.
อบูอัดนาน อะหมัด อัลฟารีตี : เขียน
.
มันศูร อับดุลลอฮฺ : แปล
........................................
.
.
จาก อบีมูซา รอฏิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮิ ฮูอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ผู้หญิงคนใดที่ใช้เครื่องหอมออกจากบ้าน หลังจากนั้นนางเข้าใกล้ชิดกลุ่มผู้ชายเพื่อให้พวกเขาได้กลิ่นหอมของนาง นั่นเท่ากับนางทำซินาแล้ว และทุก ๆ การมอง (ผู้ที่ไม่อนุญาตให้มอง) ถือเป็นการทำซินา (รายงานโดย อันนะซาอี : 8/153, อะหมัด : 4/414 และหากิม : 2/396)
.
.
จาก ซัยนับ ภรรยาของอับดุลลอฮฺ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวแก่เราว่า เมื่อใดที่พวกเธฮออกไปมัสยิด (เพื่อนนมาซญะมาอะฮฺ) ก็จงอย่าแตะเครื่องหอม (อย่าใช้เครื่องหอม) (รายงานโดย มุสลิม : 443)
………………………………..
........... บทเรียนจากอัลหะดีษ ...........
.
1. สาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดฟิตนะฮฺ (ความเลวร้าย) ระหว่างเพศชายและหญิง คือ การได้กลิ่นหอมจากผู้หญิง
.
2. ผู้หญิงคนใดออกจากบ้านโดยใช้น้ำหอมและมีเป้าหมายให้ชายอื่นที่มิใช่มะหฺรอมได้กลิ่นหอมจากน้ำหอมนั้น นั่นเท่ากับนางได้ทำซินาแล้ว
.
3. ตาที่มองผู้หญิงหรือตามที่มองผู้ชายที่ต้องห้ามนั้น ถือว่าตานั้นได้ทำซินาแล้ว
.
4. อนุญาตให้ผู้หญิงออกไปนมาซญะมาอะฮฺที่มัสยิดได้โดยมีเงื่อนไขบางประการหนึ่งในนั้นคือ ต้องไม่ทาเครื่องหอม
.
5. อนุญาตให้ผู้หญิงใช้น้ำหอมที่บ้านของนางและสำหรับสามี โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่หอมฟุ้งแตะจมูกชายอื่น
.
6. หะดีษนี้ชี้ให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนในคำสอนของอิสลามซึ่งควบคุมปัญหาต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชาติ
.
7. อิสลามรักษาเกียรติยศของผู้หญิงและรักษาความปลอดภัยแก่พวกนางเสมอ แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงเรื่องใหญ่ ๆ
………………………………………
(จากหนังสือ : ช่อบุปผชาติ แด่....สตรีมุสลิม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น