อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ใครสักคนหนึ่ง ตั้งวลี "คนในดุอาอฺ" ขึ้ันมา







เขาอาจไม่คาดคิดว่า ณ วันนี้ มันจะกลายเป็นวลีติดปากของวัยรุ่นหลายต่อหลายคน
ทั้งที่คนคิดเริ่มแรก อาจให้นิยามของคำนี้ต่างกับคนใช้คำนี้ในปัจจุบันลิบลับเลยก็ได้
มีคนจำนวนไม่น้อยเลย นำคำนี้ไปใช้ในทางไม่ถูกไม่ควรไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ หรือไม่เจตนา
แต่การปรับเปลี่ยนคำ ก็ไม่ได้ทำให้หลักการกลายเป็นสิ่งหย่อนยานได้
การมีคนในดุอาอฺ ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไร
ถ้าเราจำกัดเขาให้อยู่แต่เพียงในดุอาอฺ ไม่ใช้นำตัวเข้าไปพัวพันในชีวิตจริง
แต่หากจะแนะนำอะไรบางอย่าง
ก็อยากให้หนุ่มสาวมุสลิมคิดหาอะไรอยางอื่นมาคิด มาพูดถึงมาทำกันบ้าง
เหมือนที่ ชัยคฺ อับดุลอะซีซ บิน บาซ ได้กล่าวไวย้ในทำนองที่ว่า
"...อย่าพูดเรื่องความรักให้มาก เพราะมันจะทำให้พวกท่านเพ้อเจ้อ..."
เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน ที่คนคนหนึ่งจะอ้อนอวนของต่ออัลลอฮฺว่า
"โอ้ อัลลอฮฺ ฉันรัก/ชอบ อยู่กับเขาหรือเธอคนนี้ โปรดให้เราได้เป็นคู่ครองกัน"
หรือสำนวนอะไรที่ค่อนไปในทางนี้
เขารู้ได้อย่างไรว่าคนที่เขาคบหาอยู่ เป็นคนที่ดีหรือเหมาะสมสำหรับเขาจริง ๆ
รู้ได้อย่างไรว่า คนคนนั้นเป็นคนที่ถูกกำหนดมาแล้วสำหรับเขา ?
และเขากล้าได้อย่างไร เขาไม่อายหรือ ที่เขาขอให้อัลลอฮฺมอบสิ่งที่ (เขาคิดว่า) ดีให้เขา
ทั้งที่เขาเอง กำลังฝ่าฝืนพระองค์อยู่ ?
ที่สำคัญก็คือ เราจำกัดคนที่จะเข้าไปอยู่ในดุอาอฺของเราหรือเปล่า ?
อาจมีบางคน ขอดุอาอฺเป็นวรรคเป็นเวร ให้ได้คู่กับคนนั้น คนนี้
แต่นอกเหนือจากคนที่เราต้องการได้มาเป็นคู่ครองแล้ว
เราไม่เหลือพื้นที่ในดุอาอฺให้ใครอีก ไม่ว่าจะเป็นพีน้องมุาสลิมที่โดนกดขี่รังแก
หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ผู้แก่ชราลงทุกที
หากเราเชื่อมั่นอีกสักหน่อยในคำสัญญาของอัลลอฮที่ว่า
"หญิงชั่วย่อมคู่ควรกับชายชั่ว และชายชั่วย่อมคู่กับหญิงชั่ว และหญิงดีย่อมคู่ควรกับชายที่ดี และชายทีี่ดีย่อมคู่กับหญิงที่ดี" (อันนูรฺ : 26)
เราก็จะตระหนักได้ว่า ในเมื่ออัลลอฮิรับรองไว้ขนาดนี้แล้ว และเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า คนที่จะมาอยู่เคียงข้างเราเป็นใคร สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ หากอยากได้คู่ครองแบบไหน ก็จงเป็นคนแบบนั้น
หากอยากได้คู่ครองที่ดี วิธีการก็คือ ทำตัวเองให้เป็นคนดี
เพราะหากเราเป็นคนดี เราก็ย่อมได้คู่กับคนดี
มันเป็นคำสัญญาจากอัลลอฮฺ คำสัญญาของผู้ไม่เคยผิดสัญญา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระวังเจตนาให้ดีด้วย
อย่างลืมว่า เราไม่ได้ทำดีใด ๆ เพื่อใครบางคนหรือหลายคน
แต่สิ่งดีใด ๆ ที่เราทำ ก็เพื่ืออัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว
เราไม่ได้พยายามทำตัวเป็นผู้หญิงที่มีค่า หรือผู้ชายที่มีเกียรติ
เพียงเพื่อจะให้อีกฝ่ายที่เราพึงพอใจนั้น พอใจ
เราไม่ได้หวังจะเป็นผู้หญิงที่ีดีเพื่อจะมีผู้ชายดี ๆ มาสนใจ
หรือไม่ได้เป็นผู้ชายดี ๆ เพื่อจะมีผู้หญิงนิสัยงาม ๆ มาชายตามอง
แต่เราพยายามจะเป็นคนดี เพื่อที่จะให้อัลลอฮฺดู ให้ใอัลลอฮฺแลและหากเราเป็นที่รักของพระองค์แล้ว
แน่นอนว่า พระองค์ก็จะทรงมอบสิ่งที่ีดีให้กับผู้ที่พระองค์รักอย่างไม่ต้องสงสัย
เหนือสิงอื่นใด เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า
พร้อมจะรักและเชื่อมั่นต่ออัลลอฮฺอย่างสุดหัวใจหรือยัง ?
พร้อมจะให้อัลลอฮฺเป็นใหญ่ในหัวใจและเหนือชีวิตของเราจริง ๆ แล้วหรือยัง ?
เพราะสิ่งที่จะได้รับกลับมาจากการทำดีเพื่ออัลลอฮฺนั้น
ก็คือสิ่งดี ๆ ที่มันจะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง
......................................
จากหนังสือ : LOVE STORY 4
โดย : อิสลาม คือ ศาสนาของเรา
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น