ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพูดถึงเรื่องแฟนแล้ว
เรื่องขอบเขตระหว่างชายหญิง เป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะระบบแฟน ก็เป็นเพียงสับเขตย่อย ๆ ของปัญหาในเรื่องขอบเขตชายหญิง นั่นคือ
เรา...ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถูกทดสอบหรือด้วยเรื่องแฟนก็สืบเนื่องมาจากเราวางขอบเขตของเราไม่ชัดเจน หรือไม่รัดกุมพอ
ปัญหานี้ เป็นปัญหาเฉพาะของวัยรุ่นหรือไม่ ?
ตอบได้ทันทีเลยว่า ไม่ใช่อย่างแน่นอนหากเราจะมองย้อนกลับไปไกลขึ้นอีกนิด
เราจะเห็นได้ว่า วัยรุ่นจะวางขอบเขตของตัวเองในระดับไหน มากหรือน้อย
ก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาได้รับการปลูกฝัง การให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้จากพ่อแม่และคนในครอบครัว มากน้อยเพียงใด ใช่ ! การปล่อยปละละเลยหรือการให้ความสำคัญต่อเรื่องของคนคนหนึ่งอาจบ่งบอกได้ในระดับหนึ่งว่า ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร นั่นจึงหมายถึงว่า การปฏิบัติตัวของเขา ไม่ได้มีผลเฉพาะต่อตัวเรา
แต่มีผลต่อสายตาและความคิดของผู้คนที่มีต่อครอบครัวเราด้วย
หากเราทำตัวเสื่อม ๆ มันก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ ที่ผู้คนจะมองครอบครัวของเราในมุมที่ไม่ดีนัก และจำไว้เถอะว่า หากเป็นอยา่งนั้น ตัวเราเองนั่นแหละ ที่ทำให้ผู้คนมองครอบครัวเราในทางที่เราไม่ชอบใจ จะโทษใครไม่ได้เลย
อะไรทำให้การละทิ้่งสิ่งนี้ เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะปฏิบัติได้ยากเย็นนัก ?
"ชัยฏอนและนัฟซู" มักเป็นคำตอบของคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล กล่าวอ้าง คนประเภทนี้มักไม่ยอมรับว่า ความผิดที่ทำนั้นเกิดจากตัวเอง ซึ่งคำตอบที่กล่าวมา ถ้าพูดกันตามจริงก็ไม่ผิด แต่ แล้วไงล่ะอ?
ชัยฏอนมันมีชีวิตอยู่ก็เพียงเพื่อจุดประสงค์ของการหลอกล่อเราให้อยู่ร่วมในนรกกับมัน สิ่งที่มันทำ จึงนับได้ว่าเป็นหน้าที่ของการมีชีวิตอยู่ของมัน และหน้าที่ของเรา ก็คือ การพยายามทำให้ตัวเองออกห่างจากการเป็นพวกพ้องของมันไม่ใช่หรือ ?
แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่ ?
ธรรมชาติของมนุษย์มักรักชอบการเป็นคนสำคัญสำหรับใครบางคนหรือหลายคน และระบบแฟน ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ในระดับผิวเผินได้ หรืออย่างน้อย ๆ ผู้คนทั้งไปก็เข้าใจว่าอย่างนั้น
การเป็นคนสำคัญของใครสักคนหนึ่ง ทำไมจึงจะไม่ใช่สิ่งที่ดี โดยเฉพาะหากการคบ การพูดคุยกับเขา ทำให้เรารักอัลลอฮฺมากขึุ้น
คำถามนี้มีสองประเด็นซึ่งสอดคล้องกัน สำหรับประเด็นแรกนั้น
แน่นอน การถูกให้ความสำคัญเป็นสิ่งที่คนขาดความอบอุ่น ต้องการแต่ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ จะรู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่นอย่างไร ? ในเมื่อเราบอกเสมอว่า มีเพียงอัลลอฮฺก็พอแล้วสำหรับเราและในความเป็นจริง
อัลลอฮฺก็ไม่เคยจะไม่มีวันทอดทิ้งเราไปไหน พระองค์ทรงอยู่กับเราตลอดเวลา แม้ในขณะที่เรารู้สึกว่าเราไม่มีใครเลยก็ตาม เราจะเอาเวลาหรือช่วงจังหวะชีวิตไหนไปรู้สึกว่า "เราขาดความอบอุ่น" ได้ ?
เอาล่ะ ! เราอาจจะไม่ใช่คนขาดความอบอุ่นก็ได้
อย่างน้อย การมีคนอยู่เคียงข้างแม้ว่าเราจะเป็นคนที่ได้รับความรักจนล้นเหลืออยู่แล้ว มันก็ทำให้เรารู้สึกดีและมีความสุข ซึ่งอิสลามปฏิเสธการมีเพื่อนอยู่แล้ว อีกทั้งยังสนับสนุนในสิ่งนี้ด้วยซ้ำ หากว่าคนที่เรารักจะอยู่้ด้วยเป็นคนดีและทำให้อีหม่านของเราดีขึ้น
เราเองต่างหาก ทำไมเราต้องจำกัดรูปแบบของการมีความรักและความสุข ในรูปแบบของ "คู่รัก" เพียงเท่านั้น ? เพื่อน ครอบครัว พี่น้องมุสลิม ไม่เพียงพอในการได้มาซึ่งความรักและความสุขหรอกหรือ ?
หรือเรากำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง
ประเด็นที่สอง เราจะบอกว่ารู้สึกใกล้ชิดอัลลอฮฺมากขึ้นจากการสนิทสนมกับบุคคลที่อัลลอฮฺไม่อนุมัติให้เราใกล้ชิดด้วย อย่างนั้นหรือ ?
เรารักอัลลอฮฺมากขึ้น จากการทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนพระองค์ อย่างนั้นหรือ ?
ตกลงว่า ความพอใจของอัลลอฮฺ กับความพอใจของเรา สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ? คำถามเหล่านี้ น่าจะพอชี้วัดได้ว่า ที่เรามักเอ่ยเสมอว่า อัลลอฮฺยิ่งใหญ่ที่สุด เรารักอัลลอฮฺมากที่สุด เป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน
อย่าลืมว่า ที่เรามีหรือมีความสามารถจะมีความรักได้ เป็นสิ่งที่ถูกอนุมัติจากผู้สร้างความรัก
ดังนั้น ความรักของเราจึงควรเป็นความรักเพื่อผู้สร้างความรัก ไม่ใช่ความรักในรูปแบบที่ฝ่าฝืนพระองค์ ความรักที่ผู้สร้างความรัก ไม่รักไม่ปรารถนา ย่อมไม่ใช่ความรักที่แท้จริง ต่อให้เราจะมีข้อแก้ตัวมากมายเพียงใดก็ตาม
......................................
จากหนังสือ : LOVE STORY 4
โดย : อิสลาม คือ ศาสนาของเรา
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น