ในบรรดานบีหรือศาสนทูตทั้งหลายของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นบีที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอานมากที่สุดคือนบีอีซา อะลัยฮิสลาม หรือเยซู โดยกล่าวถึง 187 ครั้ง ทั้งยังอุทิศบทหนึ่งคือบทที่ 16 กล่าวถึงพระนางมัรยัมมารดาของนบีอีซา (อ.ล.) เป็นการเฉพาะ โดยเนื้อหาในบทนี้ภายหลังกลายเป็นแหล่งอ้างอิงเดียวที่กล่าวถึงช่วงเวลาถือกำเนิดของนบีอีซา (อ.ล.) ในขณะที่คัมภีร์เก่าหรือคัมภีร์ใหม่ในศาสนาคริสต์มิได้กล่าวไว้
“และจงเขย่าต้นอินทผลัมให้มันเอนมาทางตัวเธอ มันจะหล่นลงมาที่ตัวเธอเป็นอินทผลัมที่สุกน่ากิน” มัรยัม 16: 25
อัลกุรอานวรรคนี้กล่าวถึงนางมัรยัมในช่วงเวลาคลอดนบีอีซาโดยนางแม้หลบออกจากชุมชนไปอาศัยในโรงนานอกเมืองนาซาเรธ ดินแดนปาเลสไตน์ นางยังต้องหลบออกจากโรงนาเพื่อให้การคลอดบุตรพ้นจากสายตาผู้คน สถานที่นางเลือกคือใต้ต้นอินทผลัมนอกโรงนานั้นเองซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อินทผาลัมให้ผลกำลังสุกชวนกินซึ่งหมายถึงฤดูร้อนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
เทศกาลคริสตมาสซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวันประสูตรของพระเยซูที่นิยมทำกันคือวันที่ 25 ธันวาคม ทั้งสถานที่กำเนิดคือในโรงนาเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากอัลกุรอาน พิจารณาจากหลักฐานต่างๆที่ปรากฏ นักประวัติศาสตร์ตะวันตกยอมรับว่าวันเวลาถือกำเนิดของพระเยซูไม่มีปรากฏในที่ใดเว้นแต่ที่กล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอานของอิสลามเท่านั้น ในบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงปราชญ์สามคนติดตามดาวดวงหนึ่งมากระทั่งถึงนอกเมืองนาซาเรธ สอบถามคนเลี้ยงปศุสัตว์ที่พักค้างแรมกลางแจ้งกับฝูงแกะ สุดท้ายจึงได้พบพระกุมารเยซูถือกำเนิดในโรงนา การพักค้างแรมกลางแจ้งของคนเลี้ยงปศุสัตว์ที่อ้างถึงแสดงว่าช่วงเวลานั้นไม่ใช่เดือนธันวาคมซึ่งหนาวเหน็บ การปรากฏของดวงดาวซึ่งเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่งแสดงว่าดาวดวงนั้นคือดาวเคราะห์มิใช่ดาวฤกษ์ เป็นไปได้ว่านั่นคือการปรากฏตัวของดาวพฤหัสในช่วงกลางฤดูร้อนซึ่งเป็นเดือนสิงหาคมของปี
ไม่ว่าจะเป็นเดือนสิงหาคม หรือธันวาคมย่อมไม่สำคัญไปกว่าการมาของนบีอีซา (อ.ล.) ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก ท่านนบีมูฮำมัด ซอลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวถึงนบีอีซา อะลัยฮิสลามด้วยความรักอย่างยิ่งทุกครั้ง มุสลิมที่รักและเคารพในท่านนบีมูฮำมัด (ซ.ล.) จึงรักและรำลึกถึงนบีอีซา (อ.ล.) เฉกเช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น