏอฮา นั่นเอง
.....สถานภาพ :
1. เป็นบุคคลหนึ่งจากคนเพียงไม่กี่คนในยุคนั้นที่สามารถอ่านหนังสือได้
2. หลังเข้ารับอิสลามเขากลายเป็นสหายผู้ใกล้ชิดของท่านนบีมุหัมมัด (ซ.ล.)
3. เป็นพ่อตาของท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) เนื่องจากเป็นพ่อของท่านหญิงหัฟเซาะฮฺ ภรรยาคนหนึ่งของท่านศาสดา (ซ.ล.)
4. เป็นคอลีฟะฮฺที่ 2 หลังจากการเสียชีวิตของอบูบักรฺ
ผลงานเด่น
1. เมื่ออุมัร (ร.ฎ.) เข้ารับอิสลาม เขาได้เสนอให้มีการดะอฺวะฮฺโดยเปิดเผยหลังจากที่ต้องทำการดะอฺวะฮฺแบบลับ ๆ นานถึงสามปี ในที่สุดท่านรอซูล (ซ.ล.) จึงอนุญาต อิสลามจึงถูกประกาศสู่สาธารณชนอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา แล้วผู้ศรัทธาก็ขยายตัวมากขึ้น ต่อมาท่านจึงถูกขนานนามว่า “อัลฟารูก” หมายถึง ผู้ที่แบ่งแยกระหว่างความจริงกับความเท็จ
2. เมื่อมีคำสั่งให้ผู้ศรัทธาอพยพไปยังมะดีนะฮฺ ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้สั่งการให้ผู้ศรัทธาอพยพออกไปอย่างลับ ๆ แต่สำหรับ อุมัร (ร.ฎ.) แล้วเขาไม่เกรงผู้ใดทั้งสิ้น จึงประกาศออกไปยังพวกกาฟิรมักกะฮฺว่า “วันพรุ่งนี้ฉันจะออกจากมักกะฮฺอพยพไปยังมะดีนะฮฺ ใครก็ตามที่ต้องการให้มารดาของเขาต้องสูญเสียลูก หรือต้องการให้ลูกของเขาเป็นเด็กกำพร้า หรือต้องการให้ภรรยาเป็นหม้าย ก็จงออกไปพบฉันหลังเนินเขานั้น” แต่แล้วก็ไม่มีใครกล้าตามอุมัรไป เขาจึงเดินทางสู่มะดีนะฮฺอย่างปลอดภัย
3. ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านรอซูล (ซ.ล.) ในทุกสมรภูมิ
4. มีโองการหลาย ๆ โองการจากพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกประทานลงมาตรงกับทัศนะของอุมัร (ร.ฎ.) ที่เขาได้แสดงความคิดเห็นในกรณีต่าง ๆ ซึ่งนั่นเป็นการชี้ให้เห็นว่า อุมัร (ร.ฎ.) เป็นคนเฉลียวฉลาด และมีหัวใจยึดมั่นอยู่กับสัจธรรม เช่นการลงมาของอายะฮฺที่ 84 ซูเราะฮฺ อัตเตาบะฮฺ หรืออายะฮฺที่ 16 ซูเราะฮฺอันนูร
5. เป็นคอลีฟะฮฺที่สองหลังจากท่านอบูบักร (ร.ฎ.)
6. ส่งกองทัพไปพิชิตอิรัก ภายใต้การนำของ มุซันนา บิน หาริส (ร.ฎ.)
7. ส่งกองทัพภายใต้การนำของ มุซันนนา บิน หาริส (ร.ฎ.) และเมื่อท่าน มุซันนาเสียชีวิต จึงเปลี่ยนแม่ทัพมาเป็น สะอัด บิน อบีวักกอส (ซ.ล.) เข้ายึดเปอร์เซียได้อย่างเบ็ดเสร็จในสงครามกอดิซียะฮฺ
8. ส่ง อบูอุบัยดะฮฺ, คอลิด บิน วาลิด, อัมรฺ บิน อัลอาศ, ยาซีด บิน อบูซุฟยาน (ร.ฎ.) เข้ายึดซีเรียซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเฮอร์คิวลิสจอมพลัง
9. ส่ง อัมรฺ บิน อัลอาศ (ร.ฎ.) เข้ายึดครองบัยดุลมักดิส กรุงเยรูซาเล็ม ร่วมกับ อบูอุบัยดะฮฺ บิน อัลญัรรอหฺ และคอลิด บิน วาลีด (ร.ฎ.)
10. ส่งอัมรฺ บิน อัลอาศ (ร.ฎ.) เข้ายึดครองอียิปต์
11. ท่านอุมัร (ร.ฎ.) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานด้านต่าง ๆ ให้แก่ประชาชาติอิสลาม เช่น
*** รากฐานทางด้านอธิปไตยในระบบซูรอ
*** รากฐานด้านการบริหารท้องถิ่น
*** รากฐานด้านการพิพากษาหรือกระบวนการยุติธรรม
*** รากฐานด้านการศึกษา
*** รากฐานด้านความมั่นคงภายใน โดยได้จัดให้มีตำรวจและเรือนจำขึ้น
*** รากฐานด้านการคลังและระบบบัยตุลมาล
*** รากฐานด้านสวัสดิการสังคม
*** การก่อสร้างมัสยิดและโรงเรียน
*** รากฐานด้านการพัฒนาอาคารสถานที่
*** รากฐานด้านการเกษตร
*** รากฐานด้านการทหาร
*** รากฐานด้านวัฒนธรรม
ความเข้มแข็งและความเจริญของสังคมมุสลิมในยุคของท่านอุมัร (ร.ฎ.) ถือเป็นยุคทองยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์อิสลาม
....เสียชีวิต
ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ (ร.ฎ.) ถูกทาสชาวเปอร์เซียคนหนึ่งชื่อ อบูลุอฺลุอฺ แทงด้วยกั้นหยั่น ทาสคนนี้นับถือศาสนาคริสต์เพราะเป็นทาสของพวกโรมันมาก่อน เขาเป็นเชลยของอัลมุฆีเราะฮฺและถูกนำมาอยู่ที่มะดีนะฮฺ เขาไปฟ้องท่านอุมัร (ร.ฎ.) ว่า ต้องทำงานและแบ่งรายได้ให้นายวันละสองดิรฮัม ท่านอุมัร (ร.ฎ.) ก็บอกว่า นี่เป็นราคาที่พอสมควรแล้วกับอาชีพช่างไม้ซึ่งทำให้อบูลุอฺลุอฺไม่พอใจ
ในวันรุ่งเช้าขณะที่อุมัรกำลังเป็นอิหม่านนำนมาซ อบูลุอฺลุอฺก็เข้าไปอยู่แถวหน้าและถลันออกไปแทงท่านอุมัร (ร.ฎ.) ท่านอุมัรจึงให้อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) เป็นอิหม่านแทน ฆาตรกรได้แทงผู้คนในแถวอีกหลายคน แล้วก็ฆ่าตัวตาย เมื่อเสร็จจากการนมาซแล้ว ท่านอุมัรได้กล่าวขอบคุณอัลลอฮฺที่รู้ว่าฆาตรกรมิใช่มุสลิม แผลของท่านลึกมาก ลำไส้ถูกตัดขาด ไม่มีหวังว่าจะหายได้ ท่านอุมัร (ร.ฎ.) จึงขออนุญาตท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เพื่อขอฝังศพของท่านในบริเวณที่ฝังศพของท่านนบี (ซ.ล.) และอบูบักรฺ (ร.ฎ.) ตอนแรกท่านหญิงต้องการจะเก็บที่ไว้สำหรับตัวเองแต่เมื่อท่านอุมัร (ร.ฎ.) ขอร้องเธอจึงอนุญาต
ก่อนเสียชีวิตท่านได้แต่งตั้งศอหาบะฮฺขึ้นหกคน คือ อุษมาน, อลี, ซุบัยรฺ, ฏอลหะฮฺ, สะอัด บิน อบีวักกอส และอับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) เพื่อเลือกเฟ้นบุคคลที่จะมาเป็นคอลีฟะฮฺแทนท่าน แล้วท่านก็เอาบัญชีหนี้สินมาแสดง ท่านได้สั่งให้ชำระหนี้สินจากเงินส่วนตัวของท่าน และหากไม่เพียงพอก็ให้ชำระจากเงินจากญาติในตระกูลของท่าน
ท่านอุมัร (ร.ฎ.) ถูกแทงในวันที่ 28 ซุลหิจญะฮฺ ฮ.ศ. 23 ทนพิษบาดแผลได้สี่วัน และสิ้นชีพชะฮีดในวันที่ 1 มุหัรรอม ฮ.ศ. 24
.....ความประเสริฐของท่าน อุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ (ร.ฎ.)
1. อุมัร (ร.ฎ.) เป็นผู้ที่ยึดมั่นศาสนาอย่างมั่นคงเข้มแข็ง
จากอบีสะอีด (ร.ฎ.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
"ขณะที่ฉันกำลังนอนหลับอยู่ ฉันได้เห็นมวลมนุษย์ถูกนำมาให้ฉันเห็นและปรากฏว่าบนเรือนร่างของพวกเขามีเสื้อสวมอยู่ เสื้อบางตัวถึงหน้าอก บางตัวต่ำกว่านั้น และอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ได้ผ่านมาบนเรือนร่างของเขามีเสื้อตัวหนึ่งเขากำลังลากมัน"
พวกเขา (บรรดาศอหาบะฮฺ) ได้ถามขึ้นว่า แล้วท่านจะทำนายฝันนี้อย่างไร โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านตอบว่า "มันคือศาสนา (หมายถึงมีศาสนาที่มั่นคงมาก)"
(บุคอรี, มุสลิม)
2. อุมัร (ร.ฎ.) มีความรู้อย่างกว้างขวาง
จาก อิบนิ อุมัร (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
"ในขณะที่ฉันนอนหลับ ฉันฝันเห็นภาชนะใบหนึ่ง ถูกนำมายังฉันในนั้นมีนมบรรจุอยู่ ฉันจึงได้ดื่มจากภาชนะนั้น จนฉันได้เห็นของเหลว (น้ำนม) ไหลออกจากนิ้วหนึ่งของฉันหรือหลายนิ้วของฉัน หลังจากนั้นฉันได้ให้น้ำนมที่เหลือแก่ อุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ" พวกเขา (ศอหาบะฮฺ) ถามขึ้นว่า ท่านจะทำนายฝันนี้อย่างไร ท่านตอบว่า "มันคือความรู้" (หมายถึงอุมัรจะมีความรู้ในหลักการของอิสลามอย่างกว้างขวาง)
(บุคอรี, มุึสลิม, ติรมีซี)
3. อุมัร (ร.ฎ.) เป็นไ้ด้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า
จากอบีฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ร.ฎ.) กล่าวว่า
"เคยมีชายหลายคนในยุคก่อนพวกท่าน จาก นบีอิสรออีล ที่เป็นผู้ที่อัลลอฮฺทรงตรัสด้วย (มุตะกัลลิมุน, มุหัดดิษูน) โดยที่พวกเขาไม่ได้เป็นนบี ดังนั้นถ้เาหากในประชากรของฉันจะมีใครสักคนหนึ่งผู้นั้นก็คือ อุมัร"
(บุคอรี, มุสลิม, ติรมีซี)
4. ปราสาืทของอุมัร (ร.ฎ.) ในสรวงสวรรค์
จาก อบีฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ขณะที่ฉันนอนหลับ ฉันฝันไปว่าตัวฉันกำลังอยู่้ในสวรรค์ มีหญิงคนหนึ่งกำลังอาบน้ำละหมาดอยู่ข้างปราสาทหลังหนึ่ง ฉันถามว่า ปราสาทนี้เป็นของใคร เขาตอบว่า เป็นของอุมัร หลังจากนั้นฉันนึกได้ถึงความหวงของเขา ฉันจึงหันหลังกลับ" ท่านอุมัรได้ยินเช่นนั้นจึงร้องไห้และกล่าวว่า ข้าพเจ้าจะหวงท่านได้อย่างไร โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ
(บุคอรี, มุสลิม)
จากญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ (ร.ฎ.) เล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ฉันฝันฝันว่าได้เข้าไปในสวรรค์ ฉันได้พบกับ รุมัยศออฺ ภรรยาของ อบูฏอลหะฮฺ ฉันได้ยินเสียงนาฬิกา ฉันพูดว่า นี่เป็นใคร มีผู้บอกว่า นี่คือบิลาล และฉันเห็นวังหลังหนึ่ง ตรงข้างหนึ่งของวัง มีเด็กหญิงสาวคนหนึ่ง (กำลังทำวุฏุอฺอยู่ข้าง ๆ วัง) ฉันพูดว่า วังนี้เป็นของใคร มีผู้บอกว่า เป็นของอุมัร ฉันอยากเข้่าไปดูข้างใน แต่นึกถึงความหวงแหนของอุมัรได้" ท่านอุมัรจึงกล่าวแก่ท่านนบี (ซ.ล.) ว่า ขอให้บิดามารดาของฉันเป็นพลีแก่ท่าน โอ้ท่านรอซูล ฉันจะอิจฉาท่านได้กระนั้นหรือ?
5. หลาย ๆ ทัศนะของอุมัร (ร.ฎ.) มักตรงกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์
จากอิบนิอุมัร (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านอุมัร (ร.ฎ.) กล่าวว่า ข้าพเจ้ามีความเห็นตรงกับพระผู้อภิบาลในสามเรื่อง คือ ในเรื่องมะกอมอิบรอฮิม (อุมัรแนะนำท่านรอซูล (ซ.ล.) ว่าควรใช้มะกอมอิบรอฮีมเป็นที่นมาซ แล้วอัลกุรอานก็ถูกประทานลงมา) ในเรื่องของหิญาบ (อุมัรว่าควรให้ภรรยาของรอซูล (ซ.ล.) ปกปิดหิญาบให้มิดชิดเพื่อมิให้คนอื่นมองได้ แล้วอัลกุรอานก็ถูกประทานลงมา) และในเรื่องเชลยศึกในสงครามบะดัร (อุมัรแนะนำว่าควรสังหารเชลยศึก อบูบักรเสนอว่าควรเอาค่าไถ่ ท่านนบี (ซ.ล.) เห็นด้วยกับอบูบักร แต่อัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรอานลงมาตรงกับแนวคิดของอุมัร
(บุคอรรี, มุสลิม)
6. สัจธรรมอยู่ที่ลิ้นและหัวใจของอุมัร (ร.ฎ.)
จาก อิบนิอุมัร (ร.ฎ.) เล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"แท้จริงสัจธรรมอยู่ที่ลิ้นของอุมัร และที่หัวใจของเขา"
(ติรมีซี)
7. เรื่องต่าง ๆ ที่อัลกุรอานถูกประทานลงมาตรงกับความเห็นของอุมัร (ร.ฎ.) ถึงสิบห้าเรื่อง
อิบนิอุมัร (ร.ฎ.) กล่าวว่า ไม่มีเรื่องใดเลยที่ลงมาที่มวลมนุษย์โดยที่พวกเขาได้กล่าวในเรื่องนั้นอย่างหนึ่ง และุอุมัรได้กล่าวอีกอย่างหนึ่ง นอกจากอัลกุรอานได้ลงมาเหมือนที่อุมัรได้กล่าวไว้
(ติรมีซี)
8. ชัยฏอนวิ่งหนีท่านอุมัร (ร.ฎ.)
จาก อาอีชะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"แท้จริงข้าพเจ้าได้เห็นทั้่งชัยฏอนที่เป็นมนุษย์และญินเผ่นหนีจากอุมัร" (เพราะอุมัรเป็นคนกร้าวแกร่ง ดุดัน)
(ติรมีซี)
9. หากจะมีนบีหลังมุหัมมัด (ซ.ล.) เขาคือ อุมัร (ร.ฎ.)
จากอุกบะฮฺ บิน อามิร (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ถ้าหากจะมีนบีหลังจากฉันอีก ก็จะต้องเป็น อุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ"
(ติรมีซี)
10. เกียรติของอบูบักรและอุมัร (ร.ฎ.) สูงส่งยิ่ง
จาก อบีสะอีด (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"แท้จริงพวกที่มีตำแหน่งสูง ๆ (ในสวรรค์) นั้น พวกที่มีตำแหน่งต่ำกว่าจะมองดูพวกเขาเหมือนดังที่พวกท่านเห็นดวงดาวอยู่ที่ขอบฟ้า และแท้จริงอบูบักรและอุมัรเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาและบุคคลทั้งสองนั้นมีเกียรติสูงกว่า"
(ติรมีซี)
11. อบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.) คือผู้ช่วยของท่านศาสดา (ซ.ล.)
จาก อบีสะอีด (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ไม่มีนบีท่านใดนอกจากนบีท่านนั้นจะต้องมีผู้ช่วยสองท่านจากชาวฟ้า และผู้ข่วยสองคนจากชาวดิน ส่วนผู้่ช่วยทั้งสองของฉันจากชาวฟ้าคือ ญิบรีลและมีกาอีล สองคนจากชาวดิน คือ อบูบักรฺและอุมัร"
(ติรมีซี)
12. ท่านนบี (ซ.ล.) สั่งเสียให้ตามอบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.)
จาก หุชัยฟะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ท่านทั้งหลายจงตามบุคคลทั้งสองหลังจากข้าพเจ้าจากไป คือ อบูบักรฺและอุมัร
ในบางรายงานกล่าวว่า
"แท้จริงข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าจะอยู่กับพวกท่านอีกนานเท่าใด ดังนั้นพวกท่านจงตามบุคคลทั้งสองหลังจากข้าพเจ้าจากไป และท่านนบีได้ชี้ไปยังบุคคลทั้งสอง (อบูบักรฺและอุมัร)
(ติรมีซี)
13. อบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.) คือนายของชายวัยกลางคนในสวรรค์
จาก อลี (ร.ฎ.) เล่าว่า ข้าพเจ้าได้อยู่พร้อมกับท่านนบี (ซ.ล.) ขณะนั้นท่านอบูบักรฺและอุมัรโผล่เข้ามา ท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
"สองคนนี้ คือนายของคนวัยกลางคนที่เป็นชาวสวรรค์ ทั้งคนรุ่นแรกและคนรุ่นหลัง นอกจากบรรดานบีและรอซูล โอ้อลี เจ้าอย่าบอกแก่คนทั้งสอง"
(ติรมีซี)
14. อบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.) คือหูและตาของท่านนบี (ซ.ล.)
จาก อับดุลลอฮฺ บิน หันฏ็อบ (ร.ฎ.) กล่าวว่า แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ได้เห็นอบูบักรฺและอุมัร ท่านได้กล่าวว่า
"ทั้งสองนี้ (อบูบักรฺและอุมัร) คือหูและตาของฉัน"
(ติรมีซี)
15. อบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.) ฟื้นคืนชีพเีคียงข้าวท่านนบี (ซ.ล.) ในวันกิยามะฮฺ
จาก อิบนิอุมัรฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า แท้จริงวันหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ได้ออกไปยังมัสยิดพร้อมกับอบูบักรฺและอุมัรคนหนึ่งอยู่ด้านขวา คนหนึ่งอยู่ด้านซ้ายของท่าน โดยที่ท่านได้จับมือคนทั้งสอง และท่านกล่าวว่า
"ในสภาพนี้แหละที่จะถุกบังเกิดมาในวันกิยามะฮฺ"
(ติรมีซี)
จาก อิบนิอุมัร (ร.ฎ.) เล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"ฉันเป็นบุคคลแรกที่ผืนแผ้นดินจะคายออกมา หลังจากนั้นก็อบูบักรฺและอุมัรตามลำดับ"
16. ท่านนบี (ซ.ล.) รับรองสวรรค์ให้ทั้งอบูบักรฺและอุมัร (ร.ฎ.)
จาก อับดิลลาฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
"จะมีชายชาวสวรรค์คนหนึ่งโผล่มาที่พวกท่าน" แล้วอบูบักรฺก็โผล่มา หลังตจากนั้นท่านยังกล่าวว่า "จะมีชายชาวสวรรค์คนหนึ่งโผล่มาที่พวกท่าน" แล้วอุมัรก็โผล่เข้ามา
(ติรมีซี)
17. อิสลามเข้มแข็งขึ้นเมื่ออุมัร (ร.ฎ.) เข้ารับอิสลาม
จาก อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด (ร.ฎ.) กล่าวยืนยันวา พวกเราเข้มแข็งขึ้นตั้งแต่ท่านอุมัรเข้ารับอิสลาม (บุคอรี)
............................................................................
(จากหนังสือ : 10 ศอหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์)
มันศูร อับดุลลอฮฺ : เรียบเรียง
อดทน เพื่อชัยชนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น