อิหม่ามอัลบัรบะฮารีย์ (ร.ฮ) เสียชีวิต ปี 329 กล่าวว่า
واعلم - رحمك الله - أنَّ الدين إنما جاء من قِبَل الله تبارك وتعالى، لم يوضع على عقول الرجال وآرائهم، وعلمُه عند الله وعند رسوله، فلا تتَّبع شيئًا بهواك فتمرقَ من الدين فتخرجَ من الإسلام، فإنه لا حجَّة لك، فقد بيَّن رسول الله صلَّى الله عليه وسلَّم لأمَّته السنَّة، وأوضحها لأصحابه وهُم الجماعة، وهُم السواد الأعظم، والسواد الأعظم: الحقُّ وأهله، فمن خالف أصحاب رسول الله صلَّى الله عليه وسلم في شيءٍ من أمر الدين فقد كفر.
และจงรู้ไว้เถิด อัลลอฮจะทรงเมตตาต่อท่าน แท้จริง ศาสนา(อิสลาม)นั้น ความจริง มันมาจากอัลลอฮ ผู้ทรงบริสุทธิ์ และทรงสูงส่ง เท่านั้น มันไม่ได้ถูกวางอยู่บน สติปัญญาของบรรดาผู้คนและความคิดเห็นของพวกเขา และความรู้ของมัน(ของศาสนา) อยู่ ณ อัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ดังนั้น อย่าปฏิบัติตาม สิ่งใดๆ ตามปรารถนาอารมณ์ของท่าน (ผลสุดท้าย)มันก็จะทำให้ท่านแยกจากศาสนา แล้วท่านก็ออกจากอิสลาม เพราะแท้จริง ไม่มีหลักฐานใดๆเป็นของท่าน ,แท้จริง รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อธิบาย อัสสุนนะฮ แก่อุมมะฮของท่าน และ ได้ ทำให้มันชัดเจน แก่บรรดาเศาะหาบะฮของท่าน และพวกเขาคือ อัลญะมาอะฮ และพวกเขาคือ อัสสะวาดุลอะอซอม และ อัสสะวาดุลอะอฺซอม คือ ความถูกต้อง และผู้ที่อยู่บนความถูกต้อง ดังนั้น ผู้ใดขัดแย้งกับบรรดา สาวกของรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในสิ่งใดๆ จากกิจการศาสนา แน่นอน เขาเป็นกุฟูร - ดู ชัรหฺอัสสุนนะฮ ของ อิหม่ามอัลบัรบะฮารีย์ 1/66
สรุปคือ
1. คำสอนศาสนาอิสลามต้องมาจากอัลลอฮเท่านั้น
2. ศาสนาไม่ได้ถูกกำหนดบนสติปัญญาและความคิดเห็นมนุษย์
3. ความรู้เกี่ยวกับศาสนา อยู่ ณ อัลลอฮและ ศาสนาทูตของพระองค์
4. อย่าปฏิบัติตามสิ่งใดๆตามความปรารถนาของอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลให้แยกจากศาสนาและออกจากศาสนาได้
5. มนุษย์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์หลักฐานใดๆ
6. รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อธิบายสุนนะฮและให้ความกระจ่างแก่บรรดาเศาะหะบะฮของท่านแล้ว
7. บรรดาเศาะหาบะฮ คือ อัลญะมาอะฮ และพวกเขาคือชนหมู่มาก และชนหมู่มากคือ สัจธรรมและผู้ที่ยืนหยัดอยู่บนสัจธรรม
8. ผู้ใดขัดแย้งกับบรรดา สาวกของรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในสิ่งใดๆ จากกิจการศาสนา แน่นอน เขาเป็นกุฟูร
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น