ขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ...ขอความดังกล่าวมีมาพักหนึ่งแล้วครับ...แต่พอนักวิชาการอิสลามหลายท่านได้ตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นข้อความเท็จที่ไม่มีที่มาที่ไปและบางตอนที่ขัดต่อหลักการอิสลามและหลักความเชื่อของมุสลิม โดยนักวิชาการได้ให้ข้อสังเกตดังนี้
1.เจ้าหน้าที่รับผิดชอบกุญแจตึกอาคารมักกะห์ไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของท่านนบีมูฮัมหมัด เป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะฝันถึงคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า และชัยฏอนก็ไม่สามารถแปลงกายเป็นนบีได้เช่นกัน...
2.เผยแพร่SMSให้แก่มุสลิม20คน ภายใน10วัน...ขอความตอนนี้ถือเป็นการตะวักกัล(การมอบหมาย)ที่ไม่ถูกต้อง เพราะมุสลิมต้องมีความเชื่อว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ประทานริสกีปัจจัยยังชีพให้แก่มนุษย์ ไม่ใช่เพราะการส่งsms เพราะถ้าไม่ได้ส่งขอความดังกล่าวจะพบเจอแต่ความยากลำบาก ซึ่งจริงๆมันไม่มีอำนาจใดๆที่จะให้คุณและโทษแก่ผู้ศรัทธาได้
3.บิสมิลลาฮ์ 7 ครั้งและส่งพระนามของอัลลอฮ์ดังกล่าวประมาณ11พระนามต่อมุสลิม20ท่าน ท่านจะพบเจอแต่ข่าวดีในวันเสาร์และใครไม่เชื่อและลบหลู่จะพบเจอโชคร้าย6ปี.....ซึ่งข้อความต้อนนี้เป็นอันตรายต่อหลักอะกีดะห์(หลักความเชื่อของมุสลิม)เป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีแบบอย่างใดที่มาจากท่านนบีในการกล่าวบิสมิลลาห์7ครั้งตามด้วยพระนามของอัลลอฮ์ที่เจาะจงเฉพาะ รวมถึงเชื่อในอำนาจของการให้คุณและให้โทษ ข่าวดีเฉพาะวันเสาร์วันเดียว ความโชคร้ายระยะเวลา6ปี ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน
4.หากบริสุทธิ์ใจที่จะเผยแพร่20ครั้งใน1วันเราจะได้รับริสกีมากมาย แล้วอย่าทำเล่นเพิกเฉย....ข้อความตอนนี้เป็นการมอบหมายต่อการส่งข้อความ20ครั้งแล้วจะได้รับริสกี1วัน...ทั้งๆที่อัลลอฮ์ให้ริสกีเรามากกว่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องหลงในการส่งข้อความนี้
5.มีการวางแผนร้ายนี้โดยผ่านสื่อโซเชียลด้วยการลงท้ายข้อความให้ส่งต่อไปยังบุคคลอื่น
ส่วนเรื่องใกล้วันสิ้นโลก การละหมาด และการยึดมั่นในศาสนา มันเป็นเรื่องที่มุสลิมทุกคนต้องเชื่อมั่นและปฏิบัติอยู่แล้วตามหลักการอิสลาม...แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อความดังกล่าว
สรุปว่าข้อความดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน...และขัดต่อหลักอะกีดะห์(หลักการเชื่อมั่น)ของมุสลิมและไม่ตรงต่อหลักการของศาสนาแต่อย่างใด...
กรุณาส่งข้อความนี้เพื่อเตือนพี่น้องมุสลิมทุกคนอย่าได้หลงเชื่อต่ขอความดังกล่าว....
إن شاء الله
جزاكم الله خيرا
والله أعلم
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น