ตอบโดย อ.อาลี เสือสมิง
คำถาม
อยากทราบถึงฮาดีษที่ว่าถึงคุณค่าของการละหมาดตะรอเวียะฮ์ทั้ง 30 คืนครับ ว่าเป็นฮาดีษที่เชื่อถือได้หรือไม่ ? อย่างไร ? อ้างจากหนังสือดุรรอตุ้นนาซีฮีน หน้า 19 ครับ...เพราะบทความดังกล่าวได้ขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า عن على بن أبى طلب رضى الله عنه {سئل النبى عليه الصلاةوالسلام خن فضائل التراويح فىشهررمضان فقال ...และอีก 30 ข้อ
จึงรบกวนอาจารย์ช่วยบรรยายให้หน่อยครับ
ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
......
อยากทราบว่า หะดิษที่บอกคุณงามความดีการละหมาดตะรอเวียะห์ในเดีือนร่อมฎอนเป็นอย่างไรกันแน่ ?
ซึ่ง ตอนนี้และอดีตนั้นมีการบอกกล่าวกันเยอะมากๆ แต่พอมาได้ยินว่า หะดีษที่บ่งบอกถึงคุณงามความดีดังกล่าวนั้น เป็นหะดีษเมาฎัวะอฺ แสดงว่าไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานและบรรทัดฐานได้เลยแม้แต่น้อย อันซึ่งปัจจุบันก็มีการสอนและบอกกล่าวกันอีกหลายสถานที่ เช่นที่หมู่บ้านของผมเอง ดังนั้น เราจะมีวิธีใดบ้างที่จะชี้แจงและบอกกล่าวแก่พวกเขาถึงประเด็นดังกล่าวนั้น อย่างไงและอย่างไรดี เพื่อความเป็นพี่น้องและเอกทัศน์ต่อความจริง เพราะหากเราไปบอกเลยว่า สิ่งที่คุณบอกอยู่นั้น มันผิดน่ะ มันเป็นการทำบิดฺอะฮ์น่ะ หากว่าไปพูดอย่างนี้เลย เกรงว่่า จะเกิดการไม่มองหน้ากัน หรือเกิดความแตกแยกกันอีกก็ได้ เพราะฉะนั้น หากเป็นอาจารย์ควรจะทำอย่างไรต่อประเด็นในคำถามดังกล่าวครับ...วัลลอฮุอะ อฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม วะรอห์มะตุลลอฮิ ตะอาลา วะบะรอกาตุฮฺ
คำตอบ
وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
การละหมาดตะรอวีฮฺในค่ำคืนของรอมาฎอนนั้น ถือเป็นซุนนะฮฺโดยอิจญ์มาอฺ เนื่องจากมีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ว่า : ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ส่งเสริมและเชิญชวนในการละหมาดยามค่ำคืนของรอมาฎอนโดยที่ท่านมิได้ใช้ให้พวกเขา (เหล่าสาวก) กระทำแบบเด็ดขาดและเคร่งครัด
ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า : (مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيْمَانًاوَاحْتِسَابًاغُفِرَلَه مَاتَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِه) “ผู้ใดละหมาดยามค่ำคืนของรอมาฎอนอันเนื่องมาจากความศรัทธาและการมุ่งหวังผลานิสงค์ ก็ถูกอภัยให้แก่เขาผู้นั้นแล้วซึ่งบาปที่มีมาก่อน” (รายงานพ้องกันโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
เพียงพอแล้วสำหรับความประเสริฐและคุณค่าของการละหมาดตะรอวีฮฺในการใช้หะดีษบทนี้เป็นหลักฐานประกอบกับหะดีษที่อิบนุคุซัยมะฮฺ บันทึกเอาไว้จากท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ (ร.ฎ.) ในซ่อฮีฮฺของท่านและกล่าวว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้อง ซึ่งระบุว่า “เดือนซึ่งพระองค์ทรงกำหนดให้การถือศีลอดเป็นฟัรฎู และการละหมาดในยามค่ำคืนเป็นกุศลกิจอาสา ผู้ใดสร้างความใกล้ชิดกับพระองค์ด้วยประการหนึ่งจากความดี ก็ประหนึ่งดังว่าผู้นั้นปฏิบัติ 1 ฟัรฎูในเดือนอื่น”
กล่าวคือ ทำซุนนะฮฺได้ภาคผลเท่ากับทำฟัรฎูนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วสำหรับคุณค่าและความประเสริฐของการละหมาดซุนนะฮฺตะรอวีฮฺโดยไม่ต้องไปอาศัยหะดีษที่ไล่เรียงลำดับผลบุญรายคืนมาเป็นหลักฐาน เวลาอธิบายกับพี่น้องมุสลิมก็ให้นำเสนอหะดีษที่รายงานพ้องกันโดยบุคอรีย์และมุสลิม และหะดีษอิบนุคุซัยมะฮฺที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนถ้าจะพาดพิงถึงหะดีษผลบุญรายคืนก็บอกกับพี่น้องว่า เป็นหะดีษที่ไม่มีสายรายงาน อย่าไปยึดเอามาเป็นหลักฐาน พูดแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องรุนแรง
ส่วนที่คุณ dragon ยกตัวอย่างสำนวนในการบอกกับพี่น้องว่า “สิ่งที่คุณบอกอยู่นั้น มันผิดน่ะ มันเป็นการทำบิดอะฮฺน่ะ” อันนี้ไม่ควร แต่ให้พูดว่า สิ่งที่คุณบอกอยู่นั้น มันไม่ชัวร์น่ะ คุณน่าจะตรวจสอบหะดีษที่ว่าเสียก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร? และให้ไปบอกกับคนที่ชอบสาธยายนั้นเป็นกรณีสองต่อสอง อย่าไปขัดต่อหน้าผู้คน
และจริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการทำบิดอะฮฺ เพราะการละหมาดตะรอวีฮฺเป็นซุนนะฮฺ ส่วนข้อมูลที่นำมาอ้างในการชักชวนผู้คนให้ปฏิบัติซุนนะฮฺนี้นั่นเป็นข้อมูลที่มีปัญหา ปัญหาจึงอยู่ที่ข้อมูล ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องบิดอะฮฺอะไรนั่น ไปพูดเรื่องนี้ว่าเป็นบิดอะฮฺ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับบิดอะฮฺก็จะเกิดเรื่องได้โดยเฉพาะกับคนที่แสลงหูกับคำ ๆ นี้ จึงต้องเรียบเรียงและเคลียร์ประเด็นในการอธิบายให้ดี!
والله ولي التوفيق
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น