จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
;خَيْرُ يَوْمٍ طَلَعَتْ عَلَيْهِ الشَّمْسُ يَوْمُ الْجُمُعَةِ، فِيهِ خُلِقَ آدَمُ، وَفِيهِ أُدْخِلَ الْجَنَّةَ، وَفِيهِ أُخْرِجَ مِنْهَا، وَلَا تَقُومُ السَّاعَةُ إِلاَّ فِي يَوْمِ الْجُمُعَةِ
ความว่า “วันที่ประเสริฐที่สุดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นคือวันศุกร์ ในวันนั้นนบีอาดัมถูกสร้าง และถูกนำเข้าสวรรค์และถูกให้ออกจากสวรรค์และวันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้นนอกจากในวันศุกร์” (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม : 854)
ผลบุญอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ที่ไปมัสยิดในช่วงเช้าของวันศุกร์
จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
;مَنْ اغْتَسَلَ يَوْمَ الْجُمُعَةِ غُسْلَ الْجَنَابَةِ، ثُمَّ رَاحَ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَدَنَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الثَّانِيَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَقَرَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الثَّالِثَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ كَبْشًا أَقْرَنَ، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الرَّابِعَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ دَجَاجَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الْخَامِسَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَيْضَةً، فَإِذَا خَرَجَ الإِمَامُ حَضَرَتْ الْمَلاَئِكَةُ يَسْتَمِعُونَ الذِّكْرَ
ความว่า “บุคคลใดก็ตามที่อาบน้ำวันศุกร์เหมือนกับที่อาบน้ำญะนาบะฮฺ แล้วเขาออกไป (ยังมัสยิด) ในชั่วโมงแรกเขาจะได้รับผลบุญเหมือนเขากุรบานด้วยการเชือดอูฐ และใครออกไป (ยังมัสยิด) ในชั่วโมงที่สอง เขา(จะได้รับผลบุญ)เหมือนเขาเชือดวัว และใครออกไป(ยังมัสยิด)ในชั่วโมงที่สามเขา(จะได้รับผลบุญ)เหมือนเขาเชือดแกะที่มีเขา และใครออกไป(ยังมัสยิด)ในชั่วโมงที่สี่เขา(จะได้รับผลบุญ)เหมือนเขาเชือดไก่ และใครออกไป(ยังมัสยิด)ในชั่วโมงที่ห้าเขา(จะได้รับผลบุญ)เหมือนเขาบริจาคไข่ และเมื่ออิมามออกมากล่าวคุฏบะฮฺ บรรดามลาอิกะฮฺก็จะเข้าร่วมฟังการกล่าวซิกิร (คนที่มาตอนนี้และหลังจากนี้จะไม่ได้รับผลบุญกุรบานเหมือนคนที่มาก่อนหน้านี้)” (บันทึกหะดิษโดยอัล-บุคอรีย์ : 841 สำนวนรายงานเป็นของท่าน, มุสลิม : 851)
ในวันศุกร์จะมีช่วงเวลาหนึ่งซึ่งอัลลอฮฺจะทรงตอบรับดุอาอ์ของผู้ที่ขอในช่วงเวลานั้น
รายงานของมุสลิมจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า
;إِنَّ فِي الْجُمُعَةِ لَسَاعَةً لاَ يُوَافِقُهَا مُسْلِمٌ يَسْأَلُ اللَّهَ فِيهَا خَيْرًا إِلاَّ أَعْطَاهُ إِيَّاهُ، قَالَ : وَهِيَ سَاعَةٌ خَفِيفَةٌ
ความว่า “แท้จริง ในวันศุกร์นั้นมีช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งไม่มีมุสลิมคนใดที่ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่ดี นอกจากพระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่เขา มันเป็นช่วงเวลาที่สั้น” (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม 852)
อัส-สุยูฏีย์ กล่าวว่า บรรดาผู้รู้ในหมู่เศาะหาบะฮฺและตาบิอีนมีทัศนะที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับช่วงเวลาดังกล่าวมากกว่า 30 ทัศนะ และท่านก็หยิบยกทัศนะเหล่านั้น แล้วท่านก็อ้างถึงคำพูดของอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ที่ว่า หะดีษที่น่าเชื่อถือที่สุดคือหะดีษของ อบู มูซา อัล-อัชอะรีย์ ซึ่งรายงานโดยมุสลิมมีว่า : ท่านอบู มูซา อัล-อัชอะรีย์ ได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
هِيَ مَا بَيْنَ أَنْ يَجْلِسَ الإِمَامُ إِلَى أَنْ تُقْضَى الصَّلاةُ
ความว่า “มัน(ช่วงเวลาดังกล่าว)นั้นอยู่ในช่วงระหว่างที่อิมามนั่ง(อยู่บนมินบัร)จนละหมาดเสร็จ” (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม :853)
และทัศนะที่แพร่หลายที่สุดคือทัศนะของท่านอับดุลลอฮฺ บิน สลาม เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ นั่นก็คือ มันอยู่ในช่วงสุดท้ายของวันศุกร์
อัส-สุยูฏีย์ได้กล่าวต่อไปว่า บรรดาคนรุ่นก่อนก็ขัดแย้งกันอีกว่า ทั้งสองทัศนะนี้ทัศนะใดที่ถูกต้องที่สุด และแต่ละทัศนะนั้นต่างก็มีผู้เห็นด้วยทั้งสิ้น
อิบนุล อะเราะบีย์, อัล-กุรฏุบีย์ และอัน-นะวะวีย์ต่างก็เห็นด้วยกับทัศนะของท่านอบู มูซา อัล-อัชอะรีย์
ส่วนอะห์มัด, อิบนุ รอฮะวัยฮฺ และอิบนุ อับดิลบัร นั้นเห็นด้วยกับทัศนะของท่านอับดุลลอฮฺ บิน สลาม
อัส-สุยูฏีย์ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า และทัศนะที่ฉันเลือกและเห็นด้วยกับมันคือ ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นคือช่วงระหว่างอิกอมะฮฺของละหมาดวันศุกร์.
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น