จากครอบครัวพุทธ...เข้ารับอิสลามสนใจเรียนรู้ศาสนา จนเป็นอิหม่ามของมัสยิด อัล-ฟาติฮะห์ มัสยิดไทยแห่งแรกในอเมริกา
“อิหม่ามโพยม” ในวัยเกษียณจากการทำงาน และทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลมัสยิดแห่งนี้มาเกือบ 20 ปี ก็คือคำบอกเล่าที่ว่า แท้ที่จริงแล้วเขามาจากครอบครัวคนพุทธ และเป็นคนกรุงเทพฯ
“พ่อกับแม่ผมเป็นพุทธ ผมมีพี่น้อง 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน ผมเป็นลูกชายคนสุดท้อง ครอบครัวของผมอยู่ที่สี่พระยา ตอนที่ยังเล็กๆ ก็เรียนหนังสือในโรงเรียนจีนที่สุรวงศ์จนจบชั้น ป.4 จากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอิสระนุกูลย่านบางรัก และโรงเรียนสันติราษฎร์บำรุงจนจบ ม.8 และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมเป็นนักบาสเก็ตบอล เคยได้เสื้อสามารถพระราชทานจากในหลวง ปัจจุบันนี้ผมยังเก็บไว้”
อย่างไรก็ดี อิหม่ามโพยม ไม่ได้จบธรรมศาสตร์ แต่ชีวิตพลิกผันเพราะน้องสาวชวนให้ไปเรียนต่อที่สหรัฐ ก่อนเหินฟ้าไปต่างแดนได้แต่งงานกับภรรยาที่เป็นมุสลิมซึ่งเป็นคนแถวสี่พระยาด้วยกัน แต่การเข้ารับอิสลามของอิหม่ามโพยมไม่ได้เกิดจากการแต่งงานเหมือนคนพุทธที่ต้องเปลี่ยนศาสนาทั่วไป เพราะเขาเข้ารับอิสลามด้วยความศรัทธาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“ผมได้รู้จักกับแฟนมาก่อนหลายปี แฟนเป็นมุสลิม เห็นเขาถือศีลอดแล้วรู้สึกประทับใจและสนใจศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และจึงตัดสินใจเข้ารับอิสลาม จากนั้นสามปีถึงให้แม่ไปขอภรรยาที่เป็นมุสลิม แล้วก็แต่งงานกัน”
ครอบครัวของอิหม่ามโพยมเป็นครอบครัวเล็กๆ มีด้วยกัน 4 คน คือตัวอิหม่าม ภรรยา และลูกสาว 2 คน ลูกสาวคนโตเกิดในประเทศไทย ส่วนคนเล็กเกิดที่สหรัฐ เมื่อบากบั่นมาตั้งรกรากถึงอเมริกา อิหม่ามโพยมก็ไม่ได้ทิ้งการเรียน แต่ยังศึกษาต่อจนจบถึงปริญญาโทด้านการเงิน และทำงานเหมือนคนอื่นๆ กระทั่งเกษียณออกมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
"""""""""""""""""""""""
ที่มา Muttaqeen Al Islam
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น