10 ศอฮาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์
***ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู***
ชื่อ ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ
บิดา อุบัยดิลลาฮฺ บิน อุสมาน บิน อุมัรฺ บิน กะอับ บินสะอัด บิน ดัยมฺ บิน กะอับ บิน ลุอัย บิน ฆอลิบ
มารดา ชะอฺบะฮฺ บินติ ฮัดรอมี
บุคลิกภาพ / อุปนิสัย
ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ เป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นบุุลแรก ๆ ที่รับอิสลาม ผ่านทาง อบูบักรฺ ตั้งแต่เข้ารับอิสลามจนถึงบั้นปลายของชีวิต เขาไม่เคยพลาดสัญญาเลย จนเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้ที่ซื่อสัตย์ ไม่เคยหลอกลวงและทำร้ายผู้ใด อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงประทานโองการลงการเกี่ยวกับตัวเขาว่า
"บางส่วนจากเหล่าศรัทธาชนเป็นบุรุษผู้จริงใจต่อปฏิญญาที่พวกเขากระทำกับอัลลอฮฺ ซึ่งบางคนของพวกเขาเป็นผู้กระทำการตามคำมั่นสัญญาของเขา (ด้วยการออกทำศึกจนสิ้นชีวิต) และบางคนของพวกเขาเป็นผู้ที่รอคอยและพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง (คำมั่นสัญญา) แต่ประการใด" (อัลอะหฺซาบ : 23)
.....การเข้ารับอิสลาม
ขณะที่ฏอลหะฮฺทำการค้าขายอยู่ที่ซีเรีย เขาหยุดพักอยู่ที่เมืองบัคเราะฮฺ ที่นั่นเขาพบกับทูตคนหนึ่งซึ่งกำลังแจ้งข่าวการมาของศาสดาองค์ใหม่ที่ชื่อว่า มุหัมมัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ ณ แผ่นดินหะรอม (มักกะฮฺ)
เขากล่าวว่า "โอ้ผู้คนทั้งหลาย มีใครสักคนไหมที่มาจากแผ่นดินหะรอม ?"
ฏอลหะฮฺ ตอบว่า "ข้าเอง"
ทูตคนนั้นจึงกล่าวว่า "ท่านรู้จักอะหฺมัดไหม ?"
"เขาคือใครกัน ?" ฏอลหะฮฺเอ่ยถาม
"เขาคือบุตรชายของอัลดุลลอฮฺ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ นี่คือ เดือนแห่งการเกิดของเขา เขาประกาศว่าเขาคือศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้า ท่านจงไปพบเขาเถิด"
ฏอลหะฮฺได้ยินเช่นนั้นจึงรีบออกเดินทางกลับ เมื่อถึงมักกะฮฺเขาถามหาชายที่เขารักมากที่สุดคืออบูบักรฺ แล้วถามเขาว่า
"โอ้อบูบักรฺ ท่านศรัทธาตามมุหัมมัดแล้วหรือ ?"
อบูบักรฺตอบว่า "ใช่ ท่านจงไปพบท่านเถิด จงปฏิบัติตามท่าน เพราะท่านเรียกร้องไปสู่ศาสนาแห่งสัจธรรม"
ได้ฟังคำของอบูบักรฺ ฏอลหะฮฺจึงเข้าพบท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) แล้วประกาศเข้ารับอิสลามทันที เมื่อทั้งสองจากท่านศาสดามา เพื่อกลับบ้าน พวกเขาก็ถูกขัดขวางโดย เนาฟัล บิน คุวัยลิด บิน อะดาวียะฮฺ ซึ่งชาวมักกะฮฺ เรียกกันว่า "สิงห์แห่งกุร็อยชฺ" เนื่องจากความเหี้ยมเกรียมของเขา เนาฟัลเรียกลูกน้องมาเพื่อจับตัว แล้วทั้งสองก็ถูกทำทารุณกรรมด้วยการมัดมือไว้กับต้นคอ ไม่เพียงแต่เท่านั้น บางรายงานกล่าวว่า แม้แต่มารดาของฏอลหะฮฺเองยังเข้าร่วมทำทารุณแก่ฏอลหะฮฺด้วย แต่เขาก็อดทนเพื่อยืนยันถึงความศรัทธาที่เที่ยงแท้ของเขา
...... ผลงานเด่น
1. ในการอพยพจากนครมักกะฮฺสู่นครมะดีนะฮฺ ท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้อพยพแบบลับ ๆ และได้ร่วมขบวนเดินทางไปกับครอบครัวของท่านนบี (ซ.ล.) และครอบครัวของอบูบักรฺ (ร.ฎ.) ซึ่งประกอบด้วยท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ, อุมุกัลษูม และภรรยายาของท่านนบี ท่านเสาดะฮฺ บินติ ซุมอะฮฺ, อุมมุอัยมาน (ร.ฎ.) โดยการร่วมปกป้องดูแลของ ชัยดฺ บิน หาริษะฮฺ และ อุซามะฮฺ บิน ชัยดฺ (ร.ฎ.)
2. ขณะอยู่มะดีนะฮฺ ท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้เข้าร่วมรบกับท่านนบีในหลาย ๆ สมรภูมิ นอกจากสงครามบะดัร เพราะท่านได้รับหน้าที่จากท่านรอซูลให้ร่วมกับ สะอีด บิน ขัยดฺ (ร.ฎ.) เฝ้าดูแลขบวนสินค้าจากมักกะฮฺที่จะเข้ามายังมะดีนะฮฺ ณ สถานที่ที่มีชื่่อว่า "เฮารอ" เมื่อทั้งสองเห็นว่าขบวนสินค้าได้เดินทางออกไปแล้ว จึงกลับมารายงานให้ท่านรอซูล (ซ.ล.) ทราบ แต่ปรากฏว่าท่านรอซูลและศอหาบะฮฺ เดินทางไปยังบะดัรแล้ว ทั้งสองเดินทางตามไปถึงระหว่างทาง เจอกับกองทัพของมุสลิมที่เดินทางกลับ จึงพลาดโอกาสการเข้าร่วมในสมรภูมิบะดัร พวกเขาเศร้าเสียใจมาก ท่านรอซูล (ซ.ล.) จึงปลอบใจด้วยการบอกพวกเขาว่า จะได้รับผลบุญและการตอบแทนเช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมทุกประการ
3. เป็นวีรบุรุษในสงครามอุหุด ในขณะที่สงครามกำลังจะยุติด้วยชัยชนะของฝ่ายมุสลิม พลธนูที่ยืนหยัดอยู่บนเนินเขาเห็นเช่นนั้นจึงละฐานที่มั่นเพื่อลงมาเก็บสินทรัพย์สงคราม โดยไม่ฟังเสียงของผู้บังคับบัญชาที่คอยเตือนให้รักษาตำแหน่งของตนไว้บนเนินเขา คอลิด บิน วะลีด ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยทหารม้าของพวกกุร็อยชฺมักกะฮฺเห็นเป็นโอกาสดีจึงนำทหารม้าตีโอบไปทางด้านหลังเนินเขา แล้วบุกทะลวงเข้าไปยังใจกลางของทัพมุสลิมอย่างย่ามใจ ในที่สุดทัพมุสลิมจึงตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ท่านรอซูล (ซ.ล.) ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู เลือดที่ใบหน้าของท่านรอซูลแดงฉาน ฏอลหะฮฺเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาปกป้องท่านรอซูล เขาใช้ดาบกวัดแกว่งด้วยมือขวาและซ้ายฟาดฟันศัตรูที่เข้าประชิดตัวรอซูล จนกระทั่งบาดแผลเต็มตัวถึง 24 แห่ง นิ้วขาด ในขณะที่ท่านรอซูลเองถึงกับฟันหัก
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านอบูบักรฺ (ร.ฎ.) เคยพูดถึง บะดัร ไว้ว่า
"มันเป็นวันแห่งการต่อสู้ของท่านฏอลหะฮฺ ในเวลานั้น ฉันเป็นคนแรกที่เจอท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) เมื่อท่านรอซุูลเห็นฉันและอบูอุบัยดะฮฺ บิน ญัรรอหฺ ท่านกล่าวว่า จงช่วยเหลือพี่น้องของท่านด้วย (หมายถึง ฏอลหะฮฺ) ฉันหันไปดูฏอลหะฮฺ เขามีบาดแผลเกือบ 70 แห่ง ทั้งจากดาบ หอก และธนู นอกจากนั้นนิ้วของเขาถึงกับขาด"
4. เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยคนหนึ่ง แต่เขาก็อุทิศทรัพย์สินที่เขามีอยู่เพื่อศาสนาและเพื่อคนยากจนโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ๆ จนกระทั่งได้รับการเรียกขานว่า "ฏอลหะฮฺผู้ใจบุญ"
ซุอดา บินติ เอาฟฺ (ร.ฎ.) ภรรยาของฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) เคยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ซึมเศร้าผิดปกติ ภรรยาจึงถามขึ้นว่า
"ท่านมีเรื่องขุ่นเคืองใจอันใดหรือ จึงได้ดูซึมเศร้าเช่นนั้น ?"
เขาตอบว่า
"ในมือของฉันมันมีทรัพย์สินมากมายเหลือเกิน จนมันทำให้ฉันรู้สึกยุ่งยากลำบากและอึดอัดใจ"
ภรรยาแนะนำว่า "ไม่เป็นปัญหาหรอก ขอให้เราแจกจ่ายแก่คนยากจนเถิด" แล้ว ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ก็ยืนขึ้นเรียกผู้คนที่ยากจนมารวมกัน แล้วแจกจ่ายทรัพย์สินออกไปจนกระทั่งไม่เหลือให้ตัวเองแม้แต่ดิรฮัมเดียว
อีกรายงานหนึ่งกล่าวว่า ครั้งหนึ่ง ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้ขายที่ดินของเขาด้วยราคาที่สูงมาก ทำให้เขาได้รับเงินมหาศาล แต่เมื่อเขาเห็นมันเขากลับร้องไห้และกล่าวว่า "แท้จริงแล้วหากใครคนใดต้องแบกรับภาระหนักอึ้งอันเนื่องจากทรัพย์อันมากมายนี้ มันย่อมรบกวนชีวิตที่สงบสุขและการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺอย่างแน่นอน" แล้วเขาก็เรียกศอหาบะฮฺมาช่วยกันแจกจ่ายให้ผู้ยากไร้ชาวมะดีนะฮฺคนแล้วคนเล่า จนไม่เหลือไว้แม้แต่ดีรฮัมเดียว
ญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ (ร.ฎ.) ได้ฉายภาพให้เห็นถึง ฏอลหะฮฺ ว่า
"ในชีวิตฉัน ฉันไม่เคยเห็นใครจะใจบุญสุนทานด้วยการบริจาคแก่บุคคลที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอ มากไปกว่า ท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ เลย"
5. ท่านเป็นบุคคลที่ช่วยเหลือญาติผู้ใกล้ชิด ด้วยการจ่ายเป็นการเลี้ยงดู แม้ว่าจะมีจำนวนไม่ใช่น้อย บางคนกล่าวว่า "ไม่มีใครจาก บนีตัยมฺที่เดือดร้อนนอกจากท่านฏอลหะฮฺต้องสร้างบ้านให้ จัดการแต่งงานให้ลูกหลานที่กำพร้า ให้มีงานทำ และปลดหนี้่ของพวกเขา"
ท่านสะอีด บิน ชัยดฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า "ฉันมักจะอยู่กับท่านฏอลหะฮฺเสมอไม่ว่าจะเดินทางหรืออยู่กับถิ่น ฉันไม่เคยเห็นใครที่จะมีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารีแก่พี่น้องมุสลิมยิ่งไปกว่าเขาเลย"
.....การเสียชีวิต
ความแตกแยกและฟิตนะฮฺต่าง ๆ ท่ามกลางมุสลิมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จบลงด้วยความร้าวฉานในยุคสมัยท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน (ร.ฎ.) ต่อด้วยความร้าวฉานในยุคสมัยของ อลี บิน อบีฏอลิบ (ร.ฎ) จนกระทั่งสงครามของมุสลิมสองฝ่ายก่อตัวขึ้น ฝ่ายหนึ่งท่าน อลี บิน อบีฏอลิบ (ร.ฎ.) เป็นผู้นำอีกฝ่ายหนึ่งท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เป็นผู้นำสงครามนี้ชื่อว่า สงครามอูฐ
คอลีฟะฮฺอลี (ร.ฎ.) เห็นท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) บนหลังอูฐกำลังนำทัพของฝ่ายตรงข้าม ท่านถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นความขัดแย้งกันเองและต้องเผชิญหน้ากับผู้่ที่มีเกียรติสูงยิ่ง รวมทั้งพี่น้องมุสลิมทุกคน แต่ด้วยเหตุว่าท่านเป็นคอลีฟะฮฺที่ชอบธรรม จำต้องรักษาบทบัญญัติอิสลามเอาไว้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
และเมื่อเห็นท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ และวูบัยรฺ บิน เอาวัม (ร.ฎ.) ซึ่งเป็นบุคคลที่ท่านรอซูลรักพวกเขาอย่างยิ่ง อยู่ท่ามกลางฝ่ายกบฎด้วยแล้ว ท่านอลี (ร.ฎ.) รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงกังวลมาก จึงเรียกพวกเขามาเจรจา
ท่านอลี (ร.ฎ.) กล่าวกับ ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ว่า
"โอ้ท่านฏอลหะฮฺ เหมาะสมแล้วหรือที่ท่านนำพาภริยาของท่านรอซูลออกมาทำสงครามในขณะที่ภรรยาของท่านอยู่กับบ้าน?"
แล้วหันไปหาซุบัยรฺ (ร.ฎ.) พลางกล่าวว่า
"โอ้ท่านซุบัยรฺ ฉันขอให้ท่านตอบด้วยนามของอัลลอฮฺ ท่านลืมไปแล้วหรือ เมื่อตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วท่านรอซูลได้ถามว่า โอ้ ซุบัยรฺ ท่านรักอลีหรือไม่ แล้วท่านก็ตอบว่า ทำไมฉันจะไม่รักลูกพี่ลูกน้อง ลูกของป้าและลุงของฉัน อีกทั้งเป็นพี่น้องร่วมศาสนาของฉันเล่า แล้วท่านรอซูลยังกล่าวอีกว่า โอ้ซุบัยรฺ ด้วยนามของอัลลอฮฺ หากท่าสู้รบกับอลี แน่นอนท่านได้ก่อการอธรรมต่อเขาแล้ว"
ได้ยินเช่นนั้น ท่านซุบัยรฺ (ร.ฎ.) จึงกล่าวว่า
"ใช่สิิ ฉันยังจำได้ แต่เกือบลืมมันไป ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะไม่ทำการสู้รบอีกต่อไป"
แล้วท่านซุบัยรฺ และฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) จึงผละออกจากการเผชิญหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงจากการสงครามระหว่างพี่น้อง
แต่คนชั่วผู้ไม่ประสงค์ให้ยุติการสู้รบ กลับทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
ท่านซุบัยรฺ (ร.ฎ.) ถูกลอบสังหารโดย อัมรฺ บิน ญุรมุซ ขณะกำลังนมาซ
ส่วนท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ถูกลอบสังหารโดย มัรวาน บิน หะกัม
พวกเขาตายชะฮีด ดังที่ท่านรอซูล (ซ.ล.) เคยกล่าวไว้ว่า
"ผู้ใดประสงค์จะมองดูผู้พลีชีพชะฮีดที่กำลังเดินอยู่บนหน้าแผ่นดินแล้ว ก็จงมองดู ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺเถิด" (ตริมีซี)
หลังจากฝังศพของศอหาบะฮฺผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองแล้ว ท่านอลี (ร.ฎ.) ได้กล่าวถ้อยคำอันงดงามยิ่งว่า
"แท้จริงฉันหวังว่า ฉันจะได้อยู่ร่วมกับ ท่านฏอลหะฮฺ ซุบัยรฺ และอุษมาน ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มชนที่อัลลอฮฺทรงดำรัสถึงพวกเขาไว้ว่า
และเราได้ถอดถอนความเคียดแค้นในหัวอกของพวกเขา (ออกหมดสิ้นให้เปลี่ยนมาเป็น) พี่น้องกัน" (อัลหิจญฺรุ : 47)
ท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ (ร.ฎ.) เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 60 ปี ศพของท่านถูกฝังที่เมืองบัศเราะฮฺ
...... ความประเสริฐของท่าน ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ (ร.ฎ.)
1. ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ปกป้องท่านนบี (ซ.ล.)
จาก ก็อยสฺ บิน อบีฮาซิม (ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้เห็นมือของฏอลหะฮฺที่ใช้ป้องกันท่านนบี (ซ.ล.) เป็นอัมภาพ (บุคอรี,มุสลิม)
2. ท่านนบี (ซ.ล.) รับรองสวรรค์แก่ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.)
จากซุบัยรฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ในวันแห่งสงครามอุหุด บนเรือนร่างของท่านนบีมีเสื้อเกราะสองตัว ต่อมาท่านได้ปีนขึ้นไปที่หินใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่ท่านไม่สามารถ ต่อมาท่านได้ให้ฏอลหะฮฺนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ และท่านนบีก็ขึ้นไปยืนบนหินก้อนนั้นได้ ต่อมาท่านได้กล่าวว่า
"(สวรรค์นั้น) ต้อได้แก่ฏอลหะฮฺ" (ติรมีซี)
3. ซุบัยรฺและฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) เป็นเพื่อนของท่านรอซูล (ซ.ล.) ในสวรรค์
จาก อลี (ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า หูของข้าพเจ้าได้ยินจากปากของท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) โดยท่านกล่าวว่า
"ฏอลหะฮฺและซุบัยรฺเป็นเพื่อนของฉันในสวรรค์" (ติรมีซี)
4. ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) คือ นักรบชะฮีดที่ยังคงมีชีวิตอยู่
ญาบิร (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
"ผู้ใดประสงค์จะมองดูผู้พลีชีพชะฮีดที่กำลังเดินอยู่บนหน้าแผ่นดินแล้ว ก็จงมองดู ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺเถิด" (ติรมีซี)
5. นบี (ซ.ล.) ชื่นชมฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.)
จากอุมัรฺ (ร.ฎ.) กล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) ชื่นชมเา (ฏอลหะฮฺ) ตลอด จนกระทั่งท่านถึงแก่ชีวิต (บุคอรี)
***ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู***
ชื่อ ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ
บิดา อุบัยดิลลาฮฺ บิน อุสมาน บิน อุมัรฺ บิน กะอับ บินสะอัด บิน ดัยมฺ บิน กะอับ บิน ลุอัย บิน ฆอลิบ
มารดา ชะอฺบะฮฺ บินติ ฮัดรอมี
บุคลิกภาพ / อุปนิสัย
ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ เป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นบุุลแรก ๆ ที่รับอิสลาม ผ่านทาง อบูบักรฺ ตั้งแต่เข้ารับอิสลามจนถึงบั้นปลายของชีวิต เขาไม่เคยพลาดสัญญาเลย จนเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้ที่ซื่อสัตย์ ไม่เคยหลอกลวงและทำร้ายผู้ใด อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงประทานโองการลงการเกี่ยวกับตัวเขาว่า
"บางส่วนจากเหล่าศรัทธาชนเป็นบุรุษผู้จริงใจต่อปฏิญญาที่พวกเขากระทำกับอัลลอฮฺ ซึ่งบางคนของพวกเขาเป็นผู้กระทำการตามคำมั่นสัญญาของเขา (ด้วยการออกทำศึกจนสิ้นชีวิต) และบางคนของพวกเขาเป็นผู้ที่รอคอยและพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง (คำมั่นสัญญา) แต่ประการใด" (อัลอะหฺซาบ : 23)
.....การเข้ารับอิสลาม
ขณะที่ฏอลหะฮฺทำการค้าขายอยู่ที่ซีเรีย เขาหยุดพักอยู่ที่เมืองบัคเราะฮฺ ที่นั่นเขาพบกับทูตคนหนึ่งซึ่งกำลังแจ้งข่าวการมาของศาสดาองค์ใหม่ที่ชื่อว่า มุหัมมัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ ณ แผ่นดินหะรอม (มักกะฮฺ)
เขากล่าวว่า "โอ้ผู้คนทั้งหลาย มีใครสักคนไหมที่มาจากแผ่นดินหะรอม ?"
ฏอลหะฮฺ ตอบว่า "ข้าเอง"
ทูตคนนั้นจึงกล่าวว่า "ท่านรู้จักอะหฺมัดไหม ?"
"เขาคือใครกัน ?" ฏอลหะฮฺเอ่ยถาม
"เขาคือบุตรชายของอัลดุลลอฮฺ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ นี่คือ เดือนแห่งการเกิดของเขา เขาประกาศว่าเขาคือศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้า ท่านจงไปพบเขาเถิด"
ฏอลหะฮฺได้ยินเช่นนั้นจึงรีบออกเดินทางกลับ เมื่อถึงมักกะฮฺเขาถามหาชายที่เขารักมากที่สุดคืออบูบักรฺ แล้วถามเขาว่า
"โอ้อบูบักรฺ ท่านศรัทธาตามมุหัมมัดแล้วหรือ ?"
อบูบักรฺตอบว่า "ใช่ ท่านจงไปพบท่านเถิด จงปฏิบัติตามท่าน เพราะท่านเรียกร้องไปสู่ศาสนาแห่งสัจธรรม"
ได้ฟังคำของอบูบักรฺ ฏอลหะฮฺจึงเข้าพบท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) แล้วประกาศเข้ารับอิสลามทันที เมื่อทั้งสองจากท่านศาสดามา เพื่อกลับบ้าน พวกเขาก็ถูกขัดขวางโดย เนาฟัล บิน คุวัยลิด บิน อะดาวียะฮฺ ซึ่งชาวมักกะฮฺ เรียกกันว่า "สิงห์แห่งกุร็อยชฺ" เนื่องจากความเหี้ยมเกรียมของเขา เนาฟัลเรียกลูกน้องมาเพื่อจับตัว แล้วทั้งสองก็ถูกทำทารุณกรรมด้วยการมัดมือไว้กับต้นคอ ไม่เพียงแต่เท่านั้น บางรายงานกล่าวว่า แม้แต่มารดาของฏอลหะฮฺเองยังเข้าร่วมทำทารุณแก่ฏอลหะฮฺด้วย แต่เขาก็อดทนเพื่อยืนยันถึงความศรัทธาที่เที่ยงแท้ของเขา
...... ผลงานเด่น
1. ในการอพยพจากนครมักกะฮฺสู่นครมะดีนะฮฺ ท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้อพยพแบบลับ ๆ และได้ร่วมขบวนเดินทางไปกับครอบครัวของท่านนบี (ซ.ล.) และครอบครัวของอบูบักรฺ (ร.ฎ.) ซึ่งประกอบด้วยท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ, อุมุกัลษูม และภรรยายาของท่านนบี ท่านเสาดะฮฺ บินติ ซุมอะฮฺ, อุมมุอัยมาน (ร.ฎ.) โดยการร่วมปกป้องดูแลของ ชัยดฺ บิน หาริษะฮฺ และ อุซามะฮฺ บิน ชัยดฺ (ร.ฎ.)
2. ขณะอยู่มะดีนะฮฺ ท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้เข้าร่วมรบกับท่านนบีในหลาย ๆ สมรภูมิ นอกจากสงครามบะดัร เพราะท่านได้รับหน้าที่จากท่านรอซูลให้ร่วมกับ สะอีด บิน ขัยดฺ (ร.ฎ.) เฝ้าดูแลขบวนสินค้าจากมักกะฮฺที่จะเข้ามายังมะดีนะฮฺ ณ สถานที่ที่มีชื่่อว่า "เฮารอ" เมื่อทั้งสองเห็นว่าขบวนสินค้าได้เดินทางออกไปแล้ว จึงกลับมารายงานให้ท่านรอซูล (ซ.ล.) ทราบ แต่ปรากฏว่าท่านรอซูลและศอหาบะฮฺ เดินทางไปยังบะดัรแล้ว ทั้งสองเดินทางตามไปถึงระหว่างทาง เจอกับกองทัพของมุสลิมที่เดินทางกลับ จึงพลาดโอกาสการเข้าร่วมในสมรภูมิบะดัร พวกเขาเศร้าเสียใจมาก ท่านรอซูล (ซ.ล.) จึงปลอบใจด้วยการบอกพวกเขาว่า จะได้รับผลบุญและการตอบแทนเช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมทุกประการ
3. เป็นวีรบุรุษในสงครามอุหุด ในขณะที่สงครามกำลังจะยุติด้วยชัยชนะของฝ่ายมุสลิม พลธนูที่ยืนหยัดอยู่บนเนินเขาเห็นเช่นนั้นจึงละฐานที่มั่นเพื่อลงมาเก็บสินทรัพย์สงคราม โดยไม่ฟังเสียงของผู้บังคับบัญชาที่คอยเตือนให้รักษาตำแหน่งของตนไว้บนเนินเขา คอลิด บิน วะลีด ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยทหารม้าของพวกกุร็อยชฺมักกะฮฺเห็นเป็นโอกาสดีจึงนำทหารม้าตีโอบไปทางด้านหลังเนินเขา แล้วบุกทะลวงเข้าไปยังใจกลางของทัพมุสลิมอย่างย่ามใจ ในที่สุดทัพมุสลิมจึงตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ท่านรอซูล (ซ.ล.) ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู เลือดที่ใบหน้าของท่านรอซูลแดงฉาน ฏอลหะฮฺเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาปกป้องท่านรอซูล เขาใช้ดาบกวัดแกว่งด้วยมือขวาและซ้ายฟาดฟันศัตรูที่เข้าประชิดตัวรอซูล จนกระทั่งบาดแผลเต็มตัวถึง 24 แห่ง นิ้วขาด ในขณะที่ท่านรอซูลเองถึงกับฟันหัก
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านอบูบักรฺ (ร.ฎ.) เคยพูดถึง บะดัร ไว้ว่า
"มันเป็นวันแห่งการต่อสู้ของท่านฏอลหะฮฺ ในเวลานั้น ฉันเป็นคนแรกที่เจอท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) เมื่อท่านรอซุูลเห็นฉันและอบูอุบัยดะฮฺ บิน ญัรรอหฺ ท่านกล่าวว่า จงช่วยเหลือพี่น้องของท่านด้วย (หมายถึง ฏอลหะฮฺ) ฉันหันไปดูฏอลหะฮฺ เขามีบาดแผลเกือบ 70 แห่ง ทั้งจากดาบ หอก และธนู นอกจากนั้นนิ้วของเขาถึงกับขาด"
4. เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยคนหนึ่ง แต่เขาก็อุทิศทรัพย์สินที่เขามีอยู่เพื่อศาสนาและเพื่อคนยากจนโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ๆ จนกระทั่งได้รับการเรียกขานว่า "ฏอลหะฮฺผู้ใจบุญ"
ซุอดา บินติ เอาฟฺ (ร.ฎ.) ภรรยาของฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) เคยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ซึมเศร้าผิดปกติ ภรรยาจึงถามขึ้นว่า
"ท่านมีเรื่องขุ่นเคืองใจอันใดหรือ จึงได้ดูซึมเศร้าเช่นนั้น ?"
เขาตอบว่า
"ในมือของฉันมันมีทรัพย์สินมากมายเหลือเกิน จนมันทำให้ฉันรู้สึกยุ่งยากลำบากและอึดอัดใจ"
ภรรยาแนะนำว่า "ไม่เป็นปัญหาหรอก ขอให้เราแจกจ่ายแก่คนยากจนเถิด" แล้ว ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ก็ยืนขึ้นเรียกผู้คนที่ยากจนมารวมกัน แล้วแจกจ่ายทรัพย์สินออกไปจนกระทั่งไม่เหลือให้ตัวเองแม้แต่ดิรฮัมเดียว
อีกรายงานหนึ่งกล่าวว่า ครั้งหนึ่ง ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ได้ขายที่ดินของเขาด้วยราคาที่สูงมาก ทำให้เขาได้รับเงินมหาศาล แต่เมื่อเขาเห็นมันเขากลับร้องไห้และกล่าวว่า "แท้จริงแล้วหากใครคนใดต้องแบกรับภาระหนักอึ้งอันเนื่องจากทรัพย์อันมากมายนี้ มันย่อมรบกวนชีวิตที่สงบสุขและการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺอย่างแน่นอน" แล้วเขาก็เรียกศอหาบะฮฺมาช่วยกันแจกจ่ายให้ผู้ยากไร้ชาวมะดีนะฮฺคนแล้วคนเล่า จนไม่เหลือไว้แม้แต่ดีรฮัมเดียว
ญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ (ร.ฎ.) ได้ฉายภาพให้เห็นถึง ฏอลหะฮฺ ว่า
"ในชีวิตฉัน ฉันไม่เคยเห็นใครจะใจบุญสุนทานด้วยการบริจาคแก่บุคคลที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอ มากไปกว่า ท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ เลย"
5. ท่านเป็นบุคคลที่ช่วยเหลือญาติผู้ใกล้ชิด ด้วยการจ่ายเป็นการเลี้ยงดู แม้ว่าจะมีจำนวนไม่ใช่น้อย บางคนกล่าวว่า "ไม่มีใครจาก บนีตัยมฺที่เดือดร้อนนอกจากท่านฏอลหะฮฺต้องสร้างบ้านให้ จัดการแต่งงานให้ลูกหลานที่กำพร้า ให้มีงานทำ และปลดหนี้่ของพวกเขา"
ท่านสะอีด บิน ชัยดฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า "ฉันมักจะอยู่กับท่านฏอลหะฮฺเสมอไม่ว่าจะเดินทางหรืออยู่กับถิ่น ฉันไม่เคยเห็นใครที่จะมีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารีแก่พี่น้องมุสลิมยิ่งไปกว่าเขาเลย"
.....การเสียชีวิต
ความแตกแยกและฟิตนะฮฺต่าง ๆ ท่ามกลางมุสลิมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จบลงด้วยความร้าวฉานในยุคสมัยท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน (ร.ฎ.) ต่อด้วยความร้าวฉานในยุคสมัยของ อลี บิน อบีฏอลิบ (ร.ฎ) จนกระทั่งสงครามของมุสลิมสองฝ่ายก่อตัวขึ้น ฝ่ายหนึ่งท่าน อลี บิน อบีฏอลิบ (ร.ฎ.) เป็นผู้นำอีกฝ่ายหนึ่งท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เป็นผู้นำสงครามนี้ชื่อว่า สงครามอูฐ
คอลีฟะฮฺอลี (ร.ฎ.) เห็นท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) บนหลังอูฐกำลังนำทัพของฝ่ายตรงข้าม ท่านถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นความขัดแย้งกันเองและต้องเผชิญหน้ากับผู้่ที่มีเกียรติสูงยิ่ง รวมทั้งพี่น้องมุสลิมทุกคน แต่ด้วยเหตุว่าท่านเป็นคอลีฟะฮฺที่ชอบธรรม จำต้องรักษาบทบัญญัติอิสลามเอาไว้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
และเมื่อเห็นท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ และวูบัยรฺ บิน เอาวัม (ร.ฎ.) ซึ่งเป็นบุคคลที่ท่านรอซูลรักพวกเขาอย่างยิ่ง อยู่ท่ามกลางฝ่ายกบฎด้วยแล้ว ท่านอลี (ร.ฎ.) รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงกังวลมาก จึงเรียกพวกเขามาเจรจา
ท่านอลี (ร.ฎ.) กล่าวกับ ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ว่า
"โอ้ท่านฏอลหะฮฺ เหมาะสมแล้วหรือที่ท่านนำพาภริยาของท่านรอซูลออกมาทำสงครามในขณะที่ภรรยาของท่านอยู่กับบ้าน?"
แล้วหันไปหาซุบัยรฺ (ร.ฎ.) พลางกล่าวว่า
"โอ้ท่านซุบัยรฺ ฉันขอให้ท่านตอบด้วยนามของอัลลอฮฺ ท่านลืมไปแล้วหรือ เมื่อตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วท่านรอซูลได้ถามว่า โอ้ ซุบัยรฺ ท่านรักอลีหรือไม่ แล้วท่านก็ตอบว่า ทำไมฉันจะไม่รักลูกพี่ลูกน้อง ลูกของป้าและลุงของฉัน อีกทั้งเป็นพี่น้องร่วมศาสนาของฉันเล่า แล้วท่านรอซูลยังกล่าวอีกว่า โอ้ซุบัยรฺ ด้วยนามของอัลลอฮฺ หากท่าสู้รบกับอลี แน่นอนท่านได้ก่อการอธรรมต่อเขาแล้ว"
ได้ยินเช่นนั้น ท่านซุบัยรฺ (ร.ฎ.) จึงกล่าวว่า
"ใช่สิิ ฉันยังจำได้ แต่เกือบลืมมันไป ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะไม่ทำการสู้รบอีกต่อไป"
แล้วท่านซุบัยรฺ และฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) จึงผละออกจากการเผชิญหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงจากการสงครามระหว่างพี่น้อง
แต่คนชั่วผู้ไม่ประสงค์ให้ยุติการสู้รบ กลับทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
ท่านซุบัยรฺ (ร.ฎ.) ถูกลอบสังหารโดย อัมรฺ บิน ญุรมุซ ขณะกำลังนมาซ
ส่วนท่านฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ถูกลอบสังหารโดย มัรวาน บิน หะกัม
พวกเขาตายชะฮีด ดังที่ท่านรอซูล (ซ.ล.) เคยกล่าวไว้ว่า
"ผู้ใดประสงค์จะมองดูผู้พลีชีพชะฮีดที่กำลังเดินอยู่บนหน้าแผ่นดินแล้ว ก็จงมองดู ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺเถิด" (ตริมีซี)
หลังจากฝังศพของศอหาบะฮฺผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองแล้ว ท่านอลี (ร.ฎ.) ได้กล่าวถ้อยคำอันงดงามยิ่งว่า
"แท้จริงฉันหวังว่า ฉันจะได้อยู่ร่วมกับ ท่านฏอลหะฮฺ ซุบัยรฺ และอุษมาน ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มชนที่อัลลอฮฺทรงดำรัสถึงพวกเขาไว้ว่า
และเราได้ถอดถอนความเคียดแค้นในหัวอกของพวกเขา (ออกหมดสิ้นให้เปลี่ยนมาเป็น) พี่น้องกัน" (อัลหิจญฺรุ : 47)
ท่านฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ (ร.ฎ.) เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 60 ปี ศพของท่านถูกฝังที่เมืองบัศเราะฮฺ
...... ความประเสริฐของท่าน ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺ (ร.ฎ.)
1. ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) ปกป้องท่านนบี (ซ.ล.)
จาก ก็อยสฺ บิน อบีฮาซิม (ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้เห็นมือของฏอลหะฮฺที่ใช้ป้องกันท่านนบี (ซ.ล.) เป็นอัมภาพ (บุคอรี,มุสลิม)
2. ท่านนบี (ซ.ล.) รับรองสวรรค์แก่ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.)
จากซุบัยรฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า ในวันแห่งสงครามอุหุด บนเรือนร่างของท่านนบีมีเสื้อเกราะสองตัว ต่อมาท่านได้ปีนขึ้นไปที่หินใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่ท่านไม่สามารถ ต่อมาท่านได้ให้ฏอลหะฮฺนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ และท่านนบีก็ขึ้นไปยืนบนหินก้อนนั้นได้ ต่อมาท่านได้กล่าวว่า
"(สวรรค์นั้น) ต้อได้แก่ฏอลหะฮฺ" (ติรมีซี)
3. ซุบัยรฺและฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) เป็นเพื่อนของท่านรอซูล (ซ.ล.) ในสวรรค์
จาก อลี (ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า หูของข้าพเจ้าได้ยินจากปากของท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) โดยท่านกล่าวว่า
"ฏอลหะฮฺและซุบัยรฺเป็นเพื่อนของฉันในสวรรค์" (ติรมีซี)
4. ฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.) คือ นักรบชะฮีดที่ยังคงมีชีวิตอยู่
ญาบิร (ร.ฎ.) เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
"ผู้ใดประสงค์จะมองดูผู้พลีชีพชะฮีดที่กำลังเดินอยู่บนหน้าแผ่นดินแล้ว ก็จงมองดู ฏอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลลาฮฺเถิด" (ติรมีซี)
5. นบี (ซ.ล.) ชื่นชมฏอลหะฮฺ (ร.ฎ.)
จากอุมัรฺ (ร.ฎ.) กล่าวว่า ท่านนบี (ซ.ล.) ชื่นชมเา (ฏอลหะฮฺ) ตลอด จนกระทั่งท่านถึงแก่ชีวิต (บุคอรี)
...................................
(จากหนังสือ : 10 เศาะหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์)
มันศูร อับดุลลอฮฺ : เรียบเรียง
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น