จากเหตุโศกนาฏกรรมที่มีนา ในวันที่ 10 ซุลหิจญะฮฺ ปีนี้ ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนานา
ก่อนอื่น เราขอ Takziyah ต่อพี่น้องที่เสียชีวิตทุกท่าน ขออัลลอฮฺทรงประทานให้พวกเขาได้เป็นผู้ที่ตายชาฮีด และตอบรับเป็นหัจญ์ที่มับรูร
ในเหตุโศกนาฏกรรมในคร้ังนี้ มีนัยและขีดเส้นใต้สีแดง เพื่อเป็นข้อสังเกตบางประการ
แน่นอนที่สุด หลังเหตุโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ประเทศที่ตกเป็นจำเลยและถูกโจมตี คือ ซาอุดีอาระเบีย
เราจะเห็นว่า หลังเกิดเหตุการณ์ อีหร่านได้แถลงโจมตีความบกพร่องของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียทันที ความจริง ก็น่าจะถูกวิจารณ์ แต่ ก็มีการวิจารณ์รัฐบาลอีหร่านกลับว่า กำลังฉวยโอกาส หรือ หาประโยชน์ทางการเมือง จากซากศพและเลือดเนื้อของพี่น้อง
ที่ออกโรงโจมตีอย่างเปิดเผยอีกกลุ่ม คือ พวก Liberalism ฉวยโอกาสโจมตีและดิสเครดิตซาอุดีอาระเบียและอิสลามไร้ประประสิทธิภาพและทำให้เกิดปัญหาในการจัดการ ซึ่งพวกเขาถูกตอบโต้กลับว่า .พวกเขาลืมไปว่า ขนาดในเวทีคอนเสิร์ตของพวเขา ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของคนกลุ่มเล็กๆ ก็ยังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมใหญ่เป็นประจำ
แต่ข้อสังเกตที่ต้องขีตเส้นใต้และมีน้ำหนักมากที่สุด คือเกิดจาก การสร้างสถานการณ์ และ มีการเขียนสคริปต์เพื่อโจมตีทางการเมืองเป็นอย่างดี
จากการติดตามจากการโพสต์ตามสื่อออนไลน์ ค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับการสร้างสถานการณ์ ...ส่วนใหญจะให้นำ้หนักไปที่การสร้างสถานการณ์จากกลุ่มชีอะฮฺ....
ดูจากรูปการณ์ กลุ่มผู้แสวงบุญหรือหุจญาจที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในเหตุโศกนาฏกรรมในคร้ังนี้ คือ ชาวอีหร่าน จากรายงานข่าวของหลายสำนักข่าว รายงานว่า เหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่มีการเดินเข้ามาของคลื่นหุจญาจจากประเทศอีหร่านเป็นจำนวนมาก
มีพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีหุจญาจจากประเทศอีหร่านจำนวนหนึ่ง เดินทางกลับจากการขว้างหินที่ญุมรอตตามเส้นทางเดียวกันกับ บรรดาหุจญาจจำนวนมากที่กำลังเดินทางไปขว้างหินที่ญุมรอต ทำให้ทั้งสองกลุ่มเกิดการประจันหน้ากัน เกิดเหตุล้มทับและเหยียบกันตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งความจริงแล้ว คนที่เดินกลับจากการไปขว้างหิน เขาต้องเดินออกไปตามเส้นทางอื่นที่กำหนดไว้แล้ว (ก็อดดาร็อลลอฮ มาชาอ์)
อย่างไรก็ตาม เราท้ังหลายก็ทราบกันดีว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับ อีหร่านในตอนนี้ กำลังร้อนแรง กองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบียกำลังรุกคืบ เพื่อยึดคืนเมืองหลวงของเยเมน ซึ่งถูกพวกชีอะฮฺ อัลฮูซีย์ ที่นิยมอีหร่านยึดครอง
แน่นอน อีหร่านมีผลประโยชน์ใหญ่หลวง จากการลดความน่าเชื่อถือ หรือ ลดเครดิตของซาอุดีอาระเบียในสายตาของประชาคมระหว่างประเ่ทศ การสร้างสถานการณ์ในช่วงเทศกาลหัจญ์ จึงทรงประสิทธิผลและได้ผลมากที่สุด
ในด้านอุดมการณ์ วันที่ 10 ซุลหิจญะฮฺ เป็นวันที่มีความหมายและมีนัยเป็นอย่างยิ่ง สำหรับชาวชีอะฮฺ
แล้วมัน มีความหมายอย่างไร?
เราทราบกันดีจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า ในปีที่ 8 ของการหิจเราะห์ของท่านนบีฯน้ัน เป็นปีที่บทบัญญัติในเรื่องหัจญ์ถูกประทานลงมา ในปีน้ัน ท่านนบีฯยังไม่ได้ไปทำหัจญ์ เพราะ ในการทำหัจญ์น้ัน ยังมีพวกมุชริกเจือปนอยู่ และพวกมุชริกยังคงเปลือยกายในขณะฏอวาฟรอบๆบัยตุลลอฮฺ
แต่ในปีน้ัน ท่านนบีฯได้สั่งให้อบูบักรและบรรดาซอฮาบะฮฺจำนวนหนึ่งไปทำหัจญ์ ซึ่งในปีนั้นท่านนบีฯได้ส่ังให้ท่านอบูบักรฺแจ้งประกาศที่สำคัญของท่านนบีฯ 2 เรื่อง คือ
(1) หลังจากปีนี้ ห้ามพวกมุชริกมาทำหัจญ์อีก
(2) หลังจากปีน้ี ห้ามเปลือยกายในช่วงฏอวาฟรอบๆบัยตุลลอฮ
ในขณะน้ันเอง ซูเราะห์บารออะฮฺ หรือ ซูเราะห์ อัตเตาบะห์ถูกประทานลงมา ซึ่งเนื้อหาของซูเราะห์นี้ส่วนใหญ่ เป็นการยกเลิกบรรดาพันธสัญญาทั้งหลายที่มีต่อพวกมุชริกในสมัยน้ัน
ดังน้ัน วันที่ 10 ซุลหิจญะห์ จึงเป็นวันที่ อบูบักรฺ แจ้งประกาศสำคัญสองข้อของท่านนบีฯดังกล่าวข้างต้น
พวกมุชริกทั้งหลายจึงถูกสั่งให้ออกมักกะห์ตั้งแต่บัดน้ันเป็นต้นมา และในปีต่อมา(ปี่ที่ 9 ของการหิจเราะห์ท่านนบีฯ) ท่านนบีฯก็ได้เดินทางไปทำหัจญ์
แล้วคำประกาศดังกล่าว มันเกี่ยวข้องกับพวกชีอะฮฺ อย่างไร?
โดยสรุป พวกชีอะฮฺ มีความเห็นว่า ผู้ที่สมควรนำคำสั่งท้ังสองประการจากท่านนบีฯ ไปประกาศสู่สาธารณชน คือ ท่านอาลี (รอฏิยัลลอฺ อันฮู)
ในมุมมองของพวกชีอะฮฺ มองในมิติของรัฐ ซึ่งมองว่า อาลี เป็นผู้ที่มีสิทธิโดยชอบธรรมในการเป็นคอลีฟะฮฺหลังจากท่านนบีฯเสียชีวิต พวกเขามองว่า อบูบักร ปล้นหรือยึดอำนาจจากท่านอาลี
ดังน้ัน การโจมตี อบูบักร จากกลุ่มชีอะฮฺจึงมีตลอดมา
วันที่ 10 ซุลหิจญะฮฺ จึงเป็นวันที่บรรดาผู้ประกอบพิธีหัจญ์ชาวชีอะฮฺ ใช้โอกาสนี้ ประท้วงเชิงสัญญลักษณ์ต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยพวกเขาอ้างว่า เป็นการบารออะฮฺจากพวกมุชริก
แต่เมื่อเราเหลียวมองดูจาก การปฏิบัติจริงของชาวชีอะฮฺ มันหาใช่การประท้วงต่ออบูบักรฺและพวกซุนนีไม่ แต่มันเป็นการยกย่องเชิดชูท่านอาลีและท่านหูซัยนฺเสียมากกว่า ดังจะเห็นได้จากการตัลบียะฮฺในช่วงประกอบพิธีหัจญ์ของพวกชีอะฮฺ แทนที่จะกล่าวว่า
"ลับบัยกัลลอฮฺกัลลอฮฺ ลาชารีกาลัก...พวกเขากลับไปกล่าวว่า...ลับบัยกา ยา ฮูเซ็น" ซึ่งเรามักจะเห็นป้ายพวกชีอะฮฺชูป้ายนี้เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงพวกเขาเดินขบวน
นัยและข้อสังเกตที่ได้ขีดเส้นใต้สีแดงข้างต้น ข้อสรุป น่าจะมีนำ้หนักไปที่ เหตุโศกนาฏกรรมที่ทุ่งมีนาในคร้ังนี้ เกิดจากการสร้างสถานการณ์ของชาวชีอะฮฺ
ถึงแม้ จะมีข้อบกพร่องในการบริหารจัดการของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย แต่จะมองข้ามประเด็นการสร้างสถานการณ์ของพวกชีอะฮฺไม่ได้เป็นอันขาด
เรื่องนี้ จะมีต้องมีการสืบสวน สอบสวน หาข้อเท็จจริงอย่างมืออาชีพ เป็นกลางและยุติธรรมต่อไป
ส่วนข้อโจมตีจากบางสำนักข่าวว่า เหตุโศกนาฏกรรมในคร้ังนี้ เกิดจาก การชนหรือติดขบวน หรือ ปิดเส้นทางเพื่อขบวนของโอรสของกษัตริย์ สัลมาน บิน อับดุลอาซิส แห่งซาอุดิอาระเบียผ่านน้ัน
มันเป็นข้อกล่าวหาและโจมตีที่ไร้เหตุผลและน้ำหนักโดยสิ้นเชิง
เพราะ รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้เตรียมสถานที่ขว้างหินที่ญุมรอตในชั้นใต้ดินสำหรับขุนนางชั้นผู้ใหญ่และบรรดาอาคันตุกะของกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่คนระดับมกุฏราชกุมาร ของซาอุดีอาระะเบียต้องไปแย่งเบียดเสียดกับคนเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาน้ัน เพื่อไปขว้างหินที่ญุมรอต คำกล่าวหาดังกล่าว จึงไม่มีน้ำหนัก
อนึ่งบทความนี้ ผู้เขียนได้แสดงความเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาใส่ร้าย หรือ เพื่อแก้ตัวแก่ฝ่ายใดท้ังสิ้น
จาก www.dakwatuna.com
http://www.dakwatuna.com/…/benarkah-insiden-mina-by-design/…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น