**** ความวิตกของท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ ****
รายงานจากท่านอบูอะรอกะฮฺ เล่าว่า
ฉันได้ละหมาดฟัจรฺกับท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ ภายหลังจากให้สลาม (เสร็จละหมาด) ท่านก็ผินหน้าไปทางด้านขวา แล้วนั่งนิ่งอย่างสงบแทบไม่ไหวติง จนกระทั่งแสงตะวันส่องมาถึงกำแพงมัสญิดเกิดเป็นเงายาวทอดไปเท่าด้ามหอก ท่านกล่าวภลางเอามือกระทบกันอย่างครุ่นคิดว่า ฉันเคยเห็นสิ่งที่บรรดาเหล่าเศาะฮะบะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นมาซึ่งฉันไม่เห็นสิิ่งใดในวันนี้ เสมอเหมือนพวกเขาเลย คือ พวกเขานั้นพอยามเช้าจะเห็นมีสภาพผมยุ่ง หน้าซีดเซียวมีฝุ่นเกาะอยู่ (เนื่องจากอดนอนเพราะทำอิบาดะฮฺมาก) บนหน้าผากของพวกเขามีรอยดำด้านปรากฏอยู่ พวกเขาได้ลุแก่โทษทั้่งยามกราบและยามยืนต่ออัลลอฮฺ และอ่านถ้อยคำของพระองค์อยู่ในท่าที่สลับกันระหว่างบนหน้าผากกับสองเท้า (สุญูดและรู่กัวะอฺเช่นนั้นชั่วคืน) ครั้งเมื่อตอนยามสว่างพวกเขาก็ต่างพากันระลึกต่ออัลลอฮฺ (ซิกรุลลอฮฺ) โอนเอนเหมือนต้นไม้ถูกพัดยามลมแรง น้ำตาของพวกเาหลั่งรินจนเสื้อผ้าเปียกปอน ขอสาบานว่า พวกเขาทำการขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺอย่างเดียวโดยไม่สนว่าผลนั้นจะเป็นเช่นใด
ครั้งหนึ่ง เมื่อมุอาวิยะฮฺ บินอบีซูฟยาน ได้กล่าวแก่ ฎิรอรฺ บินมุนีเราะฺฮฺ ว่า
"เจ้าจงบอกลักษณะของอาลีให้ฉันฟังซิ"
กิรอรฺ ถามว่า "ท่านคงอภัยให้ฉันนะขอรับ ?"
ท่านมุอาวิยะฮฺ "จงบอกมาซิ"
ฎิรอรฺขอความมั่นใจอีกว่า "หวังว่าท่านคงอภัยให้ฉันนะขอรับ ?"
ท่ามุอาวิยะฮฺรับรอง "เอาเถอะ ว่ามา"
ฎิรอรฺ กล่าว "ถ้าเช่นนั้น ขอสาบานได้เลยว่า ท่านอาลีนั้นเป็นบุคคลที่เคร่งครัดอย่างที่สุดเป็นคนที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก พูดจากเด็ดขาดและปกครองด้วยความยุติธรรม เป็นผู้ที่มีความรู้รอบด้าน และถ้อยคำของท่านล้วนเป็นข้อคิดเตือนใจ
ท่านใช้ชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวจากดุนยา และความสวยหรูของมันมียามราตรีกาลและความมืดเป็นเพื่อน ขอสาบานว่า ท่านเป็นบุคคลที่ร้องไห้บ่อยมาก และชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในการครุ่นคิดพิจารณามือทั้งสองมักกระทบกันอย่างครุ่นคิดและพูดกับตัวเอง
ท่านนิยมชมชอบการสวมใส่เพียงอาภรณ์ที่เนื้อผ้าหยาบกระด้าง ชอบทานอาหารราคาถูก
ขอสาบานว่า ท่านทำตัวเยี่ยงปุถุชนธรรมดาเช่นเราคนหนึ่ง
เมื่อเราถามสิ่งใด ท่านก็จะตอบ เมื่อท่านพบเรา ท่านจะเป้นผู้เริ่มทักทายเราก่อนเสมอ และหากเราเชิญ ท่านก็จะตอบรับคำเชิญทุกครั้ง ขอสาบาน ด้วยความใกล้ชิดของท่านและเราที่มีต่อกัน จนสามารถพูดจากันโดยไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แล้วเราก็มิได้แสดงความเคารพเพราะความยิ่งใหญ่ของท่านแต่อย่างใด แท้จริงในรอยยิ้มของท่านนั้น เหมือนดังไข่มุกที่ขาวแวววาว
ท่านให้เกียรติต่อนักการศาสนา และรักใครต่อบรรดาคนยากจน
ไม่เป็นคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และไม่เคยทำร้ายคนอ่อนแอ
เมื่อความมืดเข้าปกคลุม จนกระทั่งดวงดาวเริ่มจางหายไป
แต่ท่านก็ยังคงยืนอยู่ที่ มิหฺรอม (ที่ยืนละหมาด) ของท่าน
อดหลับอดนอนอย่างเข้มแข็ง ร้องไห้อย่างผู้เศร้าโศก
ฉันเคยได้ยินท่านกล่าวว่า โอ้ ดุนยา โอ้ ดุนยา เจ้าท้าทายข้าหรือเย้ายวนข้ากันแน่...?
จงออกไปให้ห่าง และไปหลอกคนอื่นเถิด อายุของเจ้านั้นช่างสั้นการมีชีวิตอยู่ของท่านก็ช่างต่ำต้อย และอันตรายของเจ้านั้นช่างมหันต์ เสบียงก็มีน้อยและหนทางก็ยาวไกล ขณะที่การดำเนินชีวิตนั้นก็ช่างแสนเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน
เมื่อเล่าจบทันใดนั้น น้ำตาของท่านมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ก็เอ่อไหลหลั่งรินออกมา จนกระทั่งเคราของท่านเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา สุดที่จะยับยั้งมันไว้ได้ พลางพยายามเช็ดน้ำตาด้วยมือ จนกระทั่งผู้พบเห็นทั้งหลายต่างก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตาม ๆ กัน
ต่อมาท่านมุอาวิยะฮฺ จึงกล่าวขึ้นว่า
ขออัลลอฮฺทรงเมตตาแก่อบุลหะซัน (หมายถึงอาลี) ด้วยเถิด ฉันขอสาบานว่า เขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ของกิยามุลลัยลฺ
ท่านอะฏออฺ บินอบีเราะบาฮฺ (1) อธิบายถึงกิยามุลลัยลฺ ว่า
มันเป็นเสมือนสิ่งที่ให้ชีวิตชีวาแก่ร่างกาย และเป็นรัศมีในหัวใจ เป็นแสงสว่างบนใบหน้า ให้สายตานั้นมีพลังและอวัยวะทุกส่วนนั้นเข้มแข็ง แท้จริงหากผู้ใดลุกขึ้นปฏิบัติกิยามุลลัยลฺยามค่ำคืน ในเช้าวันใหม่เขาจะปิติเป็นสุข แต่หากเขานอนพลาดจากมัน เขาก็จะต้องเสียใจ และผิดหวังเสมือนหนึ่งว่า เขาได้พลาดจากสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดไป
ท่านอิบนุอับบาส ก็เคยกล่าวเช่นกันว่า
ผู้ใดที่ต้องการให้อัลลอฮฺให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวันกิยามะฮฺ (เพื่อการพิพากษา) อย่างง่ายดาย ดังนั้นจงให้อัลลอฮฺ ทรงเห็นเาก้มกราบอยู่ในความมืดของยามค่ำคืน ด้วยการระวังต่อวันอาคิเราะฮฺ และมุ่งมั่นต่อความเมตตาขององคฺ์อภิบาลของเขาเถิด
ซึ่งท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮู มิใช่เป็นคนที่ตักเตือนผู้อื่นแต่ลืมตนเองแต่อย่างใดเลย ทว่าท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่เสมอด้วยความมุ่งมั่นต่อพระองค์
ดังนั้น รายงานหนึ่ง จากท่านอับดุลลอฮฺ บินอะลีมะลีกะฮฺ กล่าวว่า
ฉันร่วมเดินทางกับท่านอิบนุอับบาส เราฎิยัลลอฮุอันฮู จากเมืองมักกะฮฺสู่เมืองมะดีนะฮฺ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่หยุดลงพักในคืนนั้น ท่านก็จะใช้เเวลาครึ่งหนึ่งของค่ำคืนทำละหมาดกิยามุลลัยลฺ
เขาเล่าต่อว่า ครั้งหนึ่งท่านอัยยูบได้ถามเขา (อับดุลลอฮฺ) ว่า
ท่าน (อิบนุอับบาส) นั้น อ่านในเวลานั้นอย่างไร ?
เขากล่าวว่า ท่านอ่านอายะฮฺที่ว่า
"และอาการมึนงงแห่งความตายได้ปรากฏขึ้นอย่างประจักษ์แจ้ง และนั่นคือสิ่งที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงจากมันไปไม่ได้ (2) และสังข์ฺจะถูกเป่าขึ้น นั่นคือวันแห่งการสัญญา" (3), (ซูเราะฮฺก็อฟ อายะฮฺที่ 19-20)
ท่านจะอ่านทีละวรรคอย่างช้า ๆ พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
อีกรายงานหนึ่งจากท่าน หัมมาด บินสะละมะฮฺ กล่าวว่า
ท่านษะบิต (4) เราะฎิยัลลอฮุอันฮู อ่านอายะฮฺ
"ท่านปฏิเสธต่อพระผู้ทรงสร้างท่านมาจากดิน แล้วจากอสุจิและพระองค์ทรงทำให้ท่านเป็นคนโดยสมบูรณ์กระนั้นหรือ ?" (ซูเราะอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 37) ขณะที่ท่านละหมาดกิยามุลลัยลฺ โดยท่านจะอ่านย้ำแล้วย้ำเล่าและร้องไห้ไปด้วย
ดั่งกลอนอาหรับบทหนึ่งว่า :
"ด้วยสัญญาบุญ และสัญญาโทษของอัลกุรอาน
มันสามารถหักห้ามดวงตามิไให้หลับลง ในยามค่ำคืน
พวกเขาต่างเข้าใจต่อพระดำรัสแห่งผู้ทรงอำนาจ
ด้วยความเข้าใจที่ทำให้คอของเขาก้มกราบลงโดยจำนน"
....................
(1) อะฎออฺ บินอบีเราะบาฮฺ เกิดที่เยเมน เป็นฟากิฺฺฮฺ/มุฮัดดิษ, เติบโตที่มักกะฮฺและเป็นมุฟตีนั้น ถึงแก่กรรมปี 732
(2) คือ จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงซึ่งเจ้าเคยสงสัยและพยายามหลีกเลี่ยงมัน มีฮะดีษรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺา กล่าวว่า มเื่อความตายได้เข้ามาครอบงำท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เอามือเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของท่านแล้วกล่าวว่า "ซุบฮานัลลอฮฺ แท้จริงความตายนั้นมีอาการมึนงงอย่างแน่นอน"
(3) การเป่าสังข์แห่งการฟื้นคืนชีพ นั่นคือวันที่อัลลอฮฺทรงสัญญากับพวกกุฟฟารฺในการลงโทษ
(4) ษาบิต บินอัสลัม อัลบุรยานีย์, ชัยดุลอิสลาม, อัสัญกรรมปี ฮ.ศ. 127
.........................................................
(จากหนังสือ : เมื่อผู้ศรัทธาร้องไห้)
อับดุรเราะมาน บินอับดิลลาฮฺ อัลละอฺบูน : เขียน
นัศรุลลอฮฺ ต็อยยิบ : แปล
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น