จากหนังสือ "40หะดิษ อิมามนาวาวี" หะดิษที่ 5 (ห้ามอุตริในศาสนา)
☝☝☝☝☝
...ส่วนการบันทึกโดยมุสลิมนั้นมีสำนวนว่า...(ใครก็ตามที่ปฏิบัติกิจการใดกิจการหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้สั่งใช้ ดังนั้นกิจการนั้นจะถูกปฏิเสธ)
ความเข้าใจตามหะดิษนี้ก็คือ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่อัลลอฮ์และรสูลของพระองค์สั่งใช้มันก็จะถูกปฏิเสธ ซึ่งนี้คือเรื่องที่เกี่ยวกับอิบาดะฮฺโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เพราะหลักเดิมของการทำอิบาดะฮ์คือการห้ามไม่ให้ทำ
จนกว่าจะมีหลักฐานว่าชารีอะฮ์ (หลักการศาสนา)ได้กำหนดให้ทำ
ดังนั้น ในกรณีที่มีคนๆหนึ่งทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ อัซซะวะญัลละ ในรูปแบบหนึ่ง แล้วมีคนมาห้ามเขา เขาจึงถามว่า "มีหลักฐานอะไรที่บอกว่ามันเป็นสิ่งหะรอม ?" ถือเป็นการตั้งคำถามที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ให้ตอบไปว่า
"หลักฐานคือหลักเดิมของการทำอิบาดะฮ์คือ
ห้ามไม่ให้ทำจนกว่าจะมีหลักฐานว่ามีชารีอะฮฺกำหนดห้าม้ทำ"
แต่ในกรณีที่ไม่ใช่เรื่องอิบาดะฮฺ หลักเดิมของมันคืออนุญาตให้ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วๆไป หรือในการงานต่างๆ (ที่ไม่ใช่อิบาดะฮ์) ก็ถือว่าหลักเดิมของมันคืออนุญาตให้ทำได้
ตัวอย่างในเรื่องทั่วไป การที่คนๆหนึ่งดักนกเพื่อกิน แล้วมีคนมาห้ามเขา เขาจึงกล่าวว่า "มีหลักฐานอะไรที่บอกว่ามันเป็นสิ่งที่หะรอม ?" ซึ่งถือเป็นการตั้งคำถามที่ถูกต้อง เพราะหลักเดิมของมันอนุญาตให้ทำได้...
ดั่งที่อัลลอฮฺ ตะอาลาได้ดำรัสว่า..
هُوَ الَّذِي خَلَقَ لَكُم مَّا فِي الْأَرْضِ جَمِيعًا
"พระองค์ คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกเพื่อสูเจ้า"
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะฮ์ที่ 29) ...
ตัวอย่างในการงานต่างๆ ที่ไม่ใช่อิบาดะฮ์ หลักเดิมของมันคืออนุญาตให้ทำได้ เช่น การที่คนหนึ่งๆ ในบ้านของเขา หรือในรถของเขา หรือกับเสื้อผ้าของเขา หรือสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทางโลก แล้วมีคนมาห้ามเขา เขาจึงถามว่า “มีหลักฐานห้ามในเรื่องนี้หรือไม่ ?” ซึ่งถือเป็นการตั้งคำถามที่มีความชอบธรรม เพราะหลักเดิมของมันนั้นอนุญาตให้ทำได้
ซึ่งนี่คือหลักเกณฑ์ (กออิดะฮ์) ที่มีความสำคัญและประโยชน์อย่างมาก และด้วยหลักเกณฑ์ข้างต้นนี้เองจึงสามารถแบ่งอิบาดะฮ์ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. สิ่งที่เรารู้ว่าชะรีอะฮฺ (หลักการศาสนา) ได้กำหนดว่าเป็นอิบาดะฮ์ ก็ถือว่าเป็นชารีอะฮ์ที่สามารถทำได้
2. สิ่งที่เรารู้ว่าชะรีอะฮ์ได้ห้ามทำอิบาดะฮ์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ชารีอะฮ์ได้ห้ามไว้
3. สิ่งที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นอิบาดะฮ์หรือไม่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ชารีอะฮ์ได้ห้ามไว้
สำหรับเรื่องมุอามะลาต (การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน) และเรื่องทั่วๆไปนั้นเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเช่นเดียวกัน
1. สิ่งที่เรารู้ว่าชะรีอะฮ์ได้อนุญาตให้ทำได้ ก็ถือเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เช่น การที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กินลาบ้าน (ดูในมุสลิม หมายเลข 1941)
2. สิ่งที่เรารู้ว่าชารีอะฮ์ห้ามมัน เช่น ห้ามกินสัตว์ดุร้ายที่มีเขี้ยว ก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องห้าม
3. สิ่งที่เราไม่รู้ว่าชารีอะฮ์กล่าวถึงอย่างไร ก็ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้ทำได้ เพราะหลักเดิมของสิ่งที่ไม่ใช่อิบาดะฮ์นั้นสามารถที่จะทำได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น