อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

เมื่อแกนนำอะชาอีเราะฮ บิดเบือนใส่ร้ายอุลามาอฺ เช็คเฟาซานและอิบนุอุษัยมีน




มาดู การใส่ร้าบบิดเบือนต่อไปนี้

1. กล่าวหาว่า เช็คสอลิหอัลเฟาซานว่า เขาบอกว่าอัลลอฮมีอวัยวะ
อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์أهل السـنة و الجـماعة ( ฉบับไม่แอบอ้าง )
หลักฐานที่ว่า อุลามาอ์วะฮ์ฮาบี ให้สัดส่วนอวัยวะแก่อัลลอฮ์ ซึ่งหลักฐานตรงนี้ไม่ใช่แนวทางของอะลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่แท้จริง แต่เป็นแนวทางที่แอบอ้างกิตาบุ้ลลอฮ์และซุนนะฮ์แต่เพียงลมปาก
ชัยค์ศอลิห์อัลเฟาซาน อุลามาอ์ของวะฮ์ฮาบี จากประเทศซาอุดี้ กล่าวว่า
إِنْ أَرِيْدَ بِالأَرْكَانِ وَالأَعْضَاءِ وَالأَدَوَاتِ : الصِّفَاتُ الذَّاتِيَّةِ مِثْلُ الْوَجْهِ وَالْيَدَيْنِ ، فَهَذَا حَقٌّ ، وَنَفْيُهُ بَاطِلٌ. وَإِنْ أُرِيْدَ نَفْيُ الأَعْضَاءِ اَلَّتِيْ تُشَابِهُ أَعْضَاءَ الْمَخْلُوْقِ وَأَدَوَاتِ الْمَخْلُوْقِيْنَ فَاللهُ مَنَزَّهٌ عَنْ ذَلِكَ
“ หากมีเป้าหมายขอบด้าน บรรดาอวัยวะ และสัดส่วนต่างๆ คือศิฟัตที่อยู่ ณ ที่ซาตของอัลลอฮฺ เช่น ใบหน้าและสองมือ ดังนี้ย่อมเป็นสัจจริงและการปฏิเสธมันนั้นย่อมเป็นอธรรม และมีเป้าหมายปฏิเสธบรรดาอวัยวะที่คล้ายคลึงกับบรรดาอวัยวะของสิ่งที่ถูก สร้างและสัดส่วนต่างๆ ของบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายนั้น อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว ”
(ตรงนี้ ชัยค์อัลเฟาซาน ยืนยันว่าใบหน้าและมือของอัลลอฮฺนั้นเป็นสัดส่วนและอวัยวะแต่ไม่เหมือนกับ สิ่งที่ถูกสร้างนั่นเองครับนายรอมฎอน)
ศอลิห์อัลเฟาซาน, อัตตะอฺลีก อัลมุคตะศ่อเราะฮ์ อะลา มัตนิลอะกีดะฮ์อัฏเฏาะหาวียะฮ์, (ดารุลอาศิมะฮ์),หน้า 87.
..........
ขอชี้แจงดังนี้
ความจริงได้เคยชี้แจงแล้ว แต่ไม่ได้เซฟไว้ จึงขอชี้แจงใหม่อีกครั้ง
มาดู คำพูด ของ อิหหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์ก่อนคือ
( وَتَعَالَى عَنِ الْحُدُودِ وَالْغَايَاتِ ، وَالْأَرْكَانِ وَالْأَعْضَاءِ وَالْأَدَوَاتِ
และอัลลอฮ ทรงบริสุทธิ์จาก บรรดาขอบเขต , บรรดาจุดมุ่งหมาย ,บรรดาส่วนประกอบที่สำคัญ ,บรรดาอวัยวะหลัก และบรรดาอวัยวะย่อย - ดูอะกีดะฮอัฏเฎาะหาวียะฮ ของ อิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์
แล้วเช็คเฟาะซาน อธิบายว่า
والأركان، والأعضاء، والأدوات) فيها إجمال أيضاً، إن أُريد بالأركان والأعضاء والأدوات: الصفات الذاتية مثل الوجه، واليدين، فهذا حق، ونفيه باطل. وإن أُريد نفي الأعضاء التي تشابه أعضاء المخلوقين وأدوات المخلوقين فالله سبحانه منزه عن ذلك:
จุดมุ่งหมาย ,บรรดาส่วนประกอบที่สำคัญ ,บรรดาอวัยวะหลัก และบรรดาอวัยวะย่อย ) ในมัน คือคำพูดโดยสรุป อีกเช่นกัน ด้วยคำว่า บรรดาส่วนประกอบที่สำคัญ ,บรรดาอวัยวะหลัก และบรรดาอวัยวะย่อย ข้าพเจ้าหมายถึง บรรดาสิฟาตอัซซาตียะฮ(บรรดาคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับซาต) เช่น ใบหน้า และสองมือ นี้คือ ความถูกต้อง และการปฏิเสธมัน คือ ความไม่ถูกต้อง และถ้าหากข้าพเจ้าหมายถึง การปฏิเสธ บรรดาอวัยวะ ที่คล้ายคลึงกับบรรดาอวัยวะของมัคลูค และบรรดาอวัยวะส่วนย่อยของบรรดามัคลูค อัลลอฮนั้น ทรงบริสุทธิ์ จากดังกล่าว
แล้วเช็คเฟาซานสรุปว่า
لحاصل: أن هذه الألفاظ التي ساقها المصنف فيها إجمال ولكن يحمل كلامه على الحق؛ لأنه -رحمه الله تعالى- من أهل السنة والجماعة، ولأنه من أئمة المحدثين، فلا يمكن أن يقصد المعاني السيئة، ولكنه يقصد المعاني الصحيحة،
และสรุปคือ แท้จริงบรรดาถ้อยคำเหล่านี้ ที่ผู้เรียบเรียง(หมายถึงอิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย) ได้นำมันมากล่าวนั้น คือคำพูดแบบสรุป แต่ คำพูดของเขานั้น ถือว่า อยู่บนความถูกต้อง เพราะเขา(อิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย)(ร.ฮ) เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ และเพราะว่า แท้จริงเขาเป็นส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์หะดิษ ดังนั้นจึงป็นไปไม่ได้ว่า เขา(อิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย) เจตนาหมายถึง บรรดาความหมายที่ไม่ดี แต่เขาเจตนาหมายถึง บรรดาความหมายที่ดี – ดูชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ ของเช็ค ศอลิห อัลเฟาซาน 1/80
จากคำอธิบายของ ของเช็ค ศอลิห อัลเฟาซาน คือ
หนึ่ง – คำกล่าวของอิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์ ที่ว่า อัลลอฮบริสุทธิ์ จากบรรดาอวัยวะนั้น เป็นคำพูดแบบสรุป หรือพูดแบบรวมๆ
สอง – ถ้าต้องการ คำว่า อวัยวะ เช่น คำว่า ใบหน้า และสองมือ คือ คุณลักษณะของซาตนั้น ถือว่า ถูกต้อง
สาม - ถ้าหมายถึงอวัยวะ ที่คล้ายคลึงกับมัคลูค นั้น อัลลอฮบริสุทธิ์ จากดังกล่าว คือ ท่านเฟาซานไม่ได้บอกว่าอัลลอฮ มีมือ คล้ายคลึงกับมัคลูต
อิบนุอะบิลอิซ อัดดะมัชกีย์ อัลหะนะฟีย์กล่าวว่า
وَلَمْ يَرِدْ نَصٌّ مِنَ الْكِتَابِ وَلَا مِنَ السُّنَّةِ بِنَفْيِهَا وَلَا إِثْبَاتِهَا ، وَلَيْسَ لَنَا أَنْ نَصِفَ اللَّهَ تَعَالَى بِمَا لَمْ يَصِفْ بِهِ نَفْسَهُ وَلَا وَصَفَهُ بِهِ رَسُولُهُ نَفْيًا وَلَا إِثْبَاتًا ، وَإِنَّمَا نَحْنُ مُتَّبِعُونَ لَا مُبْتَدِعُونَ .
ไม่ปรากฏตัวบท(หลักฐาน)จากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ปฏิเสธมัน และไม่ปรากฏ การยืนยันมัน และไม่อนุญาตแก่เรา อธิบายคุณลักษณะอัลลอฮตะอาลา ด้วยสิ่ง ที่พระองค์ ไม่ได้อธิบายคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์เอง และรอซูลของพระองค์ ไม่ได้อธิบายคุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยมัน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธ หรือการยืนยัน และความจริง พวกเรา คือ บรรดาผู้ปฏิบัติตาม ไม่ใช่ผู้ที่อุตริบิดอะฮ – ดู ชัรหุ อะกีดะฮ อัฏเฏาะหาวียะฮ เล่ม 1 หน้า 261 ของ อิบนุอะบิลอิซ
.......................
อิบนุอะบิลอิซ ได้ยืนยันว่า คำว่า อวัยวะ เกี่ยวกับอัลลอฮนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮกล่าวถึง ไม่ว่าในเชิงปฏิเสธ หรือยืนยัน หมายความว่า “คำว่า “สองมือ” อัลกุรอ่าน และ อัสสุนนะฮ ไม่ได้ บอกว่า คือ อวัยวะ หรือไม่ใช่อวัยวะ มีแต่อาชาอิเราะฮยุคหลัง กล่าวหาว่า ใครแปลว่ามือ คนนั้น คือ พวกมุญัสสิมะฮ เชื่อว่า อัลลอฮมีรูปร่าง มีอวัยวะ แล้วฟิตนะใส่ คนนั้น คนนี้
ความจริง ในทัศนะสะลัฟนั้น การเชื่อตามที่ อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮได้ ระบุเอาไว้นั้น ไม่ใช่การ ตัชบีฮ หรือการนำอัลลอฮไปเปรียบว่าคล้ายคลึงกับมัคลูคอย่างที่ อะชาอิเราะฮกลุ่มนี้กล่าวหา
ท่านอิสหาก บิน รอฮาวียะฮ ปราชญ์ชาวสะลัฟ (ฮ.ศ 161 - 238 )กล่าวว่า
إِنَّمَا يَكُونُ التَّشْبِيهُ إِذَا قَالَ يَدٌ كَيَدٍ أَوْ مِثْلُ يَدٍ أَوْ سَمْعٌ كَسَمْعٍ أَوْ مِثْلُ سَمْعٍ. فَإِذَا قَالَ سَمْعٌ كَسَمْعٍ أَوْ مِثْلُ سَمْعٍ فَهَذَا التَّشْبِيهُ وَأَمَّا إِذَا قَالَ كَمَا قَالَ الله تَعَالَى يَدٌ وَسَمْعٌ وَبَصَرٌ وَلَا يَقُولُ كَيْفَ وَلَا يَقُولَ مِثْلُ سَمْعٍ وَلاَ كَسَمْعٍ فَهَذَا لَا يَكُونُ تَشْبِيهًا وَهُوَ كَمَا قَالَ الله تَعَالَى فِى كِتَابِهِ: { لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
การตัชบีฮฺ(เปรียบกับมัคลูก)นั้นคือการที่เรากล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮฺก็เหมือนกับมือของฉันหรือใกล้เคียงกับมือของฉัน หรือการที่เขากล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับที่ฉันได้ยินหรือคล้ายกับที่ฉันได้ยิน แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าตัชบีฮฺ แต่หากเป็นการกล่าวในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้แล้ว เช่น พระหัตถ์, ทรงสดับฟัง, ทรงทอดพระเนตร พร้อมกับไม่ถามว่ามันเป็นอย่างไรแบบไหน ตลอดจนไม่กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับฉันได้ยิน ดังนั้นแบบนี้ไม่เป็นการตัชบีฮฺต่ออัลลอฮฺตะอาลา พระองค์กล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ ยินและทรงเห็น” (หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51)
……………………
เพราะฉะนั้น การที่เราเชื่อ ตามที่อัลลอฮทรงบอกว่า ทรงมี พระหัตถ์ หรือ สิฟัตอื่นๆ ตามที่ทรงบอกไว้ ไม่ใช่ว่า เป็นการเปรียบเทียบกับมัคลูค หรือ มีรูปร่างเหมือนมัคลูค เพราะพระองค์ทรงบอกไว้แล้วว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น
...........
ไม่เข้าใจว่าทำไม่ คณะทีมงานทีวีตักวา จึงพยายาม บิดเบือนข้อมูล สืบหาข้อมูล เพื่อทำลาย ดิสเครดิต คนที่ตนเองเรียกว่า “วะฮบีย” บอกตรงๆว่า ไม่เข้าใจจริงๆ

เพื่อให้ชัดเจนขึ้น มาดูคำอธิบาย ของอิหม่ามอัลคิฏอบีย์ ใน อัลอะอฺลาม โดยอิบนุเราะญับ ได้ถ่ายทอดว่า
مذهب السلف في أحاديث الصفات: الإيمان، وإجراؤها على ظاهرها، ونفي الكيفية عنها ، ومن قال: الظاهر منها غير مراد، قيل له: الظاهر ظاهران: ظاهر يليق بالمخلوقين ويختص بهم، فهو غير مراد، وظاهر يليق بذي الجلال والإكرام، فهو مراد، ونفيه تعطيل.
และ อัลคิฏอบีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัลอะอลาม ว่า “มัซฮับ สะลัฟ ใน บรรดาหะดิษสิฟาตนั้น คือ การศรัทธา และปล่อยมันให้ดำเนินไปบนความหมายที่ปรากฏของมัน และ ปฏิเสธรูปแบบวิธีการจากมัน และ ผู้ใดที่กล่าวว่า ความหมายที่ปรากฏ จากมันนั้น ไม่ใช่ความหมายที่ต้องการ ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า “ ความหมายที่ปรากฏนั้น มี 2 ประเภท คือ ความหมายที่ปรากฏที่คู่ควรกับบรรดามัคลูค และมันถูกเจาะด้วยพวกเขา มันคือ ความหมายที่ไม่ต้องการ และ (ความหมายที่ 2) คือ ความหมายที่ปรากฏ ที่คู่ควร กับพระผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกียรติยิ่ง และมันคือ ความหมายที่ต้องการ และการปฏิเสธมัน ก็คือ การตะอฺฏีล(การปฏิเสธสิฟัตอัลลฮ) – ดูฟัตหุลบารีย ของอิบนุเราะญับ 6/41

อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ ท่านอบียะอฺลา กล่าวถึงอากีดะฮ์ของท่านอิมาม อะหฺมัด บิน หัมบัล ว่า
كان الإمام أحمد رحمه الله تعالى يقول : لله تعالى يدان، وهما صفة له ، ليستا بجارحتين وليس بمركبتين ولا جسم ولا من جنس الأجسام .... إلخ
"ท่านอิมามอะหฺมัด ร่อฮิ มะหุลเลาะฮ์ กล่าวว่า อัลลอฮฺนั้นพระองค์ทรงมี يدان ซึ่งทั้งสองนั้น เป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์ โดยที่ทั้งสองไม่ใช่อวัยวะ ไม่ใช่ถูกประกอบ ไม่ใช่เป็นรูปร่าง جسم ไม่ใช่เป็นชนิดของบรรดาร่างกาย جسم "
หนังสือ อัฏเฏาะบะก๊อต อัลหะนาบิละฮ์ เล่ม 2 หน้า 391
......................
รอ ซีดี เอาคำพูด ของอิหม่ามอะหมัดมาอ้าง ไม่ทราบว่า วะฮบีย์คนใหน เชื่อว่า อัลลอฮมี มือ ที่เป็นอวัยวะ เพราะคำว่า เป็นอวัยวะ หรือ ไม่เป็นอวัยวะ อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ได้ระบุไว้
อิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า

إن الله سبحانه منزه أن يكون من جِنس شيء من المخلوقات، لا أجساد الآدميين ولا أرواحهم ولا غير ذلك من المخلوقات،

แท้ จริง อัลลอฮ (ซ.บ) บริสุทธ์ จากการที่พระองค์ เป็นชนิดหนึ่งของสิ่งที่มาจากบรรดามัคลูค ไม่ว่าจะเป็น บรรดาร่างกายของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น บรรดาวิญญาณของพวกเขา และไม่ใช่อื่นจากดังกล่าว จากบรรดามัคลูค
بيان تلبيس الجهمية " 1 / 620
จึง เห็นได้ว่า การกล่าวหาปราชญ์และคนที่ ยืนยันความหมายสิฟาตตามตัวบท ว่าคือ พวกมุญัสสิม หรือพวกเชื่อว่าอัลลอฮ มีรูปร่าง และมีอวัยวะนั้น คือ ข้อกล่าวหา และเป็นคำที่อาชาอิเราะฮ ยุคหลังเช่น รอซิดี อุปโลกน์ขึ้นมาใส่ร้าย ผู้ที่ตนมีอคติทั้งสิ้น เพราะ คนที่ถูเรียกว่า “วะฮบีย” ไม่บอกว่า อัลลอฮ มีอวัยวะเหมือนมัคโลก แต่เป็นการใส่ร้ายจากซาตานเท่านั้น

อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ กล่าวว่า
ท่านอบู อัลฟัฏล์ อัตตะมีมีย์ แกนนำกลุ่มอัลหะนาบิละฮ์ แห่งกรุงแบกแดด กล่าวว่า
وأنكر أحمد على من قال بالجسم ، وقال : إن الأسماء مأخوذة من الشريعة واللغة، وأهل اللغة وضعوا هذا الإسم على ذى طول وعرض وسمك وتركيب وصورة وتأليف، والله سبحانه وتعالى خارج عن ذلك ، ولم يجىء فى الشريعة ذلك
"ท่าน อะหฺมัดตำหนิกับผู้ที่กล่าว ด้วยการเป็นร่างกาย(กับซีฟัตของอัลลอฮฺ) และท่านอะหมัดกล่าวว่า แท้จริง บรรดานามนั้น ถูกเอามาจาก หลักศาสนาและหลักภาษา โดยที่อุลามาอ์ภาษาอาหรับนั้น ได้วางนามนี้(คือ جسم ) บนความหมายของ สิ่งที่มีความยาว กว้าง ลึก ประกอบเป็นส่วน เป็นรูปร่าง ประกอบติดกัน และอัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลา จากออกจากสิ่งดังกล่าว โดยที่ดังกล่าวไม่มีระบุมาเลยในนามหลักศาสนา"
หนังสือ มะนากิบ อิมามอะหฺมัด ของท่านอัลบัยฮะกีย์ ต้นฉบับเดิมเขียนด้วยมือ
แล้วแนวทางของวะฮ์ฮาบี ในปัจจุบันนี้ ตามทัศนะของท่านอิหม่ามอะหืมัด จริงหรือปล่าวครับ
.....................
อาหมัดรอซิดี นี่หลับตาชน กำแพงจริงๆ แล้วใครหรือครับ บอกว่าอัลลอฮ มีรูปร่าง เหมือนมัคลุค
อาหมัดรอซิดี ถามว่า
แล้วแนวทางของวะฮ์ฮาบี ในปัจจุบันนี้ ตามทัศนะของท่านอิหม่ามอะหืมัด จริงหรือปล่าวครับ
........
จึงขอถามกลับไปว่า อิหม่ามอะหมัดยืนยัน สองพระหัตถ์ ของอัลลอฮ เช่น อิหม่ามอะหมัดกล่าวว่า
لله تعالى يدان، وهما صفة له
อัลลอฮฺนั้นพระองค์ทรงมี สองมือ ซึ่งทั้งสองนั้น เป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์
แล้ว อาชาอิเราะฮ ปฏิเสธ คำว่าสองมือ ตกลงมีอะกีดะฮ เหมือนอิหม่ามอะหมัดหรือ............เช็คเฟาซาน ก็ยืนยันว่าเป็นสิฟัตของอัลลอฮ แล้วทำไมจึงโจมตี เช็คเฟาซาน ทั้งๆที่เช็คเฟาซานเชื่อเหมือนกับอิหม่ามอะหมัด สรุป เพราะอคติต่อวะฮบีย์
อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ บิดเบือน ใส่ร้าย อิบนุอุษัยมีข้างล่าง โดยเขากล่าวว่า
ชัยค์มุฮัมมัด ศอลิห์ อุษัยมีน กล่าวอีกว่า
أَنَّهُ إِنْ كَانَ يَلْزَمُ مِنْ رُؤْيَةِ اللهِ تَعَالَى أَنْ يَكُوْنَ جِسْماً؛ فَلْيَكُنْ ذَلِكَ، لَكِنَّنَا نَعْلَمُ عِلْمَ الْيَقِيْنِ أَنَّهُ لاَ يُمَاثِلُهُ أَجْسَامُ الْمَخْلُوْقِيْنَ
“ แท้จริงหากว่าการเห็นอัลลอฮฺตะอาลานั้นจำเป็นที่พระองค์ต้องมีรูปร่าง ดังนั้นก็จงเป็นรูปร่างเถิด แต่พวกเรารู้อย่างมั่นใจว่า เป็นรูปร่างที่ไม่เหมือนกับบรรดารูปร่างของสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ”
อุษัยมีน, ชัรห์อัลอะกีดะฮ์อัลวาสิฏียะฮ์, เล่ม 1, หน้า 458.
นี่ แค่ตัวอย่างหลักฐานจากอุลามาอฺวะฮ์ฮาบีที่ยืนยันชัดเจนว่าพระองค์ทรงมี อวัยวะสัดส่วน และอุลามาอ์ระดับแนวหน้าของวะฮ์ฮาบีอื่นอีกมากมายที่ผมมิได้หยิบยก เพราะผมถือว่า เพียงหลักฐานแค่ตรงนี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้นายรอมฎอน หันกลับมาทำบุญรำลึกถึงอัลลอฮฺ และทำเมาลิด ตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้
...............
ชี้แจง
มาดูคำพูดอิบนุอุษัยมีนเต็มๆไม่ตัดต่อ
وأما أدلة نفاة الرؤية العقلية؛ فقالوا: لو كان الله يرى لزم أن يكون جسماً والجسم ممتنع على الله تعالى لأنه يستلزم التشبيه والتمثيل.
สำหรับ หลักฐานทางปัญญา ของการปฏิเสธ การเห็น(อัลลอฮ) พวกเขา (พวกปฏิเสธการเห็นอัลลฮ) กล่าวว่า “ถ้า ปรากฏว่าอัลลอฮ ถูกเห็น แน่นอน พระองค์ก็จะต้องเป็นรูปร่าง ทั้งๆที่คำว่ารูปร่าง นั้น ถูกปฏิเสธ บนอัลลอฮ ตะอาลา เพราะแท้จริง มันจะต้องเป็นการตัชบีฮ (การเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคึงกับมัคลูค)และเป็นการตัมษีล(การเปรียบอัล ลอฮว่าเหมือนมัคลูค)

แล้วอิบนุอุษัยมีน ตอบโต้ทัศนะทางปัญญานี้ว่า
والرد عليهم: أنه إن كان يلزم أن رؤية الله تعالى أن يكون جسماً فليكن ذلك, لكننا نعلم علم اليقين أنه لا يماثل أجسام المخلوقين؛ لأن الله تعالى يقول: {لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ}
على أن القول بالجسم نفياً أو إثباتاً مما أحدثه المتكلمون وليس في الكتاب والسنة إثباته ولا نفيه
และ การตอบโต้พวกเขาคือ หากปรากฏว่าการเห็นอัลลอฮตะอาลานั้น พระองค์จะต้องเป็นรูปร่าง ก็ให้ทรงเป็นดังกล่าวนั้น แต่เรารู้ อย่างมั่นใจว่า พระองค์ทรงไม่เหมือนรูปร่างบรรดามัคลูค เพราะ แท้จริงอัลลอฮ ตะอาลากล่าวว่า (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน พระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็นยิ่ง)
บน การกล่าว คำว่า “รูปร่าง” นั้น ไม่ว่าในการปฏิเสธ หรือ การยืนยันนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่บรรดานักวิภาษวิทยา(อะฮลุลกะลาม) ได้ประดิษขึ้นมาใหม่ และไม่ปรากฏการยืนยันมัน และปฏิเสธมัน ในอัลกุรอ่านและ อัสสุนนะฮ

شرح العقيدة الواسطية للعثيمين (1 / 458) :
............
สรุป คือ
อิบ นุอุษษัยมีน ได้ตอบโต้ทัศนะ พวกเหตุผมนิยมที่ว่า ถ้าอัลลอฮ ถูกมองเห็น ก็แสดงว่า อัลลอฮเป็นรูปร่าง ก็เท่ากับว่าอัลลอฮคล้ายคลึงมัคลูต
อิบ นุอุษัยมีน ตอบโต้ทัศนะนี้ว่า ถ้าสมมุติว่า การเห็นอัลลอฮ ทำให้ประองค์เป็นรูปร่าง ก็จงให้เป็นตามนั้น แต่ เรารู้อย่างมันใจว่า อัลลอฮ ทรงไม่มีรูปร่างเหมือนกับรรดามัคลูค และ อิบนุอุษํยมีน บอกว่า คำว่า “อัลลอฮเป็นรูปร่าง หรือ ไม่เป็นรูปร่าง ไม่ปรากฏยืนยันไว้ในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แต่คำนี้ เป็นคำที่ พวกอะฮลุลกาลามประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่
จากคำอธิบายของ อิบนุอุษัยมีน แบบเต็มๆ ไม่ตัดต่อ ไม่ปรากฏว่า อิบนุอุษัยมีนยืนยันบอกว่า อัลลอฮทรงมีรูปร่าง
แต่ เป็นการตัดต่อคำพูดเช็คอุษัยมีน จากนายอาหมัดรอซิดี เพื่อใส่ร้ายอิบนุอูษัยมีน เท่านั้น และจะพบว่าเว็บไซด์ ชีอะฮก็ตัดต่อคำพูดนี้ใส่ร้ายอิบนุอูษัยมีนเช่นกัน

อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ อ้างว่า
ชัยค์อัลเฟาซาน ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

إِثْبَاتُ الْيَدَيْنِ وَالْيَدُ للهِ عَزَّ وَجَلَّ عَلَى مَعْنَاهُمَا الْمَعْرُوْفِ فِي اللُّغَةِ...فَنَحْنُ نُثْبِتُهُمَا عَلَى مَعْنَاهُمَا الْحَقِيْقِيُّ

“ การยืนยันศิฟัตสองมือและมือของอัลลอฮฺบนความหมายที่รู้กันในหลักภาษา อาหรับ...ดังนั้นเราจึงทำการยืนยันสองมือ(ของอัลลอฮฺ)บนความหมายคำแท้(อัน เป็นที่รู้กันในภาษาอาหรับ) ”

อัลเฟาซาน, ชัรหฺอัลมันซูมะฮ์ อัลหาอียะฮ์, (ริยาฎ: ดารุลอาศิมะฮ์, ตีพิมพ์ปี ค.ศ. 2007), หน้า 92.
.............................
ชี้แจง
คำพูดของ เช็คเฟาซานนั้น ถูกต้องแล้ว เพราะ การยืนยันความหมายของคำที่เป็นที่รู้กัน นั้น เป็นทัศนะของสะลัฟ
มาดูคำอธิบาย “คำว่า “ยัด”(มือ)
อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ( ฮ.ศ ๓๒๔) กล่าวว่า
فلو كان الله تعالى عنى بقوله: {لما خلقت بيدي} القدرة لم يكن لآدم صلى الله عليه وسلم على إبليس مزية في ذلك، والله تعالى أراد أن يرى فضل آدم صلى الله عليه وسلم عليه؛ إذ خلقه بيديه دونه،
แล้ว ถ้า ปรากฏว่า อัลลอฮ ตาอาลา หมายถึง ด้วยคำพูดของพระองค์ที่ว่า (แก่สิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยสองมือของข้า) คือ พลังอำนาจ แน่นอน คุณสมบัติ ของ อาดัม ศอ็ลฯ ก็จะไม่เหนื่อกว่า(หรือแตกต่างจาก)อิบลิส ในดังกล่าวนั้น (หมายถึงในการสร้าง) ทั้งๆที่อัลลอฮ ตะอาลา ต้องการที่จะให้เห็นถึง ความประเสริฐของอาดัม (ศอ็ลฯ) เหนื่ออิบลิส เพราะ พระองค์ทรงสร้างเขา ด้วยสองมือของพระพระองค์ ไม่ใช่อื่นจากมัน - อัลอิบานะฮ เล่ม ๒ หน้า ๑๒๕
ข้าง ต้น อิหม่ามอบูหะซันได้ยืนยันความหมายของคำว่า “ยะดัยน”ในอายะฮว่า อัลลอฮสร้างอาดัมด้วยสองมือของพระองค์ ไม่ใช่อย่างอื่น เพราะถ้ายะดัยน์ มีความหมายว่า “พลังอำนาจ “ คุณสมบัติของอาดัม ก็ไม่ได้เหนื่อกว่าอิบลิสในการสสร้าง
และเขายังอธิบายอีกว่า
ما منعك أن تسجد لما خلقت بيدي أستكبرت؟}، دل على أنه ليس معنى الآية القدرة؛ إذ كان الله تعالى خلق الأشياء جميعا بقدرته، وإنما أراد إثبات يدين، ولم يشارك إبليس آدم صلى الله عليه وسلم في أن خلق بهما.
พระองค์ตรัสว่า “อิบลีสเอ๋ย อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสอง ของข้า ? เจ้าเย่อหยิ่งจองหองนักหรือ ) แสดงบอกว่า ความหมายอายะฮนี้ไม่ใช่ พลังอำนาจ เพราะ อัลลอฮตะอาลา สร้างบรรดาสิ่งต่างๆ ทั้งหมด ด้วยพลังอำนาจของพระองค์อยู่แล้ว ความจริง พระองค์ต้องการยืนยัน คำว่า “สองมือ” และ อิบลิส ไม่มีส่วนร่วมกับอาดัม ศอ็ลฯ ในการที่พระองค์ทรงสร้างด้วยเขาทั้งสอง - - อัลอิบานะฮ เล่ม ๒ หน้า ๑๒๖
...........
ข้างต้น แสดงให้เห็นการยืนยันความหมายของคำตามที่ปรากฏในตัวบทชัดเจน ซึ่งป็นความหมายที่เป็นที่รู้กัน
ความ จริง มีหลักฐานมากมายที่จะชี้แจง แต่สำหรับคนที่มีใจอิคลาศ และไร้อคติ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำการเตาบะฮ ที่ได้ทำการละเมิดสิทธิ์กล่าวหาให้ร้ายเช็คเฟาซานอย่างไร้ความละอาย

สิ่งที่ยืนยัน ความถูกต้องของคำพูดเช็คเฟาซาน คือท่านอิบนุอับดุลบัรริ กล่าวว่า

أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة كلها في القرآن والسنة والإيمان بها وحملها على الحقيقة لا على المجاز إلا أنهم لا يكيفون شيئا من ذلك ولا يحدون فيه صفة محصورة وأما أهل البدع والجهمية والمعتزلة كلها والخوارج فكلهم ينكرها ولا يحمل شيئا منها على الحقيقة ويزعمون أن من أقر بها مشبه وهم عند من أثبتها نافون للمعبود والحق فيما قاله القائلون بما نطق به كتاب الله وسنة رسوله وهم أئمة الجماعة والحمد لله
التمهيد لما في الموطأ من المعاني والأسانيد ج 7 / ص 145

อะฮ์ ลุสสุนนะฮ์ มีมติเห็นพ้องกัน ในการยอมรับบรรดาคุณลักษณะ(ซิฟาต) ทั้งหมดที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ และศรัทธาต่อมัน และถือมันตามความหมายจริง(ฮะกีกัต) ไม่ใช่ตามความหมายในเชิงอุปมาอุปมัย นอกจากว่า แท้จริงพวกเขา ไม่ได้อธิบายวิธีการว่าเป็นอย่างไรจากซิฟัตดังกล่าวเลย และพวกเขาไม่ได้จำกัดในนั้น เป็นคุณลักษณะหนึ่งลักษณะที่เฉพาะ

และ สำหรับ พวกบิดอะฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ และพวกมุอฺตะซิละฮ์ พวกเขาทั้งหมดนั้น และพวกเคาะวาริจญ์ ทั้งหมด ปฏิเสธมัน และไม่ได้ถือตามความหมายฮะกีกัตจากมัน(บรรดาซิฟาตดังกล่าว)
พวก เขาอ้างว่า ผู้ที่ยอมรับมัน(ตามความหมายฮะกีกัต)นั้นเป็นพวกมุชับบะฮะฮ์ ( คือเป็นผู้ที่นำอัลลอฮ์ไปเทียบกับมัคลู๊ก )และในทัศนะของพวกเขาถือว่า ผู้ที่ยอมรับมัน เป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ควรเคารพภักดี และความถูกต้องนั้น มันอยู่ในสิ่งที่บรรดาผู้ที่มีทัศนะตามที่กิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ของรอ ซูลของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ พวกเขาคือ ผู้นำแห่งอัลญะมาอะฮ์ อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์
التمهيد لما في الموطأ من المعاني والأسانيد
ج 7 / ص 145




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น