อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

ผลประโยชน์และสิ่งใหม่ในการเยี่ยมกุบูรฺ




ผู้เยือนกุบูรได้รับประโยชน์  3  ประการ

1.  ทำให้รำลำถึงความตาย  เพื่อให้เขาได้เตรียมตัว  โดยการประกอบความดี  ดังที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า

 “ท่านทั้งหลายจงไปเยือนกุบูร  แท้จริงมันจะทำให้พวกท่านรำลึกถึงโลกอาคิเราะฮ์”
(บันทึกโดย มุสลิม)


2.  การเยือนกุบูรเป็นซุนนะฮ์เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์  ได้ให้แบบอย่างไว้  ดังนั้น ผู้ปฏิบัติจึงได้รับการตอบแทน


3.  การทำความดีแก่ผู้ตาย  โดยการขอดุอาอ์ให้แก่พวกเขา ด้วยการทำความดีนี้ เขาจะได้รับการตอบแทนผลบุญ


          ส่วนผู้ตายที่ถูกเยี่ยมก็จะได้รับประโยชน์ด้วยการเยี่ยมที่ชอบด้วยบัญญัติศาสนา  โดยการขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตายและการทำความดีกับเขา  เพราะผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากการขอดุอาอ์ของคนเป็น

           ชอบให้ผู้เยือนกุบูรขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตาย ตามที่ปรากฏจากท่านร่อซูลุลลอฮ   ส่วนหนึ่งจากดุอาอ์  ได้แก่ ฮะดีษซึ่งบุรอยดะฮ์  อิบนิลซอยบ์  กล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ได้สอนพวกเขา เมื่อทำการเยือนกุบูร  โดยกล่าวว่า

 “ขอความสันติสุขจงมีแด่พวกท่าน  โอ้ชาวเคหะนี้จากบรรดามุมินและมุสลิม 

และแท้จริง เรานั้นหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้ตามพวกท่านไป  ฉันขอวิงวอนต่ออัลลอฮ์ ให้เราและท่านทั้งหลายได้รับความผาสุก”
(บันทึกโดย  มุสลิม)


          การเยี่ยมกุบูรเป็นสิ่งที่ชอบสำหรับผู้ชาย  ส่วนการเยี่ยมกุบูรของผู้หญิง  นักวิชาการมีความเห็นแตกต่างกัน  บางคนอนุญาตให้ผู้หญิงไปเยี่ยมกุบูรได้และบางคนไม่อนุญาต   ที่ปรากฏ คือ ไม่อนุญาต  ดังคำพูดของนบีมูฮัมมัด  กล่าวว่า

  “อัลลอฮ์ ทรงสาปแช่งบรรดาผู้หญิงที่ไปเยี่ยมกุบูร”
(นำเสนอโดย อัตติรมีซีย์  และบุคคลอื่น)

         แท้จริงที่ชัดเจนในถ้อยคำ “บรรดาหญิงผู้เยือน” หมายถึง  บรรดาหญิงที่เยือนกุบูรนั้นเอง  กล่าวคือ พาดพิงการเยือนไปยังผู้หญิง เช่นเดียวกับอายะฮ์  กุรอานที่ว่า

 “และพระเจ้าของเจ้า  มิได้อธรรมต่อบรรดาป่วงบ่าว”

(ฟุศศิลัต/46)

           หมายความว่า พระองค์มิใช่ผู้อธรรม การใช้คำว่า “ซูวาร็อต”  มิใช่แสดงความมากหรือบรรดาหญิงผู้เยี่ยมกุบูรมาก  ดังที่นักวิชาการบางท่านอนุญาตให้ผู้หญิงเยือนกุบูรได้ และบางส่วนไม่อนุญาตให้เยี่ยมกุบูร เนื่องจากผู้หญิงมีความอ่อนแอ มีความอดทนอยู่ในขอบเขตจำกัด ไม่อาจระงับใจไม่ให้ร้องไห้และการรำพึงรำพัน ขณะเดียวกัน คำพูดที่ว่า ห้ามผู้หญิงไปเยี่ยมกุบูรเป็นการเผื่อไว้  เพราะผู้หญิงเมื่อปล่อยให้นางไปเยี่ยมกุบูรในการนี้จะไม่เกิดขึ้น  นอกจากจะเป็นสิ่งที่ชอบด้วยบัญญัติศาสนา  เมื่อการเยือนกุบูรเกิดขึ้น ก็จะต้องเผชิญกับการสาปแช่งของอัลลอฮ์


           ส่วนการเยือนกุบูรแบบอุตริ คือ การเยือนที่ไม่ชอบด้วยบัญญัติศาสนา  เช่น การไปเยือนกุบูรเพื่อขอดุอาอ์จากเจ้าของกุบูรหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าของกุบูร และขอให้ขจัดอุปสรรค  ดังนั้นการเยือนกุบูรครั้งนี้  ผู้ตายไม่ได้รับประโยชน์จากการมาเยือนและผู้เยือนยังได้รับผลเสียหาย  เพราะได้กระทำในสิ่งที่ไม่อนุญาต  นั่นคือ การชิริก (การตั้งภาคี) ต่ออัลลอฮ์  ผู้ตายไม่ได้รับประโยชน์เพราะผู้เยือนกุบูร มิได้ขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตาย แต่ผู้ตายกับถูกขอดุอาอ์จากเขาอื่นจากอัลลอฮ์


           เชคอับดุลอาซีซ  อิบนิบาซ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ เกี่ยวกับการทำฮัจญ์ของท่านว่า ส่วนการเยี่ยมกุบูรโดยมีเป้าหมายเพื่อขอดุอาอ์จากเจ้าของกุบูร หรือเฝ้าที่กุบู้ร หรือขอให้ผู้ตายตอบสนองความต้องการหรือทำให้หายป่วย หรือให้เป็นสื่อกลางในวิงวอนต่ออัลลอฮ์   การไปเยี่ยมกุบู้รในลักษณะนี้เป็นแบบอุริ(บิดอะฮ์)ที่ชั่วช้าที่สุด  ซึ่งอัลลอฮ์  และร่อซูล  ของพระองค์มิได้บัญญัติเช่นนั้น   แม้แต่ชาวสะลัฟที่ดีก็ไม่เคยปฏิบัติ  ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการกระทำที่ท่านร่อซูลลุลอฮ์   ไม่ชอบให้กระทำ

 ดังที่ท่านกล่าวว่า

 “ท่านทั้งหลายไปเยี่ยมกุบูร และท่านทั้งหลายอย่าพูดในสิ่งน่าเกลียด”

           สิ่งที่กล่าวมานี้อยู่ในความหมายรวมของคำว่า อุตริ  แต่มีระดับแตกต่างกัน  บางกรณีก็เป็นอุตริแต่ไม่ถึงระดับชีริก (การตั้งภาคี) เช่น การขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ ที่กุบูร  หรือการวิงวอนโดยอาศัยเกียรติของผู้ตาย เป็นต้น บางกรณีก็เป็นชีริกใหญ่  เช่น การขอดุอาอ์จากผู้ตาย และการขอความช่วยเหลือจากผู้ตาย เป็นต้น


والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

 โดย : เชคอับดุลมัวะฮฺซิน  บินฮะมัด  อัลอับบาด  อับบัดร์

แปลและเรียบเรียงโดย  อาจารย์มูนีร  มูฮัมมัด

ที่มา : อัลอิศลาห์สมาคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น