ท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
“บ่าวของข้าตื่นขึ้นมาในสภาพเป็นผู้ศรัทธาต่อข้าและปฏิเสธข้า
ผู้ใดที่เชื่อว่าฝนที่ตกลงมาด้วยความโปรดปราณและความเมตตาของอัลลอฮ์ เขาคือผู้ศรัทธาต่อข้าและเป็นผู้ปฏิเสธอิทธิพลของดวงดาว
ส่วนผู้ใดที่เชื่อว่าฝนตกลงมาด้วยอิทธิพลของดาวดวงนั้นดวงนี้ เท่ากับเขาได้ปฏิเสธต่อข้าและศรัทธาต่อดวงดาว”
(บันทึกหะดิษโดยอิหม่ามมุสลิม เลขที่56 บทที่36 : ใครที่กล่าวว่า "เราได้รับฝนเพราะดวงดาว" เป็นผู้ปฏิเสธ )
หะดิษบทนี้ยืนยันผู้ที่เชื่ออิทธิพลของการโคจรของดวงดาว กลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ซึ่งการเชื่อฤกษ์ยามต่างๆ ในการทำพิธีหรือกิจการต่างๆ เช่น การแต่งาน การซื้อรถ การขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น ก็เป็นการเชื่อว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อกิจการนั้นๆ
เพราะถือฤกษ์ยามข้างขึ้นข้างแรมนี้ว่าจะมีผลดีผลร้ายในพิธีกรรมหรือกิจการดังกล่าว จะเอาชะตาชีวิตไปฝากไว้กับข้างขึ้น โดยเชื่อว่าแต่งงานหรือทำกิจการใดๆ จะได้ขึ้น หรือเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าไปทำในข้างแรมจะทำให้ชีวิตคู่อับเฉา หรือกิจการล่มสลาย
การดูฤกษ์ยามข้างขึ้นข้างแรมมีเหตุมาจากการโคจรของดวงจันทร์ที่เป็นหนึ่งในบริวาลของดวงอาทิตย์ ซึ่งรอบการโคจรของดวงจันทร์จะกินระยะเวลาประมาณ 29 – 30 วัน โดยช่วงขาขึ้นเริ่มจากขอบฟ้าด้านตะวันตกที่เราแลเห็น จากเสี้ยวเล็กๆ ก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน ซึ่งจะถูกนับเป็นข้างขึ้น เช่น ขึ้น 2 ค่ำ 3 ค่ำ 4 ค่ำ และ ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น